เมื่อนักปราชญ์เห็นสถานการณ์ ก็รีบเข้าปลอบทันที “ไม่เป็นไร”
“มีอาจารย์อยู่ทั้งคน แค่คนคุนหลุนคนเดียว จะอ่านใจได้หรือไม่ได้ก็ไม่ใช่ปัญหา”
เมื่อได้รับการปลอบใจเช่นนี้ สีหน้าของเสวียนอวี๋ก็ค่อย ๆ กลับมาสดใสขึ้น “อาจารย์ไม่โทษเสวียนอวี๋หรือ?”
“ไม่โทหรอก” นักปราชญ์เอ่ยอย่างหนักแน่น เขาจะกล้าโทศจอมยุ่งตัวน้อยผู้นี้ได้อย่างไร เกิดทำอีกฝ่ายร้องไห้ขึ้นมา สถานการณ์อาจเลวร้ายกว่านี้ก็ได้!
“อาจารย์ช่างแสนดีกับเสวียนอวี๋ยิ่งนัก!” เสวียนอวี๋คลี่ยิ้ม
เมื่อเห็นเสวียนอวี๋ยิ้มอย่างสดใส ในที่สุดนักปราชญ์ก็ทอดถอนใจ
แต่ก็ผ่อนคลายได้เพียงไม่นาน แม้ว่าเสวียนอวี๋จะสงบลงแล้ว แต่ชิงหลงมือใหม่ผู้นี้ก็ยังรู้เคล็ดลับพิเศษของสำนักหมิงเซียนอยู่ดี จึงสกัดกั้นการอ่านใจ แม้แต่ศักยภาพของเสวียนอวี๋ก็ยังอ่านไม่ได้ เหลือเชื่อยิ่งนัก!
นักปราชญ์ต้องให้ความสนใจกับชิงหลง ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน ก่อนหน้านั้นเขาเฝ้าสังเกตชิงหลง แต่กลับไม่เคยเห็นว่าชิงหลงจะมีความสามารถพิเศษเช่นนี้ หรือว่าก่อนหน้านั้นชิงหลงจะตั้งใจปกปิดมันไว้?
การปกปิดศักยภาพไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ นักปราชญ์ที่คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งมากแล้ว แต่ชิงหลงกลับผกปิดท่าไม้ใต้อย่างแนบเนียนภายใต้จมูกของเขา...
พอนักปราชญ์ได้ยินชิงหลงคิดในใจ ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มอันมืดมนออกมา ก็แค่อ่านความคิดของชิงหลงไม่ได้ จทำให้เป็นเรื่องใหญ่ทำไม? เรื่องนี้ทำให้นักปราชญ์จมอยู่ในความคิดพักใหญ่
หากพวกเขารู้ว่าชิงหลงอ่านความคิดของอาจารย์และลูกศิษย์คู่นี้ได้ เขาคงตื่นตระหนกจนกินไม่ได้นอนไม่หลับแน่?
พอคิดได้ รอยยิ้มบนหน้าของชิงหลงก็ยิ่งหม่นหมองมากขึ้น เห็นนักปราชญ์ตัวสั่นสะท้าน ทำไมกลิ่นอายที่แผ่ขยายออมาจากตัวของชิงหลงถึงเย็นเข้ากระดูเช่นนี้?
ขณะที่นักปราชญ์รับรู้นั้น ความเย็นยะเยือกนั้นก็หายไป ใบหน้าของชิงหลงค่อย ๆ กลับมาดูสงบอีกครั้ง....
นักปราชญ์อดพึงพำในใจไม่ได้ ‘หรือว่าเมื่อครู่จะเป็นภาพลวงตา?’
ในตอนนี้เอง ชิงหลงก็อดพูดไม่ได้ว่า “ไม่ใช่ภาพลวงตา
น้ำเสียงที่เบาบาง แต่เมื่อดังขึ้นในหูของนักปราชญ์เหมือนเสียงระเบิด ดังเสียงจนผมสีขาวโพลนพลิ้วไสวไปตามคลื่นเสียง ก่อนจะหันไปมองชิงหลงด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ
ชิง...ชิงหลงชักจะเก่งกาจ...เกินไปแล้ว ไม่สิ ในสายตาอขงนักปราชญ์มันน่าทึ่งมาก!
โชคดีที่เอาความลับซ่อนไว้ในตัวของเสวียนอวี๋ ไม่อย่างนั้นหากชิงหลงผู้นี้ได้ยินเรื่องนี้เขา ความสูญเสียครั้งใหญ่ก็บังเกิดขึ้นเป็นแน่!
เสวียนอวี๋เป็นมือซ้ายและมือขวาของนักปราชญ์
อื้อ ไม่สิ ตั้งแต่บัดเนี้ไป นักปราชญ์ห้ามคิดอะไรยามอยู่ต่อหน้าชิงหลงเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นความลับถูกเปิดเผยแน่
ชิงหลงมักพูดเช่นนี้โดยไม่มีเหตุผล นักปราชญ์คือคู่กรณีที่เข้าใจโดยธรรมชาติ คนอื่นไม่เข้าใจ ต่างทยอยกันมองชิงหลงด้วยสีหน้าประหลาดใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเว่ยเชียนชิว พลางครุ่นคิดในใจ รัชทายาทแห่งคุนหลุนมักชอบพูดกับตัวเองเช่นนั้นหรือ?
แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเว่ยเชียนชิว เขาแค่อยากให้ตัวซวยที่ถล่มประตูใหญ่ของจวนเจียนกั๋วออกไปโดยเร็ว
ถูกต้อง ชิงหลงคือตัวซวยในสายตาของเว่ยเชียนชิว ถล่มประตูใหญ่ของจวนเจียนกั๋ว พาไป๋ฉีและคนอื่นเข้าไปถึงตำหนักของฮ่องเต้อย่างเต็มกำลัง แม้แต่เว่ยอวี๋องค์ชายที่วัน ๆ เอาแต่เอ้อระเหยลอบชายไปมาคนนี้ก็ยังตามเขามาดูความสนุกตรงหน้า
เว่ยเชียนชิวเห็นเว่ยอวี๋ที่ติอตามชิงหลงและคนอื่น ๆ กับตาตัวเอง โดยเฉพาะเด็กเหลือขอที่ไร้ยางอายผู้นี้
ทันทีที่เขาเข้าจวนเจียนกั๋ว เขาพยายามตัดความสัมพันธ์กับชิงหลง จึงเอ่ยกับเว่ยเชียนชิวว่า “เสด็จอา หลานมาที่นี่ก็เพราะอยากชื่นชมจวนเจียนกั๋วเท่านั้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...