เจ้านายออกคำสั่ง จางเหลียงและเล่ออี้ไวราวกับสายลม ร่างทั้งสองก็แวบเดียวถึงหน้าเซียวเฉวียน ขวางทางไปของเขาไว้
ให้ตายเถอะ !
ความไวนี้แม้ไม่ดีเท่าเซียวเฉวียน แต่ก็เทียบได้กับไป่ฉี
ด้วยความแข็งแกร่งขนาดนี้ เซียวเฉวียนสามารถรับมือได้ แต่พวกบัณฑิตยังไม่ได้ไปไกล กำลังผู้อารักขาของบัณฑิตเทียบไม่ได้กับของเสนาบดีทั้งสองคนนี้ การเดินทางไปยังภูมิภาคตะวันตกครั้งนี้เพิ่งเริ่มต้น จึงไม่สามารถกระทบพวกเขา จะให้ผู้อารักขาของบัณฑิตกับผู้อารักขาของสองเสนาบดีรบกันขึ้นมาไม่ได้
ดูท่าทางเซียวเฉวียนจะไม่รับมือก็ไม่ได้แล้ว
ไม่รู้ว่าผลจะเป็นยงไง ถ้าไป่ฉีตัวคนเดียวต่อสู้กับจางเหลียงและเล่ออี้ ?
หายากที่ไป่ฉีนานๆ จะเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ซะที พอดีได้ใช้โอกาสนี้ทดสอบเขาและดูว่าไป่ฉีช่วงนี้ได้พัฒนาศิลปะการต่อสู้ดีขึ้นหรือไม่
พอคิดได้ เซียวเฉวียนจึงตะโกน "ไป่ฉี !"
ในสายตาของทุกคน เซียวเฉวียนเป็นคนวิเศษที่สามารถทำลายจูเสินได้ หากเขาสังหารจางเหลียงและเล่ออี้ไป บรรดาเสนาอำมาตย์คงไม่ยอมสยบและพูดพล่อยๆ อย่างแน่นอน
ให้ไป่ฉีมารับศึก เป็นการเหมาะสมที่สุด
หากไป่ฉีเอาชนะเขาไม่ได้ ก็เรียกเหมิงเอ้ามาอีกคนได้
สองต่อสอง ยุติธรรมดี
ร่างสูงของไป่ฉีโจนลงมาตามเสียง มือถือดาบจิงหุน ยืนอย่างสง่าผ่าเผยต่อหน้าเซียวเฉวียน และพูดด้วยความเคารพ "เจ้านายขอรับ !"
เซียวเฉวียนพยักหน้าและพูดอย่างใจเย็น "ไป อย่าทำร้ายใคร เอาแค่พอหอมปากหอมคอ ถ้าสู้ไม่ได้ก็กลับมา"
ไม่ใช่ว่าเซียวเฉวีนไม่เชื่อฝีมือของไป่ฉี เพราะเซียวเฉวียนยังไม่รู้ว่าจางเหลียงและเล่ออี้ร้ายกาจขนาดไหน และ ไป่ฉีก็เป็นเด็กซื่อ หากเซียวเฉวียนไม่กำชับเขาล่วงหน้า เขาจะสู้ตลอดจนถึงที่สุด
เอาชนะเขาไม่ได้ก็ถอย อย่าเสียมารยาท
"ขอรับ !"
ไป่ฉีรับคำสั่งแล้วออกไป
ชั่วครู่หนึ่ง ผู้คนในที่เกิดเหตุสมัครใจถอยห่างเปิดพื้นที่โล่งให้ผู้อารักขาทั้งสามประลองต่อสู้ พวกเขาสามคนห้าคนจับตัวเป็นกลุ่มๆ มองดูทั้งสามคนที่ต่อสู้ขึ้นมาแล้วอย่างตื่นเต้น
ไม่สิ มันเป็นเงาสามเงา หรือถ้าให้พูดให้ถูกต้องคือลมสามกระโชก
ยอดฝีมือแลกหมัดกันและฉากนั้นดูวุ่นวายมาก ไม่ว่าลมแรงจะพัดผ่านที่ไหนเหมือนเกิดพายุรุนแรง ฝุ่นทรายตลบลอยเต็มท้องฟ้า ทางนี้ลมยังไม่สงบทางโน้นก็ขึ้นมาอีก
ผู้คนในที่เกิดเหตุตื่นตาตื่นใจ ยิ่งดูยิ่งเครียดมากขึ้น หัวใจของพวกเขาก็อดไม่ได้ต้องลุ้นขึ้นมา
ทันทีนั้นทุกคนจดจ่ออยู่กับดูผู้อารักขาสู้รบกัน ลืมสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไปชั่วคราว
”โอ้แม่เจ้า! มันเก่งกาจเหลือหลาย !” ลมทั้งสามกระโชกเข้าพัวพันกันทำให้ยากที่จะแยกออกจากกัน บางคนถึงกับเปล่งเสียงอุทานด้วยความชื่นชม
"เคร้งคร้าง !"
"ปัง !"
เสียงดาบปะทะกันทำให้บางคนอดไม่ได้ที่จะสั่นไหวในใจ จนส่งเสียง "ซีด" บางคนขนลุกไปทั้งตัวและบางคนก็เอามือปิดหู
เสียงก็ฟังน่ากลัวๆ นิดหน่อย
มีเพียงเซียวเฉวียนที่มองดูอย่างแน่นิ่ง
ไป่ฉียังสามารถต่อสู้ได้อย่างสบายๆ เป็นเวลานาน ดูสภาพแล้วเขามั่นใจได้ชัยชนะแน่ ๆ !
ไม่เลว !
ดูลักษณะ ความแข็งแกร่งของไป่ฉีได้เพิ่มขึ้นอีกไม่น้อย
เวลาผ่านไปราวครึ่งถ้วยชา สถานการณ์เริ่มเห็นชัดเจนขึ้น การเคลื่อนไหวของจางเหลียงและเล่ออี้ค่อยๆ ช้าลง ร่างทั้งสองค่อยๆ มองเห็นชัดเจน ในขณะที่ไป่ฉียังคงว่องไวราวกับลมกระโชก
ไม่ต้องสงสัยเลย ไป่ฉีจะชนะแน่นอน
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี เสนาบดีทั้งสองก็สบตากันด้วยจิตร้อนแรง ดึงปิ่นปักผมบนหมวกขุนนางออกมาดังเฟี้ยว ทั้งคู่พร้อมกันกระโจนหาเซียวเฉวียนและเริ่มโจมตี
พวกเขาเป็นผู้รู้หนังสือจากตระกูลแม่ทัพนายพล เช่นเดียวกับฉินหนานและฉินเป่ย พวกเขาร่ำเรียนฝึกฝนวิชาทั้งบุ๋นและบู๊มาตั้งแต่เด็ก ทักษะวิชาการต่อสู้ก็ดีพอ ๆ กับทหารบางคนในเมืองหลวง
ถึงพวกเขาจะไม่ดีเท่าเซียวเฉวียน แต่ในฐานะเจ้าหน้าที่ของราชวงศ์ต้าเว่ย พวกเขาไม่อาจนิ่งดูดายทั้งที่เห็นว่าเซียวเฉวียนกำลังจะทำให้ต้าเว่ยตกอยู่ในอันตราย
เจ้านายทั้งสองคนตีสู้เซียวเฉวียนไม่ได้ไม่ว่า ผู้อารักขาสองคนก็ไม่สามารถเอาชนะไป่ฉีได้......
กำลังต่างกันคนละชั้น !
เฮ่ย !
เสนาบดีทั้งสองถอนหายใจเบา ๆ และหนึ่งในนั้นโยนแส้ทิ้งไปด้วยความโมโห หันกลับมาและคุกเข่าลงกับพื้นและพูดเสียงดัง "ฝ่าบาท พระองค์ทรงเห็นกำลังของเซียวเฉวียนแล้ว !"
”ข้าพระองค์ขอให้ฝ่าบาททรงระงับคำสั่งเถิด !”
”ไม่อย่างนั้น ข้าพระองค์ขอถวายตัวตายก็ไม่หวั่น !”
มาอีกแล้ว !
เอาเรื่องตายมาบีบบังคับอีกแล้ว !
องค์จักรพรรดิทรงปวดศีรษะ
ในขณะเดียวกัน เสนาบดีอีกคนก็คุกเข่าลงบนพื้นพร้อมพูดว่า "ข้าพระองค์เห็นพ้องด้วย มิเช่นนั้น ข้าพระองค์จะขอตายก็มิหวั่น !"
ศีรษะของจักรพรรดิทรงปวดทวีหนักยิ่งขึ้น !
หยวนเหยาตายไปแล้วหนึ่ง เสนาบดีสองคนนี้จะเป็นอะไรอีกไม่ได้ !
องค์จักรพรรดิมองเซียวเฉวียนด้วยความลำบากใจมาก ชีวิตคนก็สำคัญ แต่การเดินทางไปยังภูมิภาคตะวันตกก็เนิ่นช้าไม่ได้ ควรทำยังไงดี ?
ผู้ผูกกระดิ่งต้องเป็นผู้แก้กระดิ่งเอง เซียวเฉวียนมองยังจักรพรรดิด้วยสายตาที่มีความหมาย
แกล้งตายไปเลย
องค์จักรพรรดิเข้าใจ จึงหลับตาแล้วล้มลงกับพื้นดังตุบ
ทันใดนั้นเหล่าขุนนางก็วุ่นวายสับสน ตะโกนด้วยความตกตะลึง "ฝ่าบาท !"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...