ซินเจียง เมืองอีหลิน
หมิงเจ๋อและอาจื่อถูกคนจับแยกกันไว้ อยู่ในห้องของตนเองเพียงลำพัง
เซียวเฉวียนหายตัวไปกว่าสิบวันแล้ว ตอนนี้ยังไม่กลับมา ทำให้หมิงเจ๋อสับสนและรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก
เซียวเฉวียนหมายความว่าอย่างไร?
หมิงเจ๋อคิดว่า ทันทีที่เซียวเฉวียนกลับมาถึงซินเจียง อย่างน้อยก็ต้องมาจับตัวเขาไป จากนั้นก็พาเขาไปหาเสด็จพ่อและเสด็จแม่เพื่อสอบปากคำ
แต่ผลลัพธ์ก็คือ......
ตอนนี้ไม่เห็นแม้แต่เงาของเซียวเฉวียน
เซียวเฉวียนไม่กักขังเขาไว้ก็ยังพอทน แต่ยังใจกว้างปล่อยให้เขาเคลื่อนไหวได้ตามใจชอบ เพียงแค่มีฉินซูคอยดูอยู่ตลอดเวลาเท่านั้น
ยิ่งเซียวเฉวียนทำเช่นนี้ หมิงเจ๋อก็ยิ่งไม่กล้าเคลื่อนไหว เขารู้สึกว่าเซียวเฉวียนมีแผนสำรองที่กำลังเขาทำอะไรบางอย่างอยู่
แต่เซียวเฉวียนจากไปสิบกว่าวันแล้วยังไม่กลับมา เขาที่เป็นองค์ชายผู้สง่างามแห่งซินเจียง ในดินแดนของตนเอง เขาไม่มีทางนั่งรอความตายเช่นนี้เป็นแน่
ดังนั้นหมิงเจ๋อจึงเริ่มชักชวนอาจื่อ “เซียวเฉวียนไม่อยู่ เจ้าแอบส่งจดหมายไปรายงานเสด็จพ่อของข้า บอกว่าข้าอยู่ที่นี่ ให้เขามาช่วยข้า”
อาจื่อเป็นคนที่เข้าใจเซียวเฉวียน หากนางแอบหนีออกไป สิ่งที่ตามมานั้นไม่ใช่ผลดีที่แน่นอน แต่นางก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของหมิงเจ๋อ ไม่ได้บอกว่าไป หรือปฏิเสธว่าไม่ไป “ข้ารู้สึกว่าทำเช่นนี้มันอันตรายเกินไป บางทีเซียวเฉวียนอาจกำลังรอให้พวกเราหลบหนีอยู่ก็ได้?”
หมิงเจ๋อได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมา ที่อาจื่อพูดออกมาก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
หมิงเจ๋อกลอกตาดำ “อ่า นี่เจ้ากำลังออกความคิดเพื่อข้า หรือว่ากลัวจะต้องแยกจากเซียวเฉวียน ดังนั้นถึงไม่อยากหนีไปจากที่นี่!”
หัวใจของอาจื่อเต้นรัว ฝืนยิ้มออกมา “ข้าจะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ฝ่าบาทเลิกล้อเล่นได้แล้ว ข้าไม่ใช่ท่านหญิงที่แท้จริงแห่งต้าเว่ย และเป็นไปไม่ได้ที่จะได้อยู่กับเซียวเฉวียน”
“เจ้ารู้ตัวก็ดีแล้ว” หมิงเจ๋อมองไปที่อาจื่อด้วยความดูถูก “เจ้าอย่าคิดว่าเจ้าปลอมตัวเป็นฉินซูโหรวเพียงไม่กี่วัน แล้วเจ้าจะสามารถแทนที่ฉินซูโหรวได้ เจ้าเป็นคนของข้า”
อาจื่อได้ยินเช่นนั้น หัวไหล่ของนางก็สั่นเล็กน้อยเนื่องจากความตกใจ “เพคะ ฝ่าบาท ข้าจำได้เป็นอย่างดี”
แม้ว่าจะพูดออกมาแบบนั้น แต่อาจื่อก็ยังอยากจะย้อนกลับไปยังความฝันที่งดงามของตระกูลฉินอีกครั้ง
แต่ช่วงนี้อารมณ์ของหมิงเจ๋อไม่มั่งคง นางไม่กล้าพูดอะไรมาก นางนั่งเงียบ ๆ บนเก้าอี้ที่ห่างไกลจากหมิงเจ๋อ และในตอนนี้ นางก็พบร่างของคนผู้หนึ่งปรากฏออกมาจากทางหน้าต่าง อาจื่อขมวดคิ้วและพูดออกมาว่า “ใคร? ใครซ่อนอยู่ตรงนั้น! ออกมาเดี๋ยวนี้!”
หมิงเจ๋อรีบหันไปมอง ปรากฏว่ามีคนอยู่จริง ๆ หมิงเจ๋อกล่าวออกมาด้วยเสียงอันเยือกเย็น “เจ้าเป็นใคร! ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ เหมือนผี! แอบฟังคนอื่นคุยกันอยู่ด้านนอก มันดูเหมือนเป็นลูกผู้ชายอย่างนั้นหรือ!”
หมิงเจ๋อชำเลืองมอง เมื่อครู่อาจื่อเรียกตนเองว่าฝ่าบาท เขาไม่อาจปล่อยให้คนที่ได้ยินมีชีวิตรอดไปได้ ตอนนี้ทำได้เพียงฆ่าปิดปากเท่านั้น
อาจื่อพยักหน้า จากนั้นก็นำมีดสั้นออกมา ค่อย ๆ เดินออกไป แต่ในตอนนั้น คนที่แอบฟังอยู่ก็เปิดประตูและเดินเข้ามา
“เมื่อครู่พวกเจ้าพูดอะไร? อะไรคือตัวแทนของฉินซูโหรว?”
หมิงเจ๋อและอาจื่อตะลึงงัน องค์หญิงต้าถงงั้นหรือ?
เห็นองค์หญิงยืนอยู่หน้าประตู มองมาที่หมิงเจ๋อพร้อมกับกัดฟันพูดออกมา “เจ้ายังทำเรื่องอะไรที่ข้าไม่รู้อีกงั้นหรือ?”
หมิงเจ๋อทำอะไรไม่ถูก กล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา “น้องสาว......”
น้องสาว
คำพูดนี้ องค์หญิงต้าถงได้ยินมาตั้งแต่เล็กจนโต ทุกครั้งที่หมิงเจ๋อเรียกตนเองว่าน้องสาว นางมันจะรู้สึกอบอุ่นและหอมหวานเป็นอย่างมาก
แต่วันนี้ทันทีที่ได้ยิน นางกลับรู้สึกขมขื่น
“เจ้าเป็นใคร?” องค์หญิงต้าถงจ้องมองมาที่อาจื่อ ตอนนี้อาจื่อไม่ได้อยู่ในรูปลักษณ์ของฉินซูโหรวแล้ว รูปร่างหน้าตาของนางคล้ายกับฉินซูโหรวเพียงแค่เจ็ดส่วนเท่านั้น
องค์หญิงต้าถงก็รู้สึกคุ้นเคย เพียงแต่ไม่กล้ามั่นใจ
หมิงเจ๋อเห็นว่าเป็นองค์หญิงต้าถงที่มาที่นี่ ท่าทางที่เย่อหยิ่งเมื่อครู่ของเขาหายไปทันที เขารีบจัดท่าทาง เกรงว่าน้องสาวจะเห็นสภาพที่ดูไม่ได้ของเขา
“ข้าถามเจ้า เจ้าเป็นใคร ตอบข้ามาเดี๋ยวนี้”
แม้ว่าจะเป็นการซักถาม แต่น้ำเสียงขององค์หญิงต้าถงยังคงอ่อนโยน เพียงแค่หนักแน่นกว่าปกติเล็กน้อย
ในวันนี้อาจื่อไม่ได้อยู่ในตัวตนของฉินซูโหรว ก่อนหน้านี้ นางกล้าพูดจาโอหังกับองค์หญิงต้าถง เวลานี้นางทำได้เพียงแค่ระงับอารมณ์เอาไว้
อย่างแรก วันนี้นางไร้ซึ่งสถานะ
อย่างที่สอง องค์หญิงต้าถงเป็นน้องสาวของนายท่าน ก่อนหน้านี้นางเคยทำให้องค์หญิงต้าถงขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก หากหมิงเจ๋อรู้เข้า......
อาจื่อไม่กล้าพูด หมิงเจ๋อโกรธเป็นอย่างมาก “เจ้าเป็นใบ้หรืออย่างไร! พูดออกมา!”
อาจื่อก้มหน้า ไม่กล้าสบตากับองค์หญิงต้าถง “ข้า......ข้าชื่ออาจื่อ”
“อาจื่อ?” องค์หญิงต้าถงจ้องมองไปที่นางอีกครั้ง “เจ้ากับฉินซูโหรวมีความสัมพันธ์อะไรกัน? อะไรคือเป็นฉินซูโหรวมาหลายวัน!”
หมิงเจ๋อตื่นตระหนกเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินน้องสาวที่อ่อนโยนของเขามีน้ำเสียงที่เคร่งขรึมถึงเพียงนี้ “น้องสาว เจ้าฟังข้า เรื่องนี้......”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...