ฮ่องเต้มองไปที่กระดานหมากรุกดวงตาเป็นประกาย: "เหล่าขุนนางพูดกับข้าว่า เราต้องเอาพู่กันเฉียนคุนมาไว้ในมือ ถึงจะจัดการนางได้”
ในเมื่อไทเฮาก่อการรัฐประหารในวัง ตามกฎหมายถือเป็นการก่อกบฏ และวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะจัดการกำเรื่องนี้คือการถอดตำแหน่งไทเฮา และมอบเหล้าพิษให้
แต่ไทเฮาทรงมีพู่กันจินหลุนเฉียนคุนอยู่ในมือ เพื่อใช้มันข่มขู่ฮ่องเต้ เหล่าขุนนางปรารถนาพู่กันเฉียนคุนมาเป็นเวลานาน ไม่นานไทเฮาจะถูกลงโทษ พู่กันก็จะต้องตกมาอยู่ในมือ หากไม่เป็นเช่นนั้นพู่กันเฉียนคุนอายุเป็นพันปีก็จะสูญเปล่าไปด้วย
พู่กันเฉียนคุนเป็นอาวุธของเซียวเฉวียน ดังนั้นฮ่องเต่จึงรอให้เซียวเฉวียนมา
เพียงแค่รอ ไม่ได้มีคำสังเรียกตัว
เนื่องจากฮ่องเต้ไม่รู้ว่าตอนนี้เซียวเฉวียนอยู่ที่ไหน สังหารเว่ยเปาและพรรคพวกสำเร็จหรือไม่ พระองค์จึงทำได้แค่เพียงรอ
ฮ่องเต้ไม่ได้รอเพียงลำพัง แต่ยังพาสวีซูผิงและเว่ยหยู้มารอด้วยกัน
สวีซูผิงและเว่ยหยู้คิดว่าฮ่องเต้เก็บพวกเขาไว้ที่นี้เพราะว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น แต่จริงๆแล้ว หน้าที่หลักของพวกเขาคือรอคอยไปพร้อมกับฮ่องเต้
ในวัง สองคนนี้เป็นคนที่ได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้
ไทเฮาเริ่มทำการรัฐประหารในวัง ขุนนาง องครักษ์และเหล่าข้ารับใช้ก็ปฏิบัติตามคำสั่งของไทเฮา แม้ฮ่องเต้ต้องการให้องครักษ์ส่งสารให้ เจ้าพวกนั้นก็ยังปฏิเสธ
ฮ่องเต้จึงได้ตระหนักว่า ขณะนี้พระราชวังแห่งนี้ไม่ใช่ของพระองค์อีกต่อไป หากแต่เป็นของไทเฮา
ดังนั้น หลังจากที่ฮ่องเต้ขึ้นว่าการและได้อธิบายเรื่องราวทั้งหมด พระองค์จึงมีรับสั่งต่อกองทัพตระกูลฉินให้สังหารข้ารับใช้และขันทีทั้งหมด รวมถึงเหล่าองครักษ์ด้วย
คนเหล่านี้ถูกพาไปยังลานประหารที่ชานเมือง หลังจากประหาร ศพทั้งหมดจะถูกย้ายไปยังหลุมศพที่อยู่ติดกัน
คนพวกนี้ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงวัยรุ่น ถือว่ายยังเด็กมาก แต่กลับถูกโชคชะตากำหนดให้ตาย
นี่คือเหตุผลที่สวีซูผิงและเว่ยหยู้รู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก พระที่นั่งของฮ่องเต้ที่พวกเขาอยู่เงียบสงบเป็นปกติ แต่ด้านนอกนั้น เสียงร้องขอความเมตตาดังยิ่งกว่าห่าฝนใหญ่
ในประวัติศาสตร์ ฝ่ายที่ล้มเหลวในการรัฐประหาร ย่อมประสบเคราะห์กรรมเสมอ ผู้ชนะเป็นกษัตริย์ ผู้แพ้เป็นกบฏ
หากฮ่องเต้ล้มเหลวในวันนี้ หากฮ่องเต้ยังถูกขังต่อไป เฉาซิงจือคงไม่ใช่ผู้เดียวที่จะเสียชีวิต
เซียวเฉวียนจะเป็นรายต่อไป
ต่อมาจะเป็นคนของฮ่องเต้
สุดท้ายคือเหล่าประชาชน
สิ่งแรกที่ฮ่องเต้จะทำคือการกวาดล้างกบฏ จะมีฮ่องเต้พระองค์ไหนบ้างที่สามารถทนอยู่ในวังกับคนที่ไม่หวังดีกับตน แม้อีกฝ่ายจะเป็นพระราชมารดาของตนก็ตาม
แต่......
ในทางกลับกัน หากเหล่าข้าราชบริพารไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของไทเฮา พวกเขาก็จะต้องตายเช่นกัน
ในวังแห่งนี้ คนต่ำต้อยไม่มีทางเลือกมากนัก ซ้ายก็ตาย ขวาก็ตายอยู่ดี
เซียวเฉวียนผู้มีหูที่เฉียบแหลม ได้ยินเสียงร้องของผู้คนมาแต่ไกล
ฮ่องเต้มองดูกระดานหมากรุกต่อไปเงียบๆ อย่างไม่แยแส พระองค์ได้ยินทุกอย่าง เซียวเฉวียนก็รับรู้
“ฝ่าบาท ปล่อยพวกเขาไปเถิด”
เซียวเฉวียนพูดเบา ๆ : "ไม่จำเป็นต้องฆ่าพวกเขา แค่ลงโทษพวกเขาก็เพียงพอแล้ว"
“เจ้าอยากจะช่วยเหลือพวกเขาอย่างนั้นรึ?”
ฮ่องเต้ศีรษะแล้วหยิบถ้วยชาขึ้น: "ทำไม"
“ฝ่าบาท พระองค์จะฆ่าผู้บริสุทธิ์อย่างไม่เลือกหน้าไม่ได้”
คำพูดของเซียวเฉวียนทำให้สวีซูผิงสำลักน้ำลาย และไออยู่หลายครั้ง: “แค๊ก แค๊ก แค๊ก! ฝ่าบาท กระหม่อมขอประทานอภัย กระหม่อมหยาบคายยิ่งนัก”
ก่อนที่สวีซูผิงจะพูดจบ เซียวเฉวียนก็พูดขึ้นมาก่อน: “ในบ้านเกิดของกระหม่อม นี้ถือเป็นพฤติกรรมของทรราช และผู้คนจะวิพากษ์วิจารณ์การกระทำนี้”
ทรราช!
ทรราช?
ไทเฮาทรงขังพระองค์ไว้ เซียวเฉวีนเข้าใจฮ่องเต้เป็นอย่างดี ไทเฮาทรงสังหารข้ารับใช้มากมาย สังหารเฉาซิงจือ สังหารขันทีหม่า และในที่สุดไทเฮาก็สร้างผนึกตราประทับสีขาวเพื่อให้ฮ่องเต้ยอมสยบแทบเท้า
หากเป็นในยุคปัจจุบัน บุคคลที่มีอำนาจกุมโลกทั้งใบไว้ในมือ จู่ๆ ก็สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปต่อหน้าต่อตา ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากเฝ้าดู ไม่ช้าเขาจะมีอาการทางจิตและกลายเป็นบ้าในที่สุด
และสิ่งที่ทำให้ใจสลายมากที่สุดคือคนที่ทำเรื่องทั้งหมดเป็นแม่ของเขาเอง
สิ่งนี้ทำให้ฮ่องเต้ยอมรับไม่ได้
ยอมรับไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง
ไทเฮาทรงทำลายความพยายามของฮ่องเต้อย่างไร้ความปราณีมาตลอดหลายปี นางฆ่าคนชองเขา ฆ่าหัวใจเขาในฐานะลูกชาย
สำหรับฮ่องเต้ สิ่งเหล่านี้คือรากฐานของฮ่องเต้
ดังนั้น การที่เซียวเฉวียนเข้ามาในวัง หน้าที่แรกเพื่อทำหน้าที่เป็นราชครู หน้าที่ที่สองเพื่อจัดการกับไทเฮา เขาต้องเป็นคนนำพระราชปณิธานชองฮ่องเต้ไปในเส้นทางที่ถูกต้อง
ทันทีที่เซียวเฉวียนเข้าวัง เขาก็ได้ยินเสียงร้องไห้ขอความเมตตา มีเพียงฮ่องเต้ที่ดูจะเงียบสงบเป็นพิเศษ
เซียวเฉวียนรับรู้ได้ทันทีว่าฮ่องเต้มีความผิดปกติ เป็นความเจ็บป่วยทางจิต และมันไม่เป็นที่กล่าวถึงในสมัยโบราณ แต่เซียวเฉวียนรู้เกี่ยวกับมัน
ฮ่องเต้ต้องการใครสักคนที่จะพาพระองค์ออกไป
“ฝ่าบาท ปล่อยพวกเขาไป ได้หรือไม่กระหม่อม?”
ฝ่ามือของเซียวเฉวียนชุ่มไปด้วยเหงื่อ ภายนอกเขาดูผ่อนคลาย แต่อันที่จริงเขาเป็นกังวลอย่างมาก เพราะตอนนี้ฮ่องเต้ไม่ใช่ฮ่องเต้ที่เคยรู้จักอีกต่อไป
“ท่านราชครู คนของท่านก็ถูกสังหาร ท่านยังสามารถปลอบใจข้าได้ ตัวท่านไม่เสียใจอย่างนั้นหรือ ท่านราชครู ท่านไม่เสียใจที่ใต้เท้าเฉาตายหรืออย่างไร?”
“เพราะเหตุนั้นถึงขอให้ข้าปล่อยให้คนพวกนี้มีชีวิตอย่างนั้นใช่หรือไม่”
ฮ่องเต้มองดูเซียวเฉวียนด้วยความพินิจพิเคราะห์ คำถาม ความโกรธ และสับสน: “คนฮว๋าเซี่ยมีความเห็นอกเห็นใจมากเช่นนี้เลยหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...