“เหมิงเอ้า! หุบปาก! เชื่อฟังนายท่าน!”
ไป๋ฉี่นิ่งเงียบมาโดยตลอด เขาไม่รู้วิธีที่จะสอนผู้อื่น เขาจึงตะโกนออกไปด้วยน้ำเสียงที่โมโห
พูดตามตรง เป็นเพราะเหมิงเอ้าแสดงออกในสิ่งที่ไป๋ฉี่เองก็รู้สึกเช่นนั้น ดังนั้นเขาจึงไม่รู้จะโต้แย้งเหมิงเอ้าอย่างไร เขาจึงต้องใช้การตะดกนเพื่อหยุดเหมิงเอ้าไม่ให้พูดหรือกระทำการใดๆลงไป
ไป๋ฉี่ยังจำวันนั้นได้ดีที่เซียวเฉวียนอยู่บนเกาะจูเสินและถูกผนึกจูเสินเล่นงาน หลังจากนั้น ไป๋ฉี่ที่เป็นกังวลใจและห่วงความปลอดภัยของเซียวเฉวียน
ในฐานะผู้อารักขา ไป๋ฉี่บุกเข้าพระราชวังด้วยตัวเองเพียงลำพังโดยไม่ได้รับคำสั่งจากเซียวเฉวียน ทำให้มีองครักษ์ในวังบาดเจ็บหลายร้อยนาย และเขายังจุดไฟเผาพระราชวังอีกด้วย
การก่อเหตุในวังถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรงที่มีโทษถึงขั้นตัดศีรษะ!
โชคดีที่ฮ่องเต้ได้จัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เมื่อเวลาผ่านไปก็ค่อยๆลืมมันไป เซียวเฉวียนจึงไม่ได้เข้าไปพัวพัน และไป๋ฉี่เองก็รอดพ้นมาได้
หลังจากเหตุการณ์จบลง เซียวเฉวียนไม่ได้แสดงความไม่พอใจหรือพูดต่อว่าอะไรใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
แต่อาสิบหกได้ตักเตือนไป๋ฉี่อย่างจริงจังว่าตัวเขาเป็นเพียงผู้อารักขา เขาไม่สามารถทำอะไรโดยที่ยังไม่ได้รับการอนุญาตได้
การปกป้องเจ้านายถือเป็นการปกป้องเกียรติยศ ชีวิต ความเป็นความตายของเจ้านายด้วย ทุกการเคลื่อนไหวของผู้อารักขาแสดงถึงเจตจำนงของคนเป็นเจ้านาย เพราะฉะนั้นการเป็นผู้อารักขาจะต้องไม่ประมาท ไม่เช่นนั้นเจ้านายก็จะตกที่นั่งลำบาก พบเจอหายนะชั่วชีวิต โดยที่ไม่รู้ตัว!
อาสิบหกยังได้พูดอีกว่า ต่อให้เซียวเฉวียนกำลังจะตายต่อหน้า หากเขาไม่ได้สั่งอะไร ก็ต้องยืนอยู่นิ่งๆ
อาสิบหกเตือนไป๋ฉี่ แม้ว่าเซียวเฉวียนจะปฏิบัติต่อเขาราวกับพี่น้อง แต่ไป๋ฉี่ก็ต้องตระหนักว่าเขาเป็นเจ้านาย เราเป็นผู้อารักขา ต้องเชื่อฟังคำสั่งและการตัดสินใจของเซียวเฉวียนอย่างไม่มีข้อกังขา และไว้วางใจเซียวเฉวียน
ไป๋ฉี่ไม่เคยลืมคำพูดของอาสิบหก เพราะเขากลัวว่าตนเองจะนำปัญหามาให้เจ้านายโดยไม่ได้ตั้งใจ
ดังนั้น ไป๋ฉี่จึงเชื่อฟังคำสั่งของเซียวเฉวียน หากเซียวเฉวียนไม่ออกคำสั่ง เขาจะไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม ไม่ทำอะไรโดยพละการ
การปฏิบัติตามคำสั่งถือเป็นสามัญสำนึกพื้นฐานที่ผู้ใต้บังคับบัญชาควรมี
ไป๋ฉี่ตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี
แต่เมื่อเหมิงเอ้าโกรธ เขาก็ไม่สนใจว่าหลักความจริงจะเป็นอย่างไร!
เหมิงเอ้าโกรธและพูดด้วยอารมณ์: "ไป๋ฉี่! เจ้ามันขี้ขลาด! เจ้ากล้าดียังไงมาตะโกนใส่ข้า?"
“ข้าพูดผิดอย่างงั้นรึ ตอนนี้เว่ยเชียนชิวกำลังพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ เขากำลังอ่อนแอ โอกาสที่ดีเช่นนี้มาถึง ทำไมไม่รีบคว้าเอาไว้ ทำไมจะต้องทำเหมือนเป็นคนขี้ขลาดด้วย!”
“ ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยต่อสู้กับเว่ยเชียนชิวมาก่อน นายท่านนั้นแข็งแกร่ง การฆ่าเว่ยเชียนชิวจะแก้ปัญหาทุกๆอย่าง!”
เซียวเฉวียนเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เหมิงเอ้า และถามอย่างใจเย็น: “หลังจากฆ่าเว่ยเชียนชิวแล้วจะเกิดอะไรขึ้น การฆ่าเขาได้ประโยชน์อะไร?”
ตราบใดที่เว่ยเชียนชิวไม่ถูกควบคุม รากเหง้าทั้งหมดของเขาไม่ถูกกำจัดให้สิ้นซาก ต่อให้เว่ยเชียนชิวจะถูกกำจัด แต่คนของเว่ยเชียนชิวอีกหลานพันคนจะลุกหือขึ้นมา และจะทำให้ชีวิตของผู้คนในต้าเว่ยเป็นทุกข์!
เจ้านนายจะรักษาชีวิตเว่ยเชียนชิวเอาไว้ให้อยู่ต่อ และรอจนกว่าเขาจะไปยังดินแดนตะวันตกเพื่อหามันเทศและปืน เมื่อมีทั้งเสบียงและอาวุธเพียงพอ ควบคู่ไปกับเหล่าคุนหลุน ถึงจะสามารถถอนรากถอนโคนเว่ยเชียนชิวได้!
มันไม่น่าสนุกอย่างนั้นหรือ?
แต่เหมิงเอ้าเป็นนักรบ เขาจึงไมได้คิดให้ถี่ถ้วน เมื่อเขาได้ยินไป๋ฉี่ตะหวาด ความโกรธของเขาจึงทวีเพิ่มขึ้น
หลังจากสังหารไอ้สารเลวเว่ยเชียนชิวให้ตายแล้ว!
หลังจากนั้นจะได้อะไร?
จากนั้น เขาจะได้ไม่สามารถหยุดการไปยังดินแดนตะวันตกของเจ้านายได้อีก!
จากนั้นจะไม่มีใครสู้เจ้านายได้!
โลกก็จะสงบสุข!
เหมิงเอ้าพูดด้วยความโกรธ: "จะได้ไม่มีใครทำอะไรนายท่านได้อีกต่อไป!"
เมื่อเซียวเฉวียนได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้ทันทีว่าเซียวเฉวียนโกรธเกินไป: "เอาล่ะ เจ้าเคยเห็นข้าประนีประนอมกับใครเมื่อไหร่?"
เซียวเวียนเคยหวาดกลัวใครเมื่อไหร่กัน
การไม่ฆ่าเว่ยเชียนชิวเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว!
เมื่อเว่ยเชียนชิวเสียชีวิต ทุกอย่างมันจะยากขึ้นสำหรับเซียวเฉวียน
“ในเมื่อเราไม่ฆ่าเว่ยเชียนชิว! เราจะรอจนกว่าเขาหายดีแล้วหาทางมาแก้แค้นเราอย่างนั้นหรือ?” เหมิงเอ้าพูดทั้งที่ยังคงโกรธมาก
กวนอูเป็นนายพลคนแรกของราชวงศ์อู่ฮั่นในช่วงยุคสามก๊ก และทั่วโลกเรียกว่าเทพเจ้ากวนอู
จะเห็นได้ว่าความแข็งแกร่งของเขาโดดเด่นเลยทีเดียว
ในเวลานั้น เล่าปี่ประกาศตนเป็นกษัตริย์แห่งฮั่นจง และถูกโจมตีโดยเฉาเชาและซุนกวน แม่ทัพลกซุนของซุนกวนส่งจดหมายหลอกไปยังกวนอู เพื่อให้เขาตายใจ และยกทัพไปตีเมืองเกงจิ๋ว ซึ่งกองทัพของเฉาเชาประจำการรออยู่ที่ฝั่งหัวเมืองฟานเฉินและเฉาโจว ได้ระดมพลทหารมาช่วยเหลือเพี่ตีเมืองเกงจิ๋ว
ดังนั้น ลิบองแห่งง่อก๊กและลกซุนจึงร่วมมือกันเพื่อยึดเมืองเกงจิ๋ว
เพราะความประมาทของกวนอูทำให้สูญเสียสามมณฑลของเกงจิ๋ว
หลังจากความพ่ายแพ้ กวนอูยืนกรานที่จะไปตามทางของตัวเองและปฏิเสธที่จะฟังคำแนะนำใดๆ ในที่สุด เขาก็ถูกจับบนถนนสายเล็ก ๆ และถูกฆ่าตายในที่สุด
นี่เป็นเหตุการณ์ที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์เมื่อกวนอูสูญเสียเกงจิ๋วไปโดยความประมาท
ในเวลานี้ถึงเวลาให้เหมิงเอ้าได้เรียนรู้เองแล้ว
“ ไป๋ฉี่ ปล่อยเขาไป เจ้าต้องอยู่ในจวนเซียวและไม่ได้รับอนุญาตให้ช่วยเขา”
เซียวเฉวียนสั่งไป๋ฉี่เเล้วเดินไป
“ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใคร!” เหมิงเอ้าโกรธมาก เขาเดินกระทืบเท้าและหายตัวไปในทันที
ไป๋ฉี่มองไปทางซ้ายทีทางขวาที นี่ นี่ นี่...
เขามองดูร่างที่หายไปของเหมิงเอ้าและตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาหยุดพูด ยืนอยู่ในลานด้วยความกังวล
เขาไม่รู้ว่าเจ้านายของเขาคิดอะไรอยู่ หลังจากกลับมาจากภูเขาจงหนาน ไป๋ฉี่ก็ไม่ได้เข้าใกล้เจ้านายอีกเลย
ไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าเป็นพี่น้องกัน เขากังวลเป็นอย่างมากเมื่อเหมิงเอ้าไปจวนเจียนกั๋วเพียงลำพัง
แต่นายท่านออกคำสั่งมาแล้ว และไป๋ฉี่ก็ไม่กล้าฝ่าฝืน
เขามองไปทางประตูอย่างกังวล ลมพัดแรง ไป๋ฉี่ครุ่นคิดสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขาเข้าใจเจ้านายของเขามากขึ้นเรื่อยๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...