ใบหน้าที่มีอายุของเว่ยเชียนชิวเต็มไปด้วยความเคียดแค้น พลางจ้องเซียวเฉวียนด้วยสายตาที่โหดเหี้ยม
น่าสมเพชที่สุด!
ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงหนึ่งปี เซียวเฉวียนกลับเติบโตได้มากถึงเพียงนี้ ประมาทเขาไปแล้ว!
เว่ยเชียนชิวแกล้งทำเป็นว่าสบายดี แต่ไม่ว่าเขาจะปกปิดอย่างไร เซียวเฉวียนยังคงสังเกตุเห็นสายตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยของเขา และรู้ได้ว่าตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บแล้ว
เว่ยเชียนชิวสมกับเป็นผู้ที่เหี้ยมโหด แม้โดยปกติจะเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่เวลาอยู่ในสนามรบกลับเป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่งที่อดทนต่อความเจ็บปวด
ลูกธนูที่ยิงออกไปไม่มีทางย้อนกลับ วันนี้ได้เปิดสงครามกับเว่ยเชียนชิวแล้ว เซียวเฉวียนไม่มีย้อนกลับ
วันนี้หากเขาไม่ตาย เช่นนั้นข้าก็ต้องตาย!
เขาต้องการทำให้เว่ยเชียนชิวบ้าคลั่งขึ้นมา ทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก!
มุมปากของเซียวเฉวียนกระตุกยิ้มขึ้นมาอย่างอำมหิต “ใต้เท้าเจียนกั๋ว ผู้อารักขาของข้าเป็นอย่างไรบ้างเล่า? ไป๋ฉี่ผู้เดียวก็ทำให้ท่านบาดเจ็บได้ ท่านคิดว่าหากเขาทั้งสองจู่โจมพร้อมกัน ท่านไม่ตายไปเลยงั้นหรือ?”
เซียวเฉวียนมองออกว่าเขาบาดเจ็บงั้นหรือ?
เจ้าเด็กนี่ร้ายกาจเสียจริง! เว่ยเชียนชิวหายใจเข้าลึก ๆ ใบหน้าของเขาข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่
เมื่อครู่ตอนที่เขาต่อสู้กับไป๋ฉี่นั้น เขาตกตะลึงกับความสามารถของไป๋ฉี่ ทว่าไป๋ฉี่เพียงผู้เดียว เว่ยเชียนชิวยังพอรับมือได้
แต่ตอนนี้เว่ยเชียนชิวได้รับบาดเจ็บภายใน ไม่รู้ว่าความสามารถของเหมิงเอ้าเป็นอย่างไร หากต่อสู้กันขึ้นมา เจ้าเด็กน้อยอย่างเซียวเฉวียนก็จะเล่นไม่ซื่ออีก โอกาสในการชนะก็มีไม่มาก
เพื่อความปลอดภัย ไม่ว่าเว่ยเชียนชิวจะโกรธเพียงใด ก็ต้องรอให้หมาป่าดำและอัศวินดำมาคิดบัญชีกับเซียวเฉวียนอีกรอบ!
เว่ยเชียนชิวอยู่ในเมืองหลวง ถูกผู้คนให้ฉายาว่าปีศาจสังหาร ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่ปีศาจสังหารขี้ขลาดได้ถึงเพียงนี้!
ไฟในใจของเขาลุกไหม้อย่างโชติช่วง ดวงตาของเขาพ่นไฟที่ลุกโชติช่วงจ้องมองไปที่เซียวเฉวียน และแทบรอไม่ไหวที่จะเผาเขาให้เหี่ยวเฉา!
เซียวเฉวียนสามารถอ่านใจคนได้ เขารู้ว่าเว่ยเชียนชิวคิดจะทำสิ่งใด เมื่อเป็นเช่นนั้นเซียวเฉวียนจะให้เขารอหมาป่าดำได้อย่างไรกัน?
“ไป๋ฉี่ เหมิงเอ้า ถอย!” เพื่อให้เว่ยเชียนชิวตายใจ เซียวเฉวียนตะโกนเรียกไป๋ฉี่และเหมิงเอ้ากลับมา
นายท่านไม่ได้ออกคำสั่งให้โจมตีต่อ เหมิงเอ้าจึงเหลือบมองเว่ยเชียนชิวอย่างน่ากลัว และไม่ยอมถอยกลับด้วยความโกรธ เขามองไป๋ฉี่อย่างเป็นห่วงพลางถามขึ้น “ไป๋ฉี่ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ไม่เป็นไร” ไป๋ฉี่ตอบเบา ๆ การทำสงครามเป็นภาระหน้าที่ของผู้อารักขา อย่าว่าแต่บาดเจ็บเลย การตายก็ถือเป็นเรื่องอันน้อยนิด
กำลังภายในของเว่ยเชียนชิวไม่มีพิษสงอะไร ไป๋ฉี่จ้องคู่ต่อสู้ที่เข้มแข็งอย่างเอาเป็นเอาตาย เขาเป็นนักฆ่าโดยกำเนิดและไม่เกรงกลัวใครหรือสิ่งใด ๆ
เวลาที่อยู่ในสนามรบ ไป๋ฉี่ยิ่งแต่จะคิดว่าต้องทำให้บรรลุเป้าหมาย
เดิมทีเว่ยเชียนชิวคิดว่าอย่างน้อยไป๋ฉี่ควรจะกลัวตัวเขาบ้าง แต่ใครจักคิดว่าไป๋ฉี่จ้องเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ร่างกายที่สูงใหญ่แข็งแกร่งนั้นกำยำมากเสียทีเดียว และไม่ปรากฏร่องรอยความหวาดกลัวเลย
เขาเป็นเหมือนนักรบที่แข็งแกร่ง ที่ไม่ยอมให้เว่ยเชียนชิวกระทำต่อเซียวเฉวียนอย่างละเมิดทำนองคลองธรรมแม้เพียงนิดเดียว!
เว่ยเชียนชิวจ้องไป๋ฉี่อย่างเดือดพล่านจนหายใจไม่ทัน และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เว่ยเชียนชิวเสียเปรียบในพื้นที่ของผู้อื่น ก็ไม่แปลกที่เขาโกรธแค้นถึงเพียงนี้ ทางด้านของเว่ยเชียนชิวที่กำลังโกรธ และทางด้านของเซียวเฉวียนที่กำลังตั้งใจแอบท่อง “ลำนำออกรบ” ของหวังชังหลิง
ผืนน้ำชิงไห่มืดสลัว มองทั่วด่านประตูดูห่างเหิน
ทหารชุดเกราะรบนานเนิ่น หมางเมินบ้านเกิดหากไร้ชัย!
ความหมายของบทกวีทรงพลังมีพลานุภาพดังนี้ : เมฆและหมอกที่ลอยขึ้นมาเหนือทะเลสาบชิงไห่ ภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะเป็นแนวยาวถูกปกคลุมไปด้วยความมืดสลัว เมืองชายแดนโบราณและด่านประตูหยกอยู่ห่างไกลกันนับพันลี้ และทำได้เพียงมองหน้ากันอยู่ไกล ๆ
ทะเลทรายสีเหลืองไกลหมื่นลี้ เกิดการสู้รบบ่อยครั้งและทำให้ชุดเกราะของทหารที่เฝ้าชายแดนสึกหรอ อย่างไรก็ตาม ความทะเยอทะยานของพวกเขาไม่อาจดับได้และพวกเขาสาบานว่าจะไม่กลับบ้านจนกว่าพวกเขาจะเอาชนะศัตรูที่บุกรุกเข้ามาได้
กวีบทนี้ คือกวีนิพนธ์ชายแดนที่มีชื่อเสียงของหวังชังหลิง การใช้ภาษาประณีตและแฝงไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง มีชื่อว่าเป็น “มหากวีเอก” และ “มือเทพแห่งกวีเจ็ดคำ”
ผู้คนบอกว่าบทกวีของเขาเป็นอัจฉริยะและคล่องแคล่ว ทว่าดนตรีและการร้องเพลงนั้นห่างเหิน ซึ่งเป็นตัวแทนของ “ท่วงทำนองอันมีชีวิตชีวา”
บทกวีไม่มีผลต่อเว่ยเชียนชิวและชาวยุทธ์แท้ พวกเขาเหล่านี้ไม่มีรากจิตอักษร ไม่รู้จักอักขระตัวหนังสือ ไร้ซึ่งหนทางการประชันบทกวีและไม่ถูกควบคุมจากบทกวีด้วย
ทว่าบทกวีมีผลต่อไป๋ฉี่และเหมิงเอ้า เซียวเฉวียนท่อง “ลำนำออกรบ” บทกวีที่เปี่ยมล้นไปด้วยท่วงทำนองอันมีชีวิตชีวา ทำให้ผู้อารักขาได้รับการอัดฉีดพลังที่มากจากนายท่าน
ไป๋ฉี่และเหมิงเอ้ารู้สึกในทันทีว่าร่างกายเบาขึ้นไม่น้อย โดยเฉพาะไป๋ฉี่ที่เพิ่งได้รับบาดเจ็บภายในเมื่อครู่ ดูเหมือนว่าเขาจะหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว
ความอาฆาตในตัวของเขาทั้งสองทวีคูณมากขึ้น ราวกับเป็นยมบาลที่มาจากนรก!
เซียวเฉวียนทำเสียงฮึดฮัดออกมา พร้อมกับออกคำสั่ง “ไป๋ฉี่ เหมิงเอ้า! บุก!”
“ขอรับ! นายท่าน!”
เมื่อได้รับคำสั่ง ในมือของทั้งสองถือดาบดาบจิงหุนที่หนาวสะท้านและหายตัววับ พร้อมเปิดการโจมตีที่รุนแรงต่อเว่ยเชียนชิว
“หมาป่าดำ!”
เว่ยเชียนชิวเห็นดังนั้นก็รีบปรับลมหายใจครู่หนึ่ง และตะคอกออกมาเสียงกร้าว เขาหายวับว่องไวราวกับปีศาจร้าย
เขาไม่ได้ต่อสู้กับไป๋ฉี่และเหมิงเอ้า แต่อ้อมพวกเขาทั้งสองคนด้วยความเบาอย่างที่สุด ต้องการที่จะโจมตีเซียวเฉวียน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...