ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 966

“เสวียนอวี๋!”

ในสายตาที่เมตตาและอ่อนโยนของนักปราชญ์ มีความโกรธเคืองเล็กน้อย “อาจารย์พูดกับเจ้าว่าอย่างไร? เหตุใดเจ้าไม่เคยจำได้เลย? ไป! ไปยืนสำนึกโทษที่ข้างกำแพง!”

เสวียนอวี๋ขมวดคิ้วเล็ก เขาไม่กล้าขัดคำสั่งอาจารย์และไปยืนข้างกำแพงอย่างชำนาญ ร่างกายยืดตึง หน้าผากชิดผนัง ประสานสองมือไว้ด้านหลัง ในปากท่องคำสอนของนักปราชญ์ “มิใช่พวกเดียวกับเรา ต้องถูกฆ่า”

“มิใช่พวกเดียวกับเรา ต้องถูกฆ่า”

เสียงของเสวียนอวี๋เบาลง นักปราชญ์พูดขึ้นเสียงดุ “เสียงดังหน่อย”

“มิใช่พวกเดียวกับเรา ต้องถูกฆ่า!”

“มิใช่พวกเดียวกับเรา ต้องถูกฆ่า!”

เสียงเล็กเสียงน้อยของเสวียนอวี๋ น้ำเสียงมีความไม่พอใจอยู่บ้าง นักปราชญ์ถอนหายใจเบา ๆ ในใจ จักต้องมีสักวันที่ลูกศิษย์จะเข้าใจในความมุมานะของเขา...

...

...

นักปราชญ์เข้าพักในจวนเจียนกั๋ว และยังแก้ไขปัญหาแทนเว่ยเชียนชิว จับเป็นเสี่ยวเซียนชิว เขาทําการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เช่นนี้ เป็นเรื่องยากที่ฮ่องเต้ที่จะไม่สังเกตเห็นเขา

ทว่านักปราชญ์เป็นผู้ที่คุยโวโอ้อวดมาตลอด เขาไม่เคยกลัวการเผยโฉมหน้าที่แท้จริง ไม่ว่าที่ซินเจียงหรือในต้าเว่ย สถานที่ที่เขาเดินเข้าออกก็คือคฤหาสน์ของบรรดาศักดิ์ชั้นสูงหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงต่าง ๆ

เหตุผลที่เขาไม่หวาดกลัวเช่นนี้ ก็เพียงเพราะว่าเขาคิดว่าตัวเองปิดบังซ่อนเร้นตัวตนได้ดี ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวผู้อื่นรู้ชื่อของเขา หรือมีหน้าตาเป็นอย่างไร ตราบใดที่ยังไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาคือคนของสำนักหมิงเซียนก็พอ

เมื่อนักปราชญ์ทำงานเสร็จสิ้น เขาก็หายเข้ากลีบเมฆได้เลย

เช่นการที่หมิงเจ๋อพบกับหายนะครั้งก่อน หลังจากที่เขาจากไปก็ไม่มีผู้ใดได้พบเขาอีกเลย ทั่วทั้งซินเจียงทุ่มเทความพยายามอย่างเต็มที่แต่ก็ไม่พบเบาะแสของเขา

นี่ก็คือเหตุผลที่นักปราชญ์ไม่เคยหวาดกลัว ขอเพียงเขาซ่อนตัวลึกมากพอ ไม่ว่าเขาจะทำสิ่งใดบนโลกใบนี้ ใครก็ไม่สามารถทําอะไรเขาได้

ผู้ที่ตบตูดแล้วเดินจากไป ไม่ต้องรับผิดชอบสิ่งใด แน่นอนว่าไม่มีสิ่งใดให้หวาดกลัว

ทว่า นักปราชญ์มีชื่อเรียกในซินเจียงว่านักปราชญ์ แต่ในต้าเว่ยเขากลับไม่ใช้ชื่อนี้ เขาให้คนอื่นเรียกเขาว่าท่านเซียนชรา

เซียนมักทำตัวลึกลับซับซ้อน เว่ยเชียนชิวจึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก ไม่สนว่าเขาเป็นท่านเซียนชราหรือภูตผีปีศาจ ขอเพียงสามารถช่วยเหลือเขาได้ ย่อมถือว่าเป็นคนดี

“ท่านเซียนชรา? ไม่มีชื่อแซ่งั้นหรือ?”

ในพระราชวัง ฮ่องเต้หนุ่มถึงกับขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อนี้

ผู้ที่เว่ยเชียนชิวหามาได้ครั้งนี้ พิเศษเลยทีเดียว

สายลับพยักหน้า ข่าวกรองถูกต้อง เพื่อต้อนรับท่านเซียนชรา เว่ยเชียนชิวจัดงานเลี้ยงใหญ่และปฏิบัติต่อเขาในฐานะแขกพิเศษ ดังนั้นทุกคนต่างก็รู้และไม่จำเป็นต้องสืบให้มากความ

ฮ่องเต้โบกมือให้สายลับออกไป จากนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น “ขุนนางที่รักทั้งสองมีความเห็นอย่างไร?”

สวีซูผิงและฉินเซิงมองหน้ากัน ท่านเซียนชราผู้นี้ไม่ทราบที่มาที่แน่ชัด และตอนนี้ยังมองอะไรไม่ออก

“แม่ทัพฉิน เรียกลูกชายของเจ้าออกมาใช้งานเถอะ”

คำพูดของฮ่องเต้ ทำให้ฉินเซิงต้องตกใจ “ฝ่าบาท การฆ่าเหล่าอรหันต์แห่งเกาะจูเสินในครานั้น ถือเป็นโทษร้ายแรง...”

“เป็นเพราะเขาทำผิดร้ายแรง จึงควรจะทำความดีชดเชยความผิด นำตัวฉินเฟิงขังไว้ที่จวนแม่ทัพ เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว ราชครูเกลียดเขา แต่เห็นแก่หน้าของแม่ทัพฉิน ราชครูจึงปล่อยฉินเฟิงไปและไม่เอาชีวิตของฉินเฟิง”

“ในเมื่อฉินเฟิงยังมีชีวิตรอด เช่นนั้นก็ไม่ควรใช้ชีวิตอย่างเปล่าประโยชน์ ให้เขาทำความดีชดเชยความผิด ก็ถือเป็นคุณงามความดีอย่างหนึ่ง ข้าคิดว่าหากราชครูรู้ ก็ไม่อาจคัดค้านอะไรมาก”

ฉินเซิงก้มหน้า พลางแสดงความเคารพ “แล้วแต่พระบัญชาของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อเห็นว่าท่าทางของฉินเซิงไม่แย่นัก ฮ่องเต้จึงกล่าวเตือนว่า “แม่ทัพฉิน เรื่องนี้จัดการไม่ง่ายนัก ไม่แน่อาจถึงแก่ชีวิตได้”

ตอนนี้ฉินเฟิงถูกกักขังบริเวณไว้ที่ตระกูลฉิน ในลานเล็ก ๆ ห้ามออกไปข้างนอก ในนั้นทุกวันเขาร่ำสุราเพื่อคลายความกังวล ใช้ชีวิตไปวัน ๆ ตายไปยังดีกว่ามีชีวิตอยู่เสียอีก

ฉินเซิงรู้จักลูกชายคนนี้ของตัวเองดี เมื่อก่อนฉินเฟิงเป็นนายทหาร ตอนนี้ต้องตกต่ำมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ ในใจคงอยากตายเสียเต็มประดา ฮ่องเต้ทรงมอบโอกาสให้ก็ถือเป็นบุญคุณอันใหญ่หลวง แม้ว่าเขาจะเสียชีวิต แต่ก็ไม่ควรค่าที่จะกล่าวถึง

“ฝ่าบาท หม่อมฉันและบุตรแห่งตระกูลฉินล้วนเป็นขุนนางของฝ่าบาท ขอเพียงฝ่าบาททรงบัญชา อย่าว่าแต่ถึงแก่ชีวิตเลยพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าชีวิตของทั้งตระกูลฉิน หากฝ่าบาทต้องการ ตระกูลฉินไม่มีทางถอยพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ทรงซาบซึ้งในหัวใจเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ความภักดีของตระกูลฉินไม่เคยต้องเคลือบแคลงใจ “ดี ในเมื่อแม่ทัพฉินพูดเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นก็ให้ฉินเฟิงไปยังจวนเจียนกั๋วเถอะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย