ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 890

แย่แล้ว !

องค์จักรพรรดิเกิดเรื่องแล้ว !

องค์จักรพรรดิเป็นโอรสแห่งสวรรค์ เป็นเจ้านายของทุกคนในราชวงศ์ต้าเว่ย องค์จักรพรรดิเป็นอะไรไป ก็จะเหมือนกับท้องฟ้าถล่ม

ทุกคนในที่เกิดเหตุต่างล้อมเข้ามา

สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่องค์จักรพรรดิ แม้แต่ผู้อารักขาที่กำลังสู้รบกันอยู่ก็พักมือและมองดูฝูงชนอย่างพร้อมเพรียง

ทุกคนภาวนาอยู่ในใจว่าอย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นกับองค์จักรพรรดิ มิเช่นนั้นพวกเขาจะไม่สามารถบ่ายเบี่ยงความผิดได้

โดยเฉพาะเสนาบดีทั้งสองคน องค์จักรพรรดิล้มลงเพราะพวกเขาเอาความตายมาบีบบังคับ หากองค์จักรพรรดิเป็นอะไรไป พวกเขาจะต้องรับโทษเต็มๆ หัวต้องแยกจากร่างแน่ ! ตัวพวกเขาเองไม่สำคัญ แต่ทำให้องค์จักรพรรดิโกรธเคืองถึงแก่วายชนม์เป็นเรื่องใหญ่ ต้องถูกประหารเก้าชั่วโคตร

เสนาบดีทั้งสองคนอยู่ใกล้องค์จักรพรรดิมากที่สุด พวกเขาคุกเข่าคลานไปข้างหน้าด้วยความหวาดกลัว และใช้มือที่สั่นเทาตรวจดูลมหายใจขององค์จักรพรรดิอย่างระมัดระวัง โชคดีที่องค์จักรพรรดิยังมีลมหายใจอยู่ ทั้งสองมองหน้ากันและถอนหายใจด้วยความโล่งอก ใจที่เสมือนห้อยอยู่บนปลายมีด ก็ผ่อนคลายลงเป็นส่วนใหญ่

“ฝ่าบาท ?” ทั้งสองคนร้องเรียกเบาๆ มองดูองค์จักรพรรดิด้วยสายตาเปี่ยมความหวัง พวกเขาหวังอย่างใจจดใจจ่อว่าเสียงนี้จะทำให้องค์จักรพรรดิตื่นขึ้น

แต่องค์จักรพรรดิไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ดวงตาของพระองค์ปิดสนิท ท่าทางมีสีหน้าสงบเหมือนกับกำลังหลับสนิท

องค์จักรพรรดิพึมพำอยู่ในใจว่าเขาตื่นไม่ได้ ต้องให้ขุนนางหัวโบราณเหล่านี้เดือดเนื้อร้อนใจซะบ้าง และซื้อเวลาให้เซียวเฉวียนแอบหนีไป...

ควรใช้โอกาสนี้ให้บรรดาขุนนางทราบดีว่าองค์จักรพรรดิจะถูกยั่วยุไม่ได้ พวกเขาจะได้พิจารณาก่อนมาทัดทานสิ่งใดต่อไปนี้ ไม่ใช้วาจาและการกระทำที่รุนแรงจนเกินไป และนิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่หวั่นตายเอาความตายมาบีบบังคับ

”ฝ่าบาทเป็นยังไงบ้าง ?”

จางจิ่นที่สังเกตวาจาและสีหน้าอยู่ด้านข้างๆ ได้รับรู้จากการเปลี่ยนแปลงในสีหน้าของเสนาบดีทั้งสองว่าองค์จักรพรรดิแค่เป็นลมไป ในฐานะผู้สมัครชิงตำแหน่งอัครเสนาบดี เขาควรแสดงความห่วงใยต่อองค์จักรพรรดิ

ยิ่งไปกว่านั้น หยวนเหยาผู้ตรวจการราชสำนักก็จากไปแล้ว และเซียวเฉวียนได้สร้างความขัดแย้งอย่างจริงแท้กับข้าราชสำนักด้วยเหตุจะเดินทางไปยังภูมิภาคตะวันตก เซียวเฉวียนไม่มีโอกาสจะล้างฟอกตัวเอง ไม่ต้องพูดถึงจะมาแย่งชิงตำแหน่งอัครเสนาบดีกับจางจิ่นได้อีกแล้ว !

ขอเพียงจางจิ่นประพฤติตัวดีในเวลานี้ รับผิดชอบรักษาเสถียรภาพของสถานการณ์โดยรวม ให้บรรดาเสนาอำมาตย์เต็มใจที่จะยืนเคียงข้างเขาและพูดเข้าข้างเขา เขาเชื่อว่าอีกไม่นาน ตำแหน่งอัครเสนาบดีก็จะตกเป็นของเขา

เมื่อถึงเวลานั้น จางจิ่นก็จะอยู่รองจากหนึ่งคนแต่เหนือกว่าหมื่นคนอย่างมั่นเหมาะ ต่อจากนั้นไป เขาจะไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต เรียกหนึ่งคนร้อยคนสนองรับ ให้เจ้าหน้าที่หลายร้อยคนอิจฉา เพลิดเพลินไปกับความรุ่งโรจน์ความมั่งคั่งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด !

ในที่สุดโอกาสอันยิ่งใหญ่ของจางจิ่นก็มาถึงแล้ว !

เขาต้องรักษาโอกาสนี้ให้ดี ต้องรีบเปลี่ยนท่าทีเป็นคนดูดีให้เร็วที่สุด

เมื่อเสนาบดีทั้งสองได้ยินก็หันไปมองจางจิ่น ส่ายหัวด้วยสีหน้ารู้สึกผิดแล้วพูดว่า "ใต้เท้าจาง ฝ่าบาทยังทรงอยู่ในอาการหมดสติ เรียกก็ไม่ตอบสนอง ไม่ทราบพระวรกายเป็นยังไง”

น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล พวกเขาถึงกับเสียใจที่เอาความตายมาบีบบังคับ ทำให้องค์จักรพรรดิตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

เมื่อได้ยินดังนั้น จางจิ่นจึงพูดกับทหารสองคนที่เฝ้าประตูเมืองทันที "พวกเจ้ารีบไปหารถม้ามาโดยด่วน นำฝ่าบาทกลับไปพระราชวังเพื่อรับการรักษาวินิจฉัยโดยแพทย์หลวง"

ทหารที่ได้รับคำสั่งไม่กล้ารอช้า เร่งฝีเท้าหายตัวไปในชั่วพริบตา

ทหารทั้งสองนี้ สมองไวมาก ผ่านไปสักพักเดียวก็ขับรถม้ามาอย่างเร่งด่วน ยังเป็นรถที่ควบม้าสองตัว วิ่งได้รวดเร็วและมั่นคง สามารถร่นระยะเวลาในการกลับพระราชวังให้สั้นลงได้มาก ซื้อเวลาให้องค์จักรพรรดิได้รับการบำบัดรักษา ทั้งป้องกันองค์จักรพรรดิไม่ให้มีอุบัติเหตุที่เกิดจากทางกระเด้งกระดอน

เจ้าหน้าที่ในที่เกิดเหตุทุกคนอดไม่ได้ที่จะแสดงความชื่นชมทหารทั้งสอง

ด้วยความเร่งรีบ เสนาบดีทั้งสองคนช่วยกันพยุงองค์จักรพรรดิขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แต่น่าแปลกที่องค์จักรพรรดิมีน้ำหนักมาก เสนาบดีทั้งสองใช้ความพยายามอย่างมากแต่ยกตัวขององค์จักรพรรดิขึ้นได้เพียงนิดเดียว พวกเขาเบ่งจนหน้าแดงหมดแล้ว เหงื่อออกเต็มหน้าผาก และหายใจหืดหอบ

เมื่อได้ยินลมหายใจที่ไม่เป็นระเบียบของพวกเขา องค์จักรพรรดิอดสงสารไม่ได้ แต่ถ้าพระองค์ไม่แอบใช้กำลังภายในถ่วงเวลาที่เสนาบดีทั้งสองคนพยุงให้ลุกขึ้น ความสนใจของเสนาบดีทั้งสองก็จะเบนไปที่ตัวเซียวเฉวียนอย่างไว เพื่อขัดขวางเซียวเฉวียนเดินทางไปที่ภูมิภาคตะวันตก ไม่รู้ว่าพวกเขาจะก่อความวุ่นวายอะไรอีก

องค์จักรพรรดิแอบค่อยๆ เพิ่มกำลังภายใน และเสนาบดีทั้งสองก็ดูเหนื่อยแรงมาก จางจิ่นอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและสงสัยว่าองค์จักรพรรดิหนักขนาดนั้นเลยหรือ ? ถึงองค์จักรพรรดิจะตัวสูง แต่ก็ดูไม่น่าหนักถึงขนาดนั้น

จางจิ่นไม่ได้คุย จางจิ่นก็สามารถพยุงองค์จักรพรรดิขึ้นมาได้ด้วยตัวเองเพียงคนเดียว

แต่เสนาบดีทั้งสองคนนี้ถูลู่ถูกังมาเป็นเวลานานยังพยุงไม่ขึ้น หากพระวรกายขององค์จักรพรรดิมีอันตรายเกิดขึ้น ไม่ใช่ถ่วงเวลาให้ล่าช้าในการรักษาหรือ ?

จางจิ่นกังวลจนอดไม่ได้ จึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วย ทั้งพูดด้วยน้ำเสียงที่เคลือบแคลงเล็กน้อย "ให้ข้าเอง !"

บทที่ 890 ถือโอกาสชิ่งหนี 1

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย