"ฮ่า ๆ ๆ ๆ !"
เซียวเฉวียนที่อยู่ห่างไกลในภูมิภาคตะวันตกหยุดหัวเราะไม่ได้ เด็กน้อยคนนี้น่าสนใจจริงๆ ถึงแม้เด็กน้อยคนนี้จะตีเซียนชิวน้อยไปที แต่เมื่อดูจากพฤติกรรมในปัจจุบัน เด็กน้อยคนนี้ก็ทำตามคำสั่ง แต่สันดานเดิมก็ไม่แย่จนเกินไป
เว่ยเชียนชิวน้อยครั้งที่จะไม่โมโหโกรธา ได้ระงับอารมณ์ฉุนเฉียวที่นิดๆ หน่อยๆ ก็จะฆ่าคนลงได้อย่างปาฏิหาริย์ ปล่อยให้เด็กตุกติกเขา เซียวเฉวียนยิ่งเชื่อมั่นมากขึ้นว่าอาจารย์ของเด็กน้อยต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่
เซียวเฉวียนเข้าใจเว่ยเชียนชิวดี ถึงแม้เขาจะเป็นจอมวายร้าย แต่เขาก็ยังเป็นคนที่ยืดได้หดได้ ตอนนั้นเพื่อที่จะแสวงหายาอายุวัฒนะ เขายังมาที่จวนของเซียวเฉวียนด้วยตัวเอง
เว่ยเชียนชิวสามารถทนต่อความคับข้องใจเพื่อบรรลุเป้าหมายของเขา
นี่คือสาเหตุที่เว่ยเชียนชิวรับมือได้ยาก และก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เว่ยเชียนชิวยังคงยืนอยู่ในต้าเว่ยและถ่วงอำนาจกับองค์จักรพรรดิได้
เพียงแต่ว่าเว่ยเชียนชิวปฏิบัติในทุกสิ่งจนสุดโต่งเกินไป สนใจแต่ในผลประโยชน์ของตัวเอง อดีตเข่นฆ่ากองทัพตระกูลเซียว และคดีคนปลอมในเวลาต่อมาทำให้บรรดาข้าราชสำนักตรอมใจ ดังนั้นนี่คือสาเหตุที่เว่ยเชียนชิวอาจไปไม่ได้ยาวไกล
เว่ยเชียนชิวสามารถครองความเป็นจอมอำนาจได้ชั่วขณะหนึ่ง แต่เขาไม่สามารถครองได้ตลอดไป
ตอนนี้เว่ยเชียนชิวสามารถก้มหัวให้เด็กเพื่อผลประโยชน์ของตนเองได้ คิดว่าเว่ยเชียนชิวคงมีไม่กี่คนที่จะช่วงใช้ได้อยู่ในมือของเขาแล้ว
บ่มเพาะบุคลากรสั่งสมมานานหลายปี ถูกเซียวเฉวียนกำจัดไปทีละคนๆ และเว่ยเชียนชิวก็สูญเสียหัวใจของเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ของฝ่ายเขาเพราะคดีคนปลอม ตกมาถึงจุดนี้ในวันนี้ก็อยู่ในความคาดหมาย
“ข้าให้เงินไปแล้ว มันก็เป็นข้าวของเรา ไม่ถือว่าเป็นของเซียวเฉวียน เจ้ากินได้ ไม่ต้องเกรงใจ”
เสวียนอวี๋ยิ้มตาหยีมองไปที่เว่ยเชียนชิว แบ่งปันอาหารโปรดของเขากับเว่ยเชียนชิวด้วยความพึงพอใจอย่างเต็มที่
อ๊ากกก !
เว่ยเชียนชิวกำลังจะบ้าดีเดือด
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นแค่ตะเกียบคู่หนึ่ง แต่ในสายตาของเว่ยเชียนชิว ดูหนักอย่างกะพันชั่ง
”สั่งเนื้อหมูแดงมาอีกที่” เสวียนอวี๋ยกมือขึ้นอย่างกระตือรือร้นและส่งสัญญาณให้เด็กเสิร์ฟ
“ข้าไม่กิน !” เว่ยเชียนชิวตะคอก ตาโตราวกับกระดิ่ง แรงอาฆาตผุดๆ ก็บอกแล้วว่าไม่กิน ไม่กิน ไม่กิน ! เสวียนอวี๋ไม่รู้กาลเทศะยังไปสั่งเนื้อหมูแดงมาหนึ่งที่ !
บ้าแล้วหรือ !
เสวียนอวี๋มองเว่ยเชียนชิวด้วยความประหลาดใจ "ข้าจะกินเนื้อหมูแดงเจ้าเป็นอะไรไป "
......
......
เว่ยเชียนชิวมองหน้าเสวียนอวี๋ เขาคิดว่าสั่งมาให้เขา ไม่คิดว่าเสวียนอวี๋ยังจะกินอีก ?
ไป่ฉีและเหมิงเอ้าเกือบจะหัวเราะส่งเสียงออกมา
”งั้นกินไปเถอะ” เว่ยเชียนชิวหลับตาแล้วส่ายหัว นั่งอยู่ที่นั้น ก็ดูเหมือนถูกประหารชีวิต
แต่ในเมื่อเสวียนอวี๋อยากกินก็กินไป ไม่อย่างนั้นจะทำอย่างไรต่อเล่า ?
เสวียนอวี๋ทำปากจู๋และกล่าวว่าเว่ยเชียนชิว "เรื่องกินเป็นสิ่งที่ดีงามที่สุดในโลก เจ้าคนนี้ไม่ดีงามเลยแม้แต่น้อย"
ดีงาม ?
ฮ่า ๆ !
เว่ยเชียนชิวคิดแค่อยากจะด่าบุพการี เขาเป็นถึงเจียนกั๋วผู้ทรงเกียรติแท้ๆ ตระหง่านรอบทิศ ยิ่งใหญ่เต็มล้น กับคำว่า "ดีงาม" ศัพท์ตุ้งติ้งอย่างนี้เข้ากันได้ยังไง ?
“คุณชายน้อย กินของเจ้าไป” เว่ยเชียนชิวไม่อยากพูดอะไรอีกต่อไป เขาสิ้นหวังแล้ว
เซียวเฉวียน ผู้มีวาจาคารมคมคาย ทำให้เว่ยเชียนชิวโทสะระเบิดหลายครั้ง แต่เสวียนอวี๋ทำให้เขาสิ้นหวัง
"มากินข้าวด้วยกัน !"
เสวียนอวี๋แบ่งเนื้อหมูแดงครึ่งหนึ่งลงในชามของเว่ยเชียนชิว และเผยให้เห็นไพ่เด็ดของเขา "ถ้าเจ้าไม่กิน ข้าจะฟ้องอาจารย์ของข้าว่าเจ้าไม่เป็นเพื่อนกินข้าวกับข้า"
เอาชื่อของท่านเซียนชรามาอ้าง ใช้ได้ดีกว่าเสวียนอวี๋พูดเป็นร้อยคำ
ตาของเว่ยเชียนชิวมืดลง ทุกวันนี้เขาพยายามเอาใจเด็กน้อยตูดเหม็นคนนี้มาตลอด หรือว่าที่พยายามทำมาทั้งหมดจะสูญเสียไปเปล่าๆ ?
เขาถอนหายใจ "คุณชายน้อย ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ ?"
เว่ยเชียนชิวพยักหน้าและฝืนยิ้ม
เสวียนอวี๋และเว่ยเชียนชิวกินจนโต๊ะเต็มไปด้วยจานชาม ในขณะที่ไป่ฉีและเหมิงเอ้าเตรียมพร้อมเพื่อที่จะต่อสู้สุดชีวิตกับคนกลุ่มนี้อยู่ตลอดเวลา
หลังจากเสวียนอวี๋ทั้งสองคนกินจนอิ่มท้องในที่สุด เสวียนอวี๋ก็ส่งสัญญาณให้เว่ยเชียนชิวจ่ายเงิน "กินเสร็จแล้ว จ่ายเงินด้วย"
เว่ยเชียนชิวส่งสัญญาณให้เฮยหลางจ่ายเงิน ตัวเขาเองจะมอบเงินให้กับเซียวเฉวียนด้วยตัวเองไม่ได้เด็ดขาด
เฮยหลางหยิบเงินออกมาแล้ววางบนโต๊ะ ไป่ฉีและเหมิงเอ้าผงะ ให้ตายเถอะ มาที่นี่เพื่อกินข้าวจริงๆ หรือ ?
”ไม่ต้องทอน” เฮยหลางพูดอย่างเย็นชา
ฮึ ! ลักษณะที่หยิ่งผยองนี้จะทำให้ใครดู ! เหมิงเอ้าคว้าเงินมา "หอปี้เซิ่งเราไม่เอาเปรียบคนอื่น ! เอาเงินทอนของเจ้าไป !"
พูดจบ เหมิงเอ้าก็วางเงินทอนไว้บนโต๊ะโดยไม่ขาดแม้แต่สลึงเดียว
เฮยหลางจ้องมองเหมิงเอ้าอย่างเย็นชาและหยิ่งผยองสุดๆ "จวนเจียนกั๋วไม่ขาดสนเงินแค่นี้"
“จวนเซียวก็ไม่ขาดเหมือนกัน” ไป่ฉีพูดอย่างเย็นชาและจ้องมองเฮยหลาง
มือเล็ก ๆ มาหยิบเงินทอนจากทั้งสองไปอย่างเงียบ ๆ "มีเงินไม่เอา เจ้าเป็นคนโง่หรือเปล่า"
เฮยหลางก้มศีรษะลงเห็นว่าเป็นเสวียนอวี๋ เขาหยิบเงินไว้ในมือ ยังยิ้มให้กับเฮยหลาง "คนอย่างเจ้า ผลาญชะมัด"
เฮยหลางไม่กล้าล่วงเกินเขา จึงได้แต่ไปยืนอยู่ข้างๆ
ไป่ฉีและเหมิงเอ้าก้มศีรษะมองดูเสวียนอวี๋ ไม่พูดอะไรสักคำ ในตัวเด็กเล็กๆ พวกเขาดูไม่ออกว่ามีอะไร พวกเขารู้แค่ว่าเด็กคนนี้ข้องแวะไม่ได้ แม้แต่เว่ยเชียนชิวยังไม่อยากยุ่งเลย
เสวียนอวี๋เล่นกับพวกเศษเงิน เงยหน้าขึ้นมองไป่ฉีเหมิงเอ้าร่างตัวสูง แล้วพูดด้วยสำเนียงเด็กน้ำนมซึ่งคำพูดที่หยิ่งยโสที่สุดเท่าที่พวกเขาทั้งสองเคยได้ยินมา "บอกเจ้านายพวกเจ้า หากเขาต้องการให้พวกเจ้าชาวคุนหลุนมีชีวิตรอด ให้เขาฆ่าตัวตายเองดีที่สุด”
อะไรนะ ?
ไป่ฉีขมวดคิ้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...