ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 967

หากนับตามลำดับอาวุโส คนผู้นั้นคือน้าชายห่าง ๆ ของเซียวเฉวียน มีชื่อว่าเซียวจิ่ว

แม้ลำดับอาวุโสจะมากกว่า แต่อายุกลับห่างจากเซียวเฉวียนเพียงเจ็ดแปดปีเท่านั้น

ทางสายเลือดของเซียวจิ่ว อาศัยอยู่ในเขตชานเมืองของเมืองหลวง ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีประชากรน้อยและแห้งแล้งกันดาร พวกเขาหนีหน้าสังคมมนุษย์ ผู้คนทั้งสองยุคออกไปข้างนอกน้อยมาก

ดังนั้นครอบครัวของน้าชายเซียวเฉวียนจึงไม่รู้ว่าประเพณีนิยมของสังคมด้านนนอกคืออะไร และยิ่งไม่รู้จักสายเลือดของเซียวเฉวียนเลย

ผู้ที่พวกเขาสามารถจำได้ ก็มีเพียงฮ่องเต้ผู้เดียวเท่านั้น

นั่นเป็นเพราะบรรพบุรุษของเซียวจิ่วเคยสร้างคุณงามความดีไว้ ดังนั้นฮ่องเต้จึงดูแลครอบครัวของเซียวจิ่วมาตลอด แม้ว่าครอบครัวเซียวจิ่วจะหนีหน้าสังคมมนุษย์ ทว่าข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่เงินทอง ล้วนเป็นสิ่งที่ฮ่องเต้สั่งคนให้นำมาให้ในทุก ๆ เดือน

ในตอนแรกครอบครัวของเซียวจิ่วปฏิเสธในทุกทางที่เป็นไปได้ บอกว่าจะไม่รับสินบนใด ๆ ทั้งนั้น ให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมรับสิ่งของจากฮ่องเต้

แต่อย่างไรก็ตาม ฮ่องเต้น้อยก็เป็นผู้ที่ดื้อรั้น เจ้าปฏิเสธก็เป็นเรื่องของเจ้า สิ่งที่ควรมอบให้ก็ควรต้องมอบให้ นี่เป็นสิ่งที่ฮ่องเต้องค์ก่อนได้กำชับไว้ ข้าจึงต้องปฏิบัติตามให้ดี

ดังนั้นฮ่องเต้จึงยังคงติดต่อกับเซียวจิ่ว

พันธุกรรมตระกูลเซียวไม่เลวจริง ๆ เซียวจิ่วอายุมากกว่าเซียวเฉวียนไม่กี่ปี แต่เติบโตขึ้นมาอย่างสง่าและภูมิฐานเหมือนกัน เป็นผู้ที่มีหน้าตาค่อนข้างดีในกลุ่มชาวนาของหมู่บ้านบนภูเขา หญิงสาวละแวกใกล้เคียงต่างรู้ดีว่าในหมู่บ้านบนหุบเขาแห่งนี้ มีชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งที่ยังไม่ได้แต่งงาน

ดังนั้นแม้ว่าครอบครัวของเซียวจิ่วจะหนีหน้าสังคมมนุษย์ แต่ถือว่ามีชื่อเสียงในหมู่บ้านละแวกใกล้เคียงอยู่บ้าง

ตระกูลของเซียวจิ่วถือเป็นครอบครัวที่สงบสุขและร่ำรวย คนในครอบครัวเจริญรุ่งเรือง และมีบารมีมากในชุมชน

แน่นอนว่าขอบเขตของบารมีนี้ มีอยู่แค่ไม่กี่หมู่บ้านโดยรอบ

ตระกูลของเซียวจิ่วชีวิตอย่างสงบสุขและสบายใจ ชมดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ ตกปลาในฤดูร้อน ล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วง และผิงไฟในฤดูหนาว

ครั้งนี้ฮ่องเต้มาเพราะเรื่องของกองทัพตระกูลเซียว ที่ทำลายความสงบสุขของพวกเขา

เซียวจิ่วปฏิเสธฮ่องเต้อย่างรุนแรง

เกี่ยวกับเรื่องกองทัพตระกูลเซียว ครอบครัวของพวกเขาไม่คิดอยากยุ่ง

ส่วนหลานชายห่าง ๆ อย่างเซียวเฉวียน เขาไม่รู้จักเลย

ตระกูลเซียวของพวกเขาอยู่ที่นี่มาหลายปี ชีวิตเช่นนี้ได้รับมาอย่างยากลำบาก และเขาไม่ต้องการทำลายความสงบสุขนี้

แม้ตระกูลเซียวไม่สนใจเรื่องทางโลก แต่ก็รู้ว่าศัตรูของฮ่องเต้อย่างเว่ยเชียนชิวไม่ใช่คนดี หากเซียวจิ่วช่วยเหลือฮ่องเต้ ก็เท่ากับเป็นปฏิปักษ์ต่อเว่ยเชียนชิว

ตระกูลของเซียวจิ่วมีราว ๆ สิบกว่าชีวิต เขาไม่อาจเสี่ยงอันตรายนี้ได้

หากเซียวจิ่วตัวคนเดียว ไม่มีญาติพี่น้องร่วมตระกูล เขาก็ไม่มีสิ่งใดต้องพะว้าพะวัง

ทว่าหลังจากฮ่องเต้มาหาเซียวจิ่ว เซียวจิ่วตั้งใจออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง เพื่อไปแอบฟังข่าวคราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นหลายปีนี้ในเมืองหลวง ปรากฏว่าตระกูลเซียวในเมืองหลวงถูกกวาดล้างแล้ว

น้ำขุ่นเช่นนี้ ไม่สมควรจะลงไปเล่น

ดังนั้นเซียวจิ่วจึงได้ฮ่องเต้ครั้งแล้วครั้งเล่า

“ฝ่าบาท เซียวจิ่วผู้นี้ ไม่รู้จักกาลเทศะ เหตุใดพระองค์จึงต้องลำบากไปขอร้องเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า?”

เมื่อรู้ว่าฮ่องเต้ถูกปฏิเสธเสียงแข็งอยู่หลายครั้ง สวีซูผิงขมวดคิ้วแน่น “เขาผู้นี้ต่อต้านราชโองการ เช่นนั้นถือเป็นนักโทษประหาร”

ความหมายของสวีซูผิงชัดเจนมาก เขาต้องการให้ฮ่องเต้ใช้กลอุบายเล็กน้อย

“นี่คือสายเลือดตระกูลเซียวที่เป็นตระกูลเดียวกับราชครู ไม่อาจบังคับขู่เข็ญได้ ราชครูก็คงไม่ยอม”

“เขาเป็นเพียงญาติลูกพี่ลูกน้องพ่ะย่ะค่ะ”

“แต่ก็เป็นถึงน้าชาย” ฮ่องเต้ฝืนยิ้ม คนตระกูลเซียวมีนิสัยดื้อรั้นอยู่เสมอ มีผู้ใดที่ยอมฟังคำสั่งบ้าง?

“เช่นนั้นฝ่าบาทจักทำอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ? กองทัพตระกูลเซียวไม่สามารถอยู่ที่นั่นตลอดไป หม่อมฉันได้ข่าวว่า สมาชิกของครอบครัวกองทัพตระกูลเซียวร้องไห้กันอยู่ทุกวัน ผู้คนไม่น้อยไปนอกเมืองหลวงเพื่อเผากระดาษเงินใต้เมฆด”

พวกเขารักษาความสงบและความน่าเกรงขามที่ราชวงศ์พึงมี

“ราชบุตรเขย นับตั้งแต่ลูกชายของข้าได้พบกับนักปราชญ์ ก็เดินทางผิดและสร้างปัญหาให้เจ้าไม่น้อย พวกเราต้องขอโทษเจ้า และขอโทษองค์หญิงต้าถงด้วย”

ลึก ๆ แล้ว พระราชาและราชินีเหมือนกับพ่อแม่ที่น่าเศร้าใจมากกว่า ลูกชายของพวกเขาน่าเป็นห่วง พูดสิ่งใดก็ไม่ยอมฟัง

“ไม่ทราบว่าพระราชาทรงทราบหรือไม่ องค์หญิงจะพาองค์ชายไปที่ใดพ่ะย่ะค่ะ?”

“ไม่อาจรู้ได้ แม้ลูกสาวของข้ามีนิสัยที่จริงใจ แต่ก็เป็นผู้ที่มีความคิดเป็นของตัวเอง ข้าได้ส่งคนออกไปตามหาแล้ว คงได้ข่าวในเร็ว ๆ นี้”

เซียวเฉวียนพยักหน้าด้วยความอึมครึม การหนีไปขององค์หญิงทำให้จิตใจของเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และไม่สบายใจเป็นอย่างมาก “หม่อมฉันกลัวว่านางจะทำเรื่องโง่ ๆ”

พระราชาและราชินีมองหน้ากัน ในสายตาเต็มไปด้วยความเป็นกังวล แต่ราชินียังคงปลอบใจเซียวเฉวียน “อย่ากลัวไปเลย เด็กอยู่ที่นี่ นางไม่มีทางทำใจทิ้งลูกไปได้แน่”

ในโลกของผู้ใหญ่ ทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจดีว่าคำปลอบโยนเหล่านี้ เซียวเฉวียนไม่เชื่อ พระราชาและราชินีเองก็ไม่เชื่อเช่นกัน

“ครั้งนี้องค์หญิงสามารถฟื้นตัวได้ เป็นเพราะแม่นางมู่เวยและมู่จิ่นศิษย์พี่ของนาง หม่อมฉันซาบซึ้งใจอย่างมาก หวังว่าพระราชาจะให้โอกาสหม่อมฉันขอบน้ำใจต่อหน้าพวกเขา”

เซียวเฉวียนเริ่มทำการออกโจมตี และเริ่มใช้กลอุบายหลอกล่อให้อีกฝ่ายหนึ่งออกมาตอบโต้

พระราชาตกใจอย่างเห็นได้ชัด “เจ้าเชิญมู่จิ่นมาด้วยงั้นหรือ?”

ทุกคนต่างรู้ดีว่า มู่เวยหมอเทวดาทองพันชั่งผู้นี้หยิ่งยโสอย่างมาก และเชื้อเชิญมาได้ยาก เขาเป็นศิษย์พี่ของมู่จิ่น และใช้ชีวิตหนีหน้าสังคมมนุษย์ คนทั่วไปไม่อาจเชิญเขามาได้

เซียวเฉวียนเสแสร้งถ่อมตน “พ่ะย่ะค่ะ ตอนนั้นศิษย์พี่และศิษย์น้องรีบร้อนจากไป หม่อมฉันไม่รู้ว่าควรไปตามหาพวกเขาที่ใด หากไม่รู้จักตอบแทนบุญคุณ มิใช่วิถีของต้าเว่ยพ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนี้นี่เอง แม้จะตามหาพวกเขาได้ยากเย็น ทว่าสำนักของพวกเขาอยู่ในวังหลวงนี่เอง” พระราชาลูบเคราสีเทาของพระองค์ “สำนักหมิงเซียนของพวกเขาฝึกฝนการแพทย์มาหลายชั่วอายุคนและค่อนข้างมีชื่อเสียงในซินเจียง แต่แม่นางมู่เวยมีชื่อเสียงมากที่สุด”

ด้วยเหตุฉะนี้ เซียวเฉวียนจึงรู้ที่อยู่ของสำนักมู่จิ่นได้อย่างง่ายดาย

“ข้าจักให้จดหมายแก่เจ้า เจ้าไปขอบคุณด้วยตัวเองที่สำนักหมิงเซียนเถอะ” พระราชารีบเขียนจดหมายแนะนำอย่างว่องไว และประทับตราของตัวเอง “สำนักหมิงเซียนไม่ให้ผู้ใดเข้าในสำนักง่าย ๆ หากแต่เจ้ามีจดหมายฉบับนี้ เจ้าก็จะเข้าไปได้อย่างไร้อุปสรรค”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย