ไม่ว่าผนึกจูเสินจะกำจัดเว่ยเชียนชิวได้หรือไม่ เซียวเฉวียนไม่เคยคิดยอมแพ้แก่ผนึกจูเสิน!
ทางเดียวที่จะยอมจำนนคือการตาย และถูกผนึกจูเสินบีบอัดเป็นแหลกเป็นชิ้น ๆ!
เซียวเฉวียนก็ไม่เชื่อว่า ผนึกจูเสินจะมีใจช่วยเหลือเขาอยู่ห่าง ๆ
ดังนั้นเซียวเฉวียนจึงวางแผนใช้บทกวีในการกำราบผนึกจูเสิน จัดการปัญหาภายในก่อนและค่อยแก้ไขปัญหาภายนอก
ตอนนี้หมาป่าดำได้มาถึงแล้ว อีกไม่นานชาวยุทธ์แท้ก็น่าจะมาถึง!
ชักช้าไม่ได้แม้แต่นาทีเดียวแล้ว เซียวเฉวียนกัดฟันและอดทนต่อความเจ็บปวดในร่างกายของเขา พลางท่องบทกวี “วันที่27เดือน6ร่ำสุราประพันธ์กวีห้าคำ ณ หอคอยวั่งหู” อย่างตั้งใจที่เขียนโดยซูซื่อ นักกวีสมัยราชวงศ์ซ่ง :
เมฆดำมืดมิได้บดบังหุบเขา หยาดฝนขาวกระเซ็นเต็มเรือใหญ่
พายุโหมกระหน่ำกระจายไป ผืนน้ำใสให้เห็นเต็มสองตา
บทกวีนี้กล่าวไว้ว่า เมฆดําพวยพุ่งขึ้นราวกับน้ำหมึกที่สาดกระเซ็น แต่กลับเผยให้เห็นภูเขาที่ขอบฟ้า หยาดฝนที่ตกลงมาอย่างหนักราวกับเศษหินสีขาวที่กระเด็นเข้าไปในเรือ
ทันใดนั้นลมพายุก็พัดมาและพัดเมฆดํากระจัดกระจายเต็มท้องฟ้า ผืนน้ำของทะเลสาบซีหูมีคลื่นสีฟ้าราวกับกระจกที่สดใสและอ่อนโยน
บทกวีทั้งบทใช้ถ้อยคำที่บางเบา แต่ยังเน้นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของท้องฟ้า แสดงให้เห็นถึงฝนที่ตกหนัก ความว่องไวของเม็ดฝนและพลังอันยิ่งใหญ่ของลม
สรุปได้ว่ากวีทั้งบทนี้เขียนถึงพายุฝนที่ใหญ่ เร่งรีบ และว่องไว!
พลังที่ทรงอานุภาพ!
เซียวเฉวียนตั้งใจท่องเสียงดัง “ฆ่า!”
ในทันใดนั้น ท้องฟ้าเหนือจวนเซียวก็เกิดพายุกระหน่ำ มีเมฆดำปกคลุมและท้องฟ้ากลายเป็นสีดำทะมึน ไม่นานนักก็มีฝนห่าใหญ่ตกมาทั่วฟ้า
เม็ดฝนที่กระหน่ำตกลงมา เซียวเฉวียนยืนท่ามกลางสายฝน ไฟของผนึกจูเสินลดลงมาก มันโกรธเสียจนคำรามออกมาเสียงกร้าว “มีอย่างที่ไหนกัน! เจ้ายังมีบทกวีอีกมากน้อย! เจ้าคิดว่าจะสำเร็จได้งั้นหรือ?”
สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน ทำให้ชาวบ้านหลบแทบไม่ทัน และต่างพากันหลบใต้หลังคาของบ้านเรือนที่อยู่ใกล้ ๆ
อากาศเปลี่ยนแปลงง่ายเช่นนี้เลยหรือ?
ช่างพิลึกเสียจริง!
แม้แต่เหมิงเอ้าที่กำลังต่อสู้อยู่กับหมาป่าดำ ต่างพากันนิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นก็สู้กันต่อ
เพียงแค่ชั่วครา มีเปลวไฟลุกไหม้ที่ทรงพลังยิ่งกว่าในร่างกายของเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนทรมานจนร้องคำรามออกมา “อ้าก!”
ครั้งนี้ผนึกจูเสินกลับยิ่งใหญ่เสียจนบทกวีไม่อาจส่งผลกระทบได้อีกแล้ว!
พายุฝนมาได้ทันท่วงทีแต่ก็จากไปอย่างเร่งรีบ อากาศกลับคืนสู่ปกติ เซียวเฉวียนกลับรู้สึกเจ็บปวดและทุกข์ทรมานเสียยิ่งกว่าเดิม!
ให้ตายเถอะ!
ผนึกจูเสินสามารถต้านทานต่อบทกวีได้!
ในตอนนั้นเอง ผนึกจูเสินแค่นหัวเราะออกมา “เซียวเฉวียน หากเจ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ ก็ควรยอมแพ้เสียโดยดี!”
“มิเช่นนั้น อย่าเสียใจในตอนที่สายไป!”
ความหมายคือ ถ้าเจ้าไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในตอนนี้ เจ้าจะต้องเสียใจ!
เซียวเฉวียนถือเป็นคนกระดูกเหล็กจริง ๆ หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป ป่านนี้คงคุกเข่าร้องของชีวิตเสียแล้ว!
ทว่าเซียวเฉวียนกลับยืนกรานที่จะไม่ยอมแพ้ สิ่งนี้ทำให้ผนึกจูเสินประหลาดใจเล็กน้อย!
อยากให้เขายอมแพ้งั้นรึ?
ไม่มีทาง!
แต่ว่า...
จู่ ๆ เซียวเฉวียนก็นึกได้ว่า หากมัวยืดเวลาต่อไป สู้สลับลำดับไม่ดีกว่าหรือ
“หากอยากให้ข้ายอมแพ้ก็มีความเป็นไปได้ เจ้าช่วยข้าจัดการเว่ยเชียนชิวก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
หากว่าผนึกจูเสินสามารถจัดการเว่ยเชียนชิวได้ เซียวเฉวียนก็จะยอมแพ้ต่อผนึกจูเสิน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...