พอได้ยินองค์หญิงกล่าวว่าหมิงเจ๋อเป๋ยผู้ริเริ่ม โย่วควรได้แต่หวังว่ามันไม่ใช่ความจริง บัดนี้ได้ยินความจริงจากปากของเซียวเฉวียน ในใจของโย่ควนก็ยิ่งเศร้าโศก
เซียวเฉวียนและองค์หญิงล้วนเป็นคนดี ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน โดยเฉพาะหมิงเจ๋อที่ฆ่าคนมานับไม่ถ้วนผู้นี้ก็ยังทำเรื่องที่สวรรค์ยากจะให้อภัยเช่นนี้!
วันหน้า เซียวเฉวียนจะไปมาหาสู่กับองค์หญิงได้อย่างไร?
โย่วควนมองเซียวเฉวียนด้วยความสับสน พูดไม่ออก
ผ่านไปครู่หนึ่ง โย่ควนก็เอ่ยเสียงต่ำ “องค์หญิง ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?”
“เซี่ยวเฟิงติดตามองค์หญิงไป จนตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย”
เซียวเฉวียนขมวดคิ้ว “นางน่าจะไปเมืองยีหลิน”
เนื่องจากองค์หญิงรู้เรื่องที่หมิงเจ๋อทำ จึงรู้ว่าจะหาตัวหมิงเจ๋อได้จากที่ไหน องค์หญิงพรวดพราดออกไปทันที ร้อยละเก้าสิบอย่างไรก็หาตัวหมิงเจ๋อเจอ
แต่องค์หญิงนั้นรวดเร็วมาก แม้แต่เซี่ยวเฟิงก็ไล่ตามไม่ทัน บัดนี้เซี่ยวเฟิงยังคงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เรื่องนี้น่าแปลกยิ่งนัก
“องค์ชาย เรารีบไปเมืองยีหลินกันเถอะ พาองค์หญิงกลับมา”
โย่ควนเป็นคนมีน้ำใจ หมิงเจ๋อทำเรื่องชั่วช้าถึงเพียงนี้ แม้ว่าโย่วควนจะอยากระบายความโกรธใส่องค์หญิง แต่เมื่อเขาสงบจิตสงบใจลง ก็พบว่าองค์หญิงอ่อนโยนต่อตนมาโดยตลอด ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกับใคร กระทั่งทาสรับใช้อย่างพวกเขา ก็ไม่เคยตำหนิเลยสักครั้ง
คนแบบนี้ หากน้องชายอย่างหมิงเจ๋อทำผิดแล้วพาลโกรธ ก็ดูจะไร้เดียงสาเกินไป
“เกรงว่าจะไม่ทันการณ์เสียแล้ว”
หลังจากที่เซียวเฉวียนพูดเช่นนี้ โย่วควนก็เข้าใจทันที ใช่ หากมีร่องรอยขององค์หญิง เซี่ยวเฟิงคงกลับมารายงานตัวนานแล้ว เซียวเฉวียนไม่ควนอยู่ที่นี่ แต่ต้องอยู่ระหว่างทางไปเมืองยีหลิน
โย่วควนกำลังสับสน
ในตอนนี้เอง ไป๋ฉีที่อยู่ห่างออกไปเป็นพันลี้ก็พูดขึ้น “นายท่าน!ต้าเว่ยก็มักจะแปลกประหลาดเช่นนี้ จางจิ่นมักจะเข้าออกจวนเจียนกั๋วเป็นว่าเล่น”
ดูท่าเว่ยเชียนชิวจะรั้งไว้ไม่ได้ เตรียมจะลงมือ เซียวเฉวียนครุ่นคิดครู่หนึ่ง ขณะที่กำลังคำนวณเวลา เว่วยเป้ยและสวีซูผิงก็มาถึงเมืองหลวงแล้ว!
“พวกเจ้าได้ยินว่าเว่ยเป้ยอยู่เมืองหลวงใช่หรือไม่?” เซียวเฉวียนเอ่ยถามเสียงเรียบ นัยน์ตากวาดไปรอบ ๆ ห้อง กระทั่งสายตาไปหยุดอยู่ที่โต๊ะเครื่องประทินโฉมขององค์หญิง ซึ่งมีจดหมายฉบับหนึ่ง ด้ายบนเขียนชื่อสั้น ๆ ว่า “ภรรยาสุดที่รัก“
เซียวเฉวียนจำได้ว่าเป็นลายมือขององค์ชายเอง
“นายท่าน เว่ยเป้ยยังไม่ได้เข้าเมือง บัดนี้ยังอยู่ด้านนอก” ไป๋ฉีรายงานสถานการณ์ด้วยสีหน้านิ่งสงบ “นอกจากนี้ คนของเว่ยเชียนชิวเหมือนจะคุ้มคลั่งไปทุกที ค้นหาทุกซอกทุกมุม”
“ดี เข้าใจแล้ว” เซียวเฉวียนก้าวฉับไปยังโต๊ะเครื่องประทินโฉม หยิบจดหมายที่องค์หญิงทิ้งไว้ให้ขึ้นมา เขาเปิดมันช้า ๆ ในนั้นมีแค่ข้อความสั้น ๆ เขียนไว้ว่า
‘สามี พี่ชายข้าได้ทำผิดพลาดมหันต์ เป็นความผิดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
บัดนี้ ข้าไม่มีสิ่งใดต้องเอ่ยมากความกับเจ้า จึงไปโดยไร้คำบอกลา ได้แต่หวังว่าเจ้าจะไม่ถือโทษโกรธข้า
เด็กน้อยช่างไร้เดียงสา หวังว่าเจ้าจะเลี้ยงดูฟูมฟักบุตรสาวอย่างดี แล้วอย่าได้เอ่ยถึงมารดาผู้ให้กำเนิดอีก
อย่าตามหา รักษาตัวด้วย’
ทุกตัวอักษรเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่องค์หญิงมีต่อเซียวเฉวียน ไม่มีมีเลยที่จะไม่มีความคิดอยากจะจากไปขององค์หญิง ถึงกระนั้นก็ยังเต็มไปด้วยความรักความห่วงใยที่องค์หญิงมีต่อเซียวเฉวียนและบุตรสาวของนาง
กระดาษที่เบาบาง ยามอยู่ในมือของเซียวเฉวียนกลับหนักอึ้งหลายตัน เขาถทอมันไม่ไหว กระทั่งหลุดหลายไปในอากาศ ก่อนจะร่วงตกพื้นอย่างเงียบ ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...