แต่ความเสียใจแบบนี้คงอยู่เพียงชั่วครู่เท่านั้นเขาแค่โกรธว่าทำไมเขาถึงทำให้น้องร้องไห้
ผิดที่ทำให้น้องร้องไห้
ไม่ใช่ว่าเขารู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติกับการล่าเซียวเฉวียน ใช่สิ แล้วเขาทำอะไรผิด เขากำลังคิดถึงซินเจียงทั้งหมดอยู่
ตอนนี้ข้อผิดพลาดคือข้าไม่ควรให้น้องรู้เรื่องนี้ และข้าก็ไม่ควรทำให้น้องเสียใจอีก
องค์หญิงคาดหวังว่าจะขาดการกลับใจของหมิงเจ๋อ เมื่อเห็นเขาเช่นนี้ด้วยตาของนางเอง องค์หญิงก็รู้สึกราวกับว่ามีมือนับหมื่นจับหัวใจของนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันเจ็บปวดมากจนหายใจลำบาก
สำหรับองค์หญิงนี่คือการต่อสู้ระหว่างญาติหมิงเจ๋อและเซียวเฉวียนเป็นทั้งญาติสนิทของนางเอง
เมื่อสิ่งต่างๆ มาถึงจุดนี้* องค์หญิงก็ไม่ต้องการพูดอะไรกับหมิงเจ๋ออีกต่อไป
นางถอนหายใจเบา ๆ และมองไปที่หมิงเจ๋อ "เปลี่ยนเสื้อผ้าของเจ้า เจ้าเห็นเสด็จพ่อของเจ้าเป็นแบบนี้ได้อย่างไร"
เมื่อหมิงเจ๋อได้ยินสิ่งนี้ก็คิดว่าการมีน้องทางสายเลือดดีกว่า ในช่วงเวลาวิกฤติ เป็นน้องทีรู้ว่าจะรู้สึกเสียใจกับน้องชายของนางอย่างไร หมิงเจ๋อกังวลว่าจะติดต่อกับเสด็จพ่อของเขาอย่างไร
“บอกเซียวเฉวียนว่าข้าจะพาหมิงเจ๋อออกไปเอง”
น้ำเสียงขององค์หญิงเย็นชาเล็กน้อยเมื่อนางพูดกับอาจื่อ และนางไม่แม้แต่จะมองอาจื่อเมื่อนางพูดถึง
"ใช่..." อาจื่อไม่กล้ามองนาง ดังนั้นนางจึงเพียงแค่พยักหน้าอย่างอ่อนแรง
ดีเลย ถ้าหากหมิงเจ๋อถูกจับตัวไป นางก็ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากการทุบตี การดุด่า และการบีบบังคับทุกรูปแบบจากนายท่านของนาง
อาจื่อมีความสุขมากอยู่ข้างใน แต่นางไม่กล้าแสดงออกอย่างชัดเจน
หมิงเจ๋อล้างหน้า สวมเสื้อผ้าที่ค่อนข้างสะอาด และกลับมาดูเหมือนองค์ชายอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมิงเจ๋อและองค์หญิงไม่สามารถเปิดเผยตัวตนของพวกเขาได้ ดังนั้นพวกเขาจึงยังคงสวมเสื้อคลุมยาวเพื่อซ่อนตัวจากผู้อื่น
หมิงเจ๋อรู้สึกตื่นเต้นที่ได้กลับบ้าน เขาเป็นองค์ชาย ไม่ว่าเขาจะทำอะไรผิด เสด็จพ่อเสด็จแม่ของเขาจะต่อว่าเขามากที่สุดหรือลงโทษเขาเล็กน้อย
หลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าเสด็จพ่อ เสด็จแม่ของเขาจะโกรธแค่ไหน พวกเขาก็จะขังเขาไว้ในภูเขาจงหนาน ดังนั้นหมิงเจ๋อจึงกล้าหาญมากขึ้นเรื่อยๆ
ความโกรธก็คือความโกรธ บุตรทางสายเลือดก็ยังเป็นบุตรทางสายเลือดอยู่ดี
เช่นเดียวกับตอนนี้ที่น้องข้ารู้ว่าเขาทำอะไรเขายังคงเป็นพี่ชายแท้ๆของนางในช่วงเวลาวิกฤติครอบครัวจะยืนเคียงข้างเขา
หมิงเจ๋อลืมสิ่งที่เขาทำไปและดื่มด่ำไปกับความสุขที่ได้พบกับน้องเขา
เป็นความจริงที่ว่าเขาและองค์หญิงไม่ได้เจอกันมานานแล้ว คนหนึ่งถูกจองจำในภูเขาจงหนาน และอีกคนอยู่ที่ต้าเว่ย มีจดหมายน้อยมากระหว่างพวกเขา
หมิงเจ๋อมีความสุขมากจนเขาไม่รู้ว่าจี้หยกที่เป็นสัญลักษณ์ขององค์ชายนั้นถูกองค์หญิงแอบคว้าไปซ่อนไว้
หมิงเจ๋อกำลังจะออกเดินทางเมื่อสักครู่นี้ และอาจื่อก็กระตือรือร้นมาก นางรินชาและน้ำล้างหน้าของหมิงเจ๋อด้วยแผ่นหน้า และช่วยผูกเข็มขัดของเขา
อาจื่อแทบจะไม่สามารถแสดงความสุขบนใบหน้าของนางได้
“เอาล่ะท่านพี่ เราไปกันได้แล้ว”
เมื่อหมิงเจ๋อพูดแบบนี้อาจื่อมีความสุขมากจนเลิกคิ้วจนแทบเลิกคิ้ว
องค์หญิงไม่เคลื่อนไหว
ท่าทางภาคภูมิใจของอาจื่อทำให้องค์หญิงนึกถึงบางสิ่งบางอย่าง
“ท่านพี่” องค์หญิงหันศีรษะของนางแล้วถามหมิงเจ๋อด้วยสายตาที่ตื่นตระหนก “ท่านเป็นคนสั่งให้ฉินซูโหรวโยนข้าลงไปในบ่อน้ำหรือไม่?”
หมิงเจ๋อมีตาโต
รอยยิ้มของอาจื่อจางหายไปทันที
...
...
ความเงียบอันน่าสยดสยองได้ชะล้างความสุขทั้งหมดออกไป
มีเพียงความตึงเครียดและการบีบบังคับที่หายใจไม่ออกในอากาศ
หมิงเจ๋อหันหน้ายกมือขึ้นและตบอาจื่อทันที "ไอ้สารเลว! เจ้าเคยทำอะไรกับน้องของข้าบ้างไหม?"
"อา!" อาจื่อปิดหน้านางแล้วตัวสั่น: "ข้า...ข้า..."
หมิงเจ๋อสอนอาจื่อว่าผู้อ่อนแอสามารถกินผู้ที่แข็งแกร่งได้ และสอนอาจื่อว่าตราบใดที่เขาอ่อนแอกว่าเจ้า เจ้าสามารถทำทุกอย่างที่เจ้าต้องการกับเขาได้
ทุกวันนี้หมิงเจ๋อปฏิบัติต่ออาจื่อด้วยกฎเหล่านี้ อาจื่อหมดหวังเล็กน้อย นางทำสิ่งต่าง ๆ ให้หมิงเจ๋อมาหลายปีแล้ว แต่นางเทียบไม่ได้กับคำพูดของน้องเขา
อาจื่อยื่นมือออกมา "ช่วยข้าด้วย...องค์หญิง...ช่วยข้าด้วย...ข้ารู้ว่าข้าผิด...ข้าไม่ควร...ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย" ปล่อยข้าไว้ตามลำพังเถอะ"
องค์หญิงเกลียดอาจื่อมาก แต่นางไม่เคยเห็นใครหายใจไม่ออกในระยะใกล้ขนาดนี้มาก่อน หัวใจของนางก็ตึงเครียดและพูดอย่างเย็นชา "พอแล้ว ปล่อยนางไป"
องค์หญิงคิดว่าเซียวเฉวียนน่าจะมีประโยชน์บ้างในการไว้ชีวิตอาจื่อ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถฆ่านางได้
อย่างที่สององค์หญิงทนไม่ไหวจริงๆ
“ไม่ได้!” หมิงเจ๋อไม่พอใจ ไม่ยอมให้ใครมาเลี้ยงน้อง!
“เจ้ายังทำความชั่วไม่พอ!” องค์หญิงตะโกนด้วยความโกรธ “ที่ข้าพูดตอนนี้ใช้ไม่ได้ผลใช่ไหม?”
เมื่อหมิงเจ๋อได้ยินว่าน้องของเขาโกรธอีกครั้ง ความรู้สึกของเขาก็กลับมาเล็กน้อย
"ปล่อยนางไป!"
เมื่อองค์หญิงดุผู้อื่นด้วยความโกรธ นางก็ดูอ่อนโยนกว่าคนอื่นๆ หมิงเจ๋อปล่อยมืออย่างไม่เต็มใจ และอาจื่อก็ก้าวถอยหลังครั้งแล้วครั้งเล่า ไออย่างบ้าคลั่งเพื่อหายใจเอาออกซิเจนที่หายากเข้าไป
"ไปกันเถอะ"
องค์หญิงไม่เคยมองอาจื่ออีกเลย หันหลังกลับแล้วเดินออกจากบ้าน
หมิงเจ๋อติดตามน้องของเขา ก่อนที่จะออกไป เขาชี้นิ้วไปที่อาจื่อ “รอข้าก่อน ข้าจะจำเรื่องราวนี้ไว้”
อาจื่อซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งด้วยความกลัว มองดูพี่ชายและน้องจากไปด้วยสายตาที่สั่นเทา
ความตายอยู่ใกล้นนางมากตอนนี้ ชั่งใกล้เสียจริง...
หลังจากที่เสียงสองพี่น้องเดินหายไป อาจื่อก็น้ำตาไหล!
ชีวิตนี้นางต้องอยู่ห่างจากหมิงเจ๋อ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...