“เหล่าเซียว รีบกลับมาเถอะ…”
“ปู่น้อย กลับมาได้แล้ว…”
เว้ยหยู้และอี้กุยคิดอยู่ภายในใจ พวกเขาไม่เข้าใจคนและสิ่งต่างๆเหล่านี้ ในหมู่พวกเขา มีเพียงเซียวเฉวียนที่ฉลาดที่สุด
คนน่าสงสารทำท่ารอเซียวเฉวียนกลับมา ส่วนเซียวเฉวียนนั้นหยอกล้ออยู่กับแม่นางฉือหลิ่ว แม่นางฉือหลิ่วหัวเราะ และมองไปที่เซียวเฉวียนด้วยความเขินอาย นางพูดว่า: “คุณชายคนนี้มีอารมณ์ขันเสียจริง ทำเอาข้าหัวเราะเกือบสิ้นใจ มามามา ดื่นชากันเถิด”
หลังจากพูดจบ แม่นางฉือหลิ่วก็เหลือบมองไปที่โย่วควน นางไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มออกมาเล็กน้อย: “ข้าสงสัยว่าคุณชายผู้นี้ แต่งงานแล้วหรือยัง? ตัวข้ามีน้องสาวอยู่คนหนึ่ง นางอยู่ในช่วงแรกแย้ม แม้นางจะไม่ใช่หญิงที่งามที่สุดในแผ่นดิน แต่นางก็ถือว่าเป็นหญิงงามคนหนึ่ง ถ้าคุณชายไม่รังเกียจ ข้าอยากให้คุณชายพบน้องสาวข้าสักครา ได้หรือไม่?”
โย่วควนถือได้ว่ามีใบหน้าเป็นอาวุธในการหลบเลี่ยงหญิงสาว แต่มนตอนนี้ แม่นางฉือหลิ่วกำลังหมั้นหมายน้องสาวของนางให้กับโย่วควนอย่างนั้นหรือ
โย่วควนหน้าแดงและมองไปที่เซียวเฉวียนอย่างอ้อนวอน
เซียวเฉวียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม: "ข้าเกรงว่ามันจะทำให้ความตั้งใจดีของแม่นางเสียไป เพื่อนของข้าค่อนข้างเก็บตัวและขี้อาย เขาไม่มีความคิดที่จะแต่งงานในขณะนี้ เขาอยากที่จะอยู่เป็นคนโสด"
คนโสดเป็นคำสมัยใหม่ที่ใครๆ ก็เข้าใจ
เซียวเฉวียนจงใจพูดคำนั้นออกไปเพราะอยากเห็นปฏิกิริยาของฉือหลิ่ว ในที่สุด แม่นางฉือหลิ่วก็ปิดปากแล้วยิ้ม: "ช่างเป็นคำพูดที่ตลกจริงๆ นายน้อยรู้วิธีตลกเสียจริง คนโสด ฮ่าฮ่าฮ่า"
เจ้าของหอเทียนเซียง ไม่ใช่นาง
เซียวเฉวียนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เป็นไปได้ไหมที่ฉือหลิ่วเป็นเพียงหุ่นเชิดที่มีคนเชิดอยู่เบื้อหลัง?
ฉือหลิ่วยิ้มออกมา นางดูเป็นมิตรและมอบความบันเทิงให้แก่เซียวเฉวียนและโย่วควนอย่างกระตือรือร้น นางนำชาและขนมชั้นดีออกมา
จวนที่ฉือหลิ่วอาศัยอยู่นั้น อยู่ในสถานที่ห่างไกลเมืองหลวงของซินเจียงเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะอยู่ในที่ที่ยังไม่เจริญ แต่ข้าวของในบ้านก้ประณีตและสง่างาม ทุกอย่างได้รับการตกแต่งอย่างพิถีพิถัน
เซียวเฉวียนอยู่ที่นี้มาครู่ใหญ่แล้ว เขามองสำรวจไปรอบๆ พบว่าที่นี้มีเพียงคนรับใช้ที่เป็นผู้หญิงเท่านั้น ไม่มีคนรับใช้ผู้ชายเลยแม้แต่คนเดียว
เซียวเฉวียนและโย่วควนเป็นผู้ชายเพียงสองคนในห้องนี้
“ข้าขอถามสักหน่อย แม่นางฉือหลิ่วแต่งงานแล้วอย่างนั้นหรือ?” เซียวเฉวียนถามด้วยท่าทางที่สบายๆ จวนหลังนี้สร้างมาเพื่อลูกสาว มีอะไรแปลกๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่?
“ยังหรอก” ฉือหลิ่วยิ้มเล็กน้อย “ตัวข้าอยากอยู่ในหอเทียนเซียงจนแก่ตายกันไปข้าง ข้าไม่คิดที่จะแต่งงาน”
“มีลูกค้ามากมายมาที่หอเทียนเซียน แม่นางคงจะเหนื่อยอยู่ทุกวัน”
“ไม่หรอก” ใบหน้าของฉือหลิ่วนั้นอ่อนโยน แต่คำพูดคำจานั้นช่างหลักแหลม: “ข้าต้องซื้อและส่งสินค้า ไหนจะเรื่องทำบัญชี ทำความสะอาดอีก ทุกวันนี้งานยุ่งจนดึกดื่น เสร็จงานจึงจะพักผ่อน”
“เป็นงานที่หนักเอาเรื่อง” เซียวเฉวียนยิ้ม “พูดตามตรง ตัวข้าก็เปิดร้านอาหาร ยุ่งทั้งวันทั้งคืนเหมือนกัน”
ทันใดนั้นฉือหลิ่ว ก็ได้หัวข้อสนทนาใหม่: "โอ้? อย่างนั้นหรือ?"
“แต่ร้านอาหารของข้า ไม่สามารถเทียบร้านของแม่นางได้ มันเป็นแค่ร้านอาหารธรรมดาฉัน” เซียวเฉวียนยิ้ม “ข้าคิดว่าอาหารและการบริการในร้านของแม่นางนั้นมีความพิเศษ แม่นางคงต้องให้คำแนะนำแก่ข้าบ้างแล้ว”
เมื่อฉือหลิ่วได้ยิน นางก็หัวเราะทันที: "แน่นอน ไม่อย่างนั้น ข้าคงไม่สามารถจัดการร้านใหญ่ๆเช่นนี้ได้"
เซียวเฉวียนรู้ว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง แต่ถ้าถามต่อมันก็จะดูโจ่งแจ้งเกินไป เซียวเฉวียนจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที: "แม่นางไม่ต้องการแต่งงาน หรือว่าแม่นางกำลังรอใครสักคน? ”
ฉือหลิ่วหน้าแดง ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปากและกระแอมเบาๆ: “คุณชาย ท่านล้อข้าเล่นอีกแล้ว ด้วยคุณสมบัติของข้า พวกเขาจะชอบข้าได้อย่างไร พวกเขาคงจะสนใจหอเทียนเซียนมากกว่าตัวข้า”
เมื่อเห็นท่าทางเขินอายเช่นนี้ เซียนเฉวียนก็สามารถยืนยันได้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลัหอเทียนเซียงจะต้องเป็นผู้ชาย
“แม่นางดูแลหอเทียนเซียงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยและมีลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หากแม่นางมีชื่อเสียงในเมืองหลวงได้ นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าแม่นางมีความสามารถในการบริหารไม่ธรรมดา ผู้ชายคนอื่นอาจไม่มีความสามารถเช่นนี้ ถึงแม้จะเป็นผู้หญิง ก็อย่าได้ดูถูกตัวเองไปเลย
“ผนึกจูเสิน รู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น”
ตอนนี้เซียวเฉวียนเริ่มหารือกับผนึกจูเสิน
“มีคนขวางเจ้าอยู่” เสียงของผนึกจูเสินเข้มขึ้น: “มีอะไรในตัวเจ้าที่ไม่ได้เป็นของเจ้าหรือไม่?”
เซียวเฉวียนนึกอะไรบางอย่างได้ และหยิบถุงผ้าที่จิ่นเซ่อมอบให้เขา หยิบจี้หยกขององค์หญิงออกมา
"จี้หยก"
ผนึกจูเสินพูดอย่างเคร่งขรึม: "ข้าพึ่งบอกเจ้าไป และมันเป็นเพราะจี้หยกชิ้นนี้"
เมื่อเซียวเฉวียนต้องการเชื่อต่อเซียวเฟิง จี้หยกในแขนเสื้อก็เรืองแสงขึ้นเพื่อปิดกั้นการเชื่อมต่อของเซียวเฉวียน
จี้หยกป้องกันไม่ให้เซียวเฉวียนพบเจอเซียวเฟิง แต่การสื่อสารระหว่างเซียวเฉวียนกับไป๋ฉี่และเหมิงเอ้านั้นราบรื่น จึงรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นฝีมือขององค์หญิง
“จะกำจัดค่ายกลที่สร้างโดยจี้หยกนี้ได้อย่างไร”
“นี่คือของจากซินเจียง ข้าไม่เข้าใจการทำงานของมัน” ผนึกจูเสินกล่าว
“เจ้าไม่เข้าใจ?”
คำพูดของเซียวเฉวียนทำให้ผนึกจูเสินโกรธเคือง: "ข้าเป็นผนึกของคุนหลุน! ข้าไม่ใช่ผนึกของซินเจียง! การข้ามเส้นก็เหมือนกับการข้ามภูเขา! ไม่ต้องพูดถึงการข้ามเขตแดน! เจ้ารู้ทุกอย่างในต้าเว่ย เจ้าไม่ต้องการเรียนรู้เรื่องภูเขาหมิงเซียนอีกต่อไปแล้ว!”
“เอาล่ะๆ ใจเย็นก่อน ข้าผิดไปแล้ว” เซียวเฉวียนจับหน้าผากของตน ผนึกจูเสินนี้อารมณ์ร้ายเสียจริง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...