เดิมทีฝ่าบาทได้มีการจัดงานเลี้ยงต้อนรับการมาเยือนของเซียวเฉวียน ทว่า หลังจากที่เซียวเฉวียนมอบเหลียงซินเฉ่าให้แล้วนั้น ฝ่าบาทพลันหันกายเดินกลับไปหาหมอหลวงด้วยท่าทีหน้านิ่วคิ้วขมวดไปในทันที เพื่อรีบไปตามหมอหลวงมาช่วยชีวิตชายาของตนเองในทันใด
นั่นจึงทำให้เซียวเฉวียนตระหนักได้ว่า ท่านพ่อตาและแม่ยายของตนเองนั้นรักใคร่ปรองดองมากนัก
เซียวเฉวียนเดินทางไปมาว่องไวยิ่ง นับตั้งแต่เมืองอีหลินจนมาถึงสถานที่พำนักขององค์หญิงต้าถง จนกระทั่งออกจากวังขององค์หญิงเพื่อมาเยือนพระราชวังแห่งซินเจียงนั้น เซียวเฉวียนใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ครึ่งวันเท่านั้น
หากแต่ยามที่เดินทางมายังพระราชวังซินเจียงนั้น เหลือเพียงเซียวเฉวียนเพียงคนเดียวเท่านั้น คนอื่นๆ พลันมีเหตุผลของตนเองมากมายเพื่อรั้งรออยู่ที่เมืองอีหลิน
การที่เซียวเฉวียนจักต้องเดินทางมาที่พระราชวังซินเจียงนั้น ไม่แคล้วเป็นเพียงพิธีการหนึ่ง มิฉะนั้น หากเขามาเยือนซินเจียงทั้งที แต่กลับมิมากราบไหว้ท่านพ่อตาแม่ยายนเลยก็นับว่าไร้มารยาทเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อเห็นท่านพ่อตารีบร้อนไปช่วยแม่ยายเช่นนี้ การกระทำของเขาคงมิได้ทำให้องค์หญิงต้องขายหน้าแล้วกระมัง
เมื่อท่านแม่ยายหายดีแล้ว องค์หญิงเองก็คงจะรู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น
ท่านพ่อตาของเซียวเฉวียนเองอายุก็หาได้มากมายไม่ ดูภายนอกอย่างไรก็คงมิถึงสี่สิบกว่า ทว่า ใบหน้ากลับฉายความมีเอกลักดั่งชาวต่างชาติ ทั้งยังมีใบหน้าคล้ายคลึงกับคนต้าเว่ยกว่ามากนัก
แม้แต่ภาษาเอง ทางฝั่งซินเจียงและราชวงศ์ต้าเว่ยเองก็ยังใช้ภาษาเดียวกันอีกด้วย
มิรู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่ซินเจียงและต้าเว่ยได้รวบรวมความเป็นวัฒนธรรมของพวกเขาเข้าด้วยกันเช่นนี้ ฉะนั้นแล้วยามที่คนชายต้าเว่ยและซินเจียงต้องการสื่อสานกันนั้น หาได้จำเป็นต้องใช้ล่ามเพื่อแปลภาษาไม่
เนื่องจากภายในฮว๋าเซี่ยนั้น ซินเจียงเองก็เป็นส่วนหนึ่งของฮว๋าเซี่ยเช่นกัน
แม้ว่าทั้งสองแคว้นนี้จะนับเป็นแคว้นต่างถิ่น ทว่า ทิศทางและการดำเนินชีวิตของผู้คนกับคล้ายคลึงกัน รวมไปถึงทั้งวัฒนธรรมและภาษาที่คล้ายคลึงกันอีกด้วย
เซียวเฉวียนเข้าใจแม้แต่กระทั่ง ยามที่นางกำนัลสาวใช้เอ่ยพูดคุยอยู่ภายในวังเสียด้วยซ้ำ
เซียวเฉวียนจึงดึงตัวนางกำนัลสาวใช้นางหนึ่งมาสอบถามเล็ก ๆ น้อย ๆ ถึงได้รู้ว่า เนื่องจากความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างซินเจียงและราชวงศ์ต้าเว่ย นั่นจึงทำให้ซินเจียงจึงมีการใช้สองภาษา ภาษาแรกคือภาษาของชาวพื้นเมืองซินเจียง และภาษาที่สองคือภาษาของต้าเว่ย ดังนั้นในสำนักบัณฑิตต่าง ๆ จึงมีการสอนภาษาต้าเว่ยรวมเข้าไปด้วยเช่นกัน
จึงมิน่าแปลกใจที่เด็กตัวเล็ก ๆ ทุกคนจะเชี่ยวชาญสองภาษาได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
เป็นเพราะการมาของเซียวเฉวียนในครานี้ องค์จักรพรรดิจึงได้สั่งให้ทั่วทั้งพระราชวังเอ่ยพูดภาษาต้าเว่ยแทน เพราะเหตุนี้ ไม่ว่าเซียวเฉวียนจักเดินทางไปที่ใดเขาก็หาได้ต้องใช้ล่ามเพื่อแปลภาษาไม่
นับว่าท่านพ่อตาใส่ใจเขายิ่งนัก
เซียวเฉวียนสามารถบอกได้จากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ว่า ในฐานะประมุขของแว่นแคว้นนั้น การที่กษัตริย์แห่งซินเจียงสามารถทำเช่นนี้ได้ นับว่าพระองค์ให้ความสำคัญต่อความรู้สึกของเซียวเฉวียนเป็นอย่างยิ่ง
มิน่าแปลกใจเลยที่พระองค์จะสามารถสอนสั่งบุตรีที่เต็มไปด้วยความอ่อนหวานและมีความอ่อนโยนเช่นองค์หญิงต้าถงออกมาได้
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อทั้งซินเจียงและต้าเว่ยต่างก็เป็นเมืองพี่เมืองน้องรักใคร่ปรองดองจนถึงเพียงนี้ แต่เหตุใดชายต้าเว่ยถึงเดินทางหรือทำการขอบัตรผ่านซินเจียงได้ยากเย็นยิ่งนัก
หากว่ากันแล้ว ในเมื่อทั้งสองแคว้นมีความสัมพันธ์อันดีกันถึงเพียงนี้ ราษฎรทั้งสองแคว้นย่อมมีความสนิทสนมกันมากในระดับหนึ่งมิใช่หรือ
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากความสัมพันธ์บางอย่างระหว่างราชวงศ์ซินเจียงและต้าวเว่ยนั้น เหล้าบรรดาขุนนางข้าราชบริพารและราษฎรไปมานั้นหาได้เคยพูดคุยกันไม่
ดังนั้นผู้คนจากซินเจียงมายังต้าเว่ยจึงง่ายดายกว่า ทว่า จากต้าเว่ยไปซินเจียงกลับยุ่งยากเป็นอย่างยิ่ง
สิ่งนี้ส่งผลให้เกิดอาวุธร้อนแรงภายในซินเจียง หากแต่ฝั่งต้าเว่ยหาได้รู้อะไรเกี่ยวกับพวกมันไม่
เป็นไปได้หรือไม่ว่า ในอดีตทั้งต้าเว่ยและซินเจียงเคยเป็นศัตรูคู่แค้นกันมาก่อน? เกรงว่าความแค้นนั้นแม้มิใหญ่มาก แต่ก็คงมิเล็กมากเช่นกัน ทำให้ทั้งสองแคว้นจึงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
เซียวเฉวียนที่กำลังนั่งอยู่ภายในงานเลี้ยงนั้น วันนี้นับว่าเป็นงานเลี้ยงที่จัดขึ้นแบบส่วนตัว นอกจากองค์จักรพรรดิแห่งซินเจียงแล้วก็มีเพียงนางกำนัลสาวใช้เพียงแค่หยิบมือเดียวเท่านั้น
องค์จักรพรรดิแห่งซินเจียงก็นึกมิถึงเช่นกันว่าราชบุตรเขยเช่นเซียวเฉวียนจักมีการนำเหลียงซินเฉ่าติดตัวมาด้วยเช่นนี้ พระองค์จึงรีบร้อนสั่งให้คนไปตามหมอหลวงเพื่อช่วยรักษาพระชายาตนเองเสียก่อน ยามที่จะจากไปนั้น ฝ่าบาทยังมิวายหันมาสั่งการกับนางกำนัลให้ดูและรับใช้เซียวเฉวียนเป็นอย่างดี ดังนั้นเหล่านางกำนัลรับใช้ทั้งหมดจึงพากันมารวมตัวกันรอบๆ ตัวราชบุตรเขยเช่นเซียวเฉวียนในทันที
หลังจากร่ำสุราลงไปถึงสามจอกด้วยกัน เซียวเฉวียนจึงได้คีบเนื้อวัวและเนื้อแพะกินตามลำพัง เขาที่เดินทางออกจากชายแดนต้าเว่ยมานาน อาหารการกินย่อมย่ำแย่มากนัก เซียวเฉวียนจึงมิได้กินเนื้อสดใหม่มานานหลายวันแล้ว
มิรู้ว่าเป็นเพราะอันใด หลังจากที่มีผนึกจูเสินอยู่ในร่างกายของตนเองแล้วนั้น เซียวเฉวียนพลันรู้สึกหิวได้ง่ายนัก อีกทั้งความอยากอาหารของเขาเองก็เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีกด้วย
เดิมที่เซียวเฉวียนเป็นคนร่างสูงและหน้าตาหล่อเหลาอยู่แล้ว ทั้งยังสามารถทำให้เหล่านางกำนัลสาวใช้ในวังหน้าแดงได้ไม่ยาก เพียงแค่เซียวเฉวียนปรายตามองดูพวกนางนั้น พวกนางก็พลันเขินตัวบิดไปในทันที
แต่ความอยากอาหารของเซียวเฉวียนกลับทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาแทน
เซียวเฉวียนที่กินทุกอย่างด้วยท่าทีเอร็ดอร่อยนั้น บุรุษเพียงคนเดียวกลับสามารถทานอาหารในปริมาณบุรุษร่างใหญ่ถึงสี่ห้าคนได้
เซียวเฉวียนที่แม้จะมีร่างกายตัวสูงกำยำ ทว่า เมื่อดูจากภายนอกแล้ว ร่างกายของเขาหาได้ผอมไม่ แต่ก็มิได้ดูอวบอ้วนเช่นกัน แต่พวกเขามิคิดเลยว่าเซียวเฉวียนจะกินเก่งขนาดนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...