ที่เรียกว่า “ปล่อย” คือการให้เลือดของคนหนึ่งออกไป ทำให้การรับรู้ของจิตวิญญาณสลายหายไป และเลือดบริสุทธิ์ก็จะหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานของวงจรของชีวิต
ผู้คนในต้าเว่ยมีวิธีการ ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดคือการผสมเลือดบริสุทธิ์ในบ่อน้ำหรือแม่น้ำ
ผู้คนในต้าเว่ยเชื่อว่าชีวิตนั้นมีมาจากน้ำและสิ้นสุดลงด้วยน้ำ ดังนั้นมีเพียงน้ำเท่านั้นและต้องเป็นน้ำที่มีชีวิตเท่านั้นที่สามารถทำให้เลือดบริสุทธิ์หายไปอย่างสมบูรณ์ นัดแต่นี้จะไม่สามารถกลับมาเป็นร่างได้อีก
“ข้าจะไม่ไป” เซียวเฉวียนหันหน้าไปอีกทิศและไม่หันไปมองที่ขวดสองขวดนั้นอีกเลย ในดวงตาของเขาเจ็บปวดเล็กน้อย และมีใบหน้าที่เย็นชา “ท่านเพียงส่งเย่าเหล่าและจิ่นเซ่อไปก็พอ”
ทุกคนสัมผัสได้ถึงความเศร้าของเซียวเฉวียน
เสี่ยวเซียนชิวดวงตาแดงขึ้นและมีใบหน้าอ่อนแอ แต่ก็ไม่พูดอะไรและเขามองไปที่อี้กุย “ข้าบอกท่านให้ไป ขอให้ท่านจงรีบไปเถอะ!”
“ขอรับ ท่านป้า……” อี้กุยเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังโดยรับขวดสองขวด และเดินไปทางบ่อน้ำ
อี้กุยก้าวไปข้างหน้าและหันกลับมามองถึง3ครั้ง เซียวเฉวียนไม่แม้แต่จะมองอี้กุยเลย แต่มือของเขากลับถือส้มไว้แน่น
“ไปเถอะ…”
อี้กุยพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ แล้วเปิดขวดของจิ่นเซ่อและเหล่าเย่าจากนั้นก็ทิ้งลงในบ่อน้ำ
สายลมพัดผ่าน ข้ามอี้กุยไปและตรงไปที่เซียวเฉวียน
เซียวเฉวียนรู้สึกเหมือนลมเบาๆที่พัดผมของเขาเป็นมือของคน แต่เมื่อหันหน้ามองกลับไม่พบอะไรเลย
ลมเบาๆผ่านไป แล้วหยุดลง
เหมือนกับคนหายไป ไร้เสียง ไร้เงาไม่มีร่องรอยให้เห็น ไม่มีตัวตน
น้ำตาหยดลงบนเสื้อของเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนพยายามกลั้นน้ำตาไว้ ต่อไปนี้ภูเขาจงหนานและเซียวเฉวียนจะเป็นศัตรูกัน!
เซียวเฉวียนกำมือแน่น มีคนหนึ่งที่อาจรู้ข้อมูลเกี่ยวกับภูเขาจงหนาน
ไทเฮา
กระบี่ชีวันที่เขาได้ให้กับฉินซูโหรวตัวปลอม น่าจะถูกสังหาโดยหมู่ป่าที่ภูเขาจงหนาน
เซียวเฉวียนนกระโดดขึ้นมาพร้อมที่จะเข้าประตูพระราชวัง อี้กุยขอให้เขากินข้าวก่อน แต่เขาไม่มีอารมณ์ที่จะกินมัน
เมื่อเขาเพิ่งเข้ามาจากประตูของศาลาคุนหวู่ มีคนร่างเล็กมาชนเขาไป เขารีบช่วยคว้าตัวขึ้นและคนนั้นเหมือนกับกระต่ายที่ได้รับความตกใจ นอกจากนี้การช่วยเหลือกันก็เป็นที่น่ารำคาญในสังคมที่นี้
“ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” สาวคนนั้นพูดและก็ทำการโค้งตัวเป็นการทักทายแก่เซียวเฉวียนทันที ใบหน้าของเธอแดงเพราะเขินอายจากความตื่นตระหนก
ที่จริงแล้วคือฉินซูโหรว ดังนั้นที่นางจะไปชนกับเซียวเฉวียนจึงไม่ได้เป็นสิ่งที่คาดคิดเลย นางหน้าแดงจนถึงหูและหันหน้าลง ไม่กล้ามองใบหน้าเขาเลย
เซียวเฉวียนไม่สามารถเรียกชื่อจริงของเธอได้ เพราะฉินซูโหรวตัวปลอมยังมีชีวิต เขาก้มหน้าลงมองที่นางมีบาดแผลเต็มตัว และพูดว่า “อาหมาน เจ้าไปทำอะไรมา ทำไมกลายเป็นแบบนี้?”
เซียวเฉวียนมีความอ่อนโยนต่อเธอเล็กน้อย เนื่องจากฉินซูโหรว คือคนโง่กล้าทําลายกระบี่ชีวันเพื่อเขา เขามองลูกสาวตระกูลฉินด้วยความคิดใหม่ทันที
นางนั้นดีมาก ดีกว่าฉินซูโหรวตัวปลอมเสียมากจริงๆ
และก็ยิ่งน่าสงสารมากเช่นกัน
“กลับไปหาราชครูเถิด” ฉินซูโหรวก้มหน้าลงและถือกระบี่แน่น “ข้าเพิ่งกลับมาจากพระราชวัง”
“พระราชวังเปลี่ยนไปงั้นเหรอ?” เซียวเฉวียนเกิดข้อสงสัย รู้สึกสะดุดตาขึ้นมา เมื่อนางยังไม่หายเป็นแผล ทำไมต้องไปมุ่งความสนใจในเรื่องนี้?
“เอ่อ,ข้าเป็นห่วง… เป็นห่วงเกี่ยวกับเสด็จพ่อ ดังนั้น… “ ฉินซูโหรวไม่กล่าวเป็นความจริง นางเป็นห่วงพ่อตัวเอง แต่ก็เป็นห่วงเซียวเฉวียนมากขึ้นเหมือนกัน
คำโกหกของนางไม่สามารถโกหกจากการฟังของเซียวเฉวียนได้แม้แต่อย่างใด เพราะแม้แต่เสียงหัวใจของนางเซียวเฉวียนก็ได้ยิน
นางเคยมองหาเซียวเฉวียนทั้งวันในพระราชวัง นางตามรทหารไปทั่วแต่ก็ไม่เห็น เสด็จพ่อก็บอกว่าเซียวเฉวียนอยู่ข้างๆพระองค์ ไม่ได้ใครเห็น ทำให้ฉินซูโหรวต้องออกจากราชวังมา
หลังจากพูดอย่างนั้น นางก็หันกลับมาและไม่มองไปที่เซียวเฉวียนอีก
ความไม่เต็มใจของนาง เซียวเฉวียนเองก็เข้าใจ ถึงแม้เขาจะเป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา
เว่ยเชียนชิวหรือจะเป็นคนจากภูเขาจงหนาน ผู้ที่ทำร้ายตระกูลฉินและเซียวเฉวียน ล้วนเป็นศัตรูของนาง
เซียวเฉวียนมีความเข้าใจว่าต้องทำงานร่วมกัน เพื่อทำลายทุกฝ่ายที่ทำร้ายครอบครัวและสิทธิของเขา
"ท่านไม่สามารถห้ามข้าให้ไม่ยุ่งกับเรื่องนี้ได้ ข้าทำไม่ได้..." คำพูดที่ต่ำเสียงของฉินซูโหรวที่มองหาเขาเป็นตาเดียว แล้วนางก็วิ่งหนีออกไปอีกทาง
"อาหมาน!"
เซียวเฉวียนหันหลังไป แต่นางกลับวิ่งหนีไปแล้ว นางแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการให้เซียวเฉวียนได้ให้มีโอกาสให้คำปรึกษาหรือออกคำแนะนำใดๆ
"เสี่ยวเซียนชิวรักษานางก่อน ยังมีกระบี่ชีวันอยู่ในร่างของอาหมาน" เซียวเฉวียนพึมพำและมองไปที่ทิศทางที่ฉินซูโหรวจากไป
"ขอรับ เสด็จพ่อ" การสื่อสารระหว่างเซียวเฉวียนและเสี่ยวเซียนชิวก็เหมือนกับไป๋ฉี่และเหมิงเอ้า ไม่ต้องพูดอะไรมากมายแต่ทั้งสองคนสามารถรู้สึกถึงกันได้
และเมื่อได้พูดเสร็จ เซียวเฉวียนก็หายตัวจากศาลาคุนหวู่อย่างรวดเร็วในทันที
เมื่อสายลับของเว่ยเชียนชิวเห็นแบบนี้ เขากระทืบเท้าและโวยวายขึ้น "มันหายไปอีกแล้ว! มันหายไปอีกแล้ว! เซียวเฉวียนไปไหนอีกแล้ว!"
"นี่มันเป็นคนหรือกระต่ายเนี่ย! อะไร? ทำไมหายไปไม่เห็นเลย!"
"เร็ว! อย่าพูดมาก! รีบตามไป!"
ในเมืองหลวงจะยากที่จะตามติดข้อมูลเกี่ยวกับเซียวเฉวียนนั้นยากมาก ความลับของเขาเป็นความลับที่ยากจะเสาะหาไปถึงตัวเขาได้
สวรรค์อย่างน้อยก็ยังรับรู้ได้ว่าสวรรค์อยู่ที่ไหน แต่เรื่องของเซียวเฉวียนนั้นยากที่จะรู้ได้เลย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...