ยกเตาไฟแขวนขึ้น เซียวเฉวียนพูด :“ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งเขาคุนหลุน ถึงตาเจ้าแล้ว!”
ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งเขาคุนหลุนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ปล่อยพลังออกมาอย่างรวดเร็ว ปล่อยพลังออกมาก่อตัวเป็นกระแสน้ำขนาดใหญ่ เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ก็ดูดเปลวไฟจากเตาไฟเข้าไปแล้ว!
ยอดเยี่ยม!
ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งเขาคุนหลุนทำภาระกิจเสร็จเรียบร้อย และยังภาคภูมิใจเคลื่อนไหวร่างกายไปมา เหมือนกับต้องการคำชื่นชมจากเซียวเฉวียน
“ยอดเยี่ยม!” เซียวเฉวียนยื่นมือไป :“เก็บภาพกลับมา!”
ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งเขาคุนหลุนก็กลับเข้าไปอยู่ในแขนเสื้อของเซียวเฉวียน
ในขณะเดียวกันนั้น ร่างกายของเซียวเฉวียนลอยขึ้น ก่อนที่สำนักหมิงเซียนจะก้าวเท้าเข้ามา ได้ออกไปจากถ้ำแล้ว
......…
......…
จวนเจียนกั๋ว
ชิงหลงปล่อยพลังออกมาอย่างไม่สนใจอะไร จนทำให้คนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกตะลึงอย่างมาก
ทางฝั่งของเสวียนอวี๋จ้องมองชิงหลงอย่างดุเดือด
นักปราชญ์ยังตกใจไม่หาย ตกใจแล้วตกใจอีก เขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติของสำนักหมิงเซียน
ที่จริงแล้ว กำแพงที่กั้นอยู่ทั้งภายในและภายนอกถ้ำบนเขา มีเพียงกำแพงเพลิงชุ้ยเจี้ยนเป็นสิ่งที่นักปราชญ์ลงมือทำด้วยตนเอง ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งเขาคุนหลุนพยายามโจมตีกำแพงเข้าไป แน่นอนว่านักปราชญ์สัมผัสรับรู้ได้
แย่แล้ว!
มีคนบุกเข้ามาในถ้ำบนภูเขา
คนนี้สามารถเข้ามาที่สำนักหมิงเซียนอย่าลับๆได้โดยที่ไม่มีใครรู้ และขึ้นไปถึงจุดยอดของบนภูเขา ผ่านด่านผีประหลาดไปได้ และทำลายกำแพงประตูถ้ำ เข้าไปภายในถ้ำ จะต้องเป็นคนที่มีพลังไม่ธรรมดา!
ช่างกล้ามากที่บุกมาตอนที่นักปราชญ์ไม่อยู่ บุกรุกเข้ามาที่ภูเขาหมิงเซียน!
สิ่งที่สำคัญก็คือ โลกใบนี้ยังมีคนที่มีความอดทนเช่นนี้?นักปราชญ์ไม่เคยรู้มาก่อน!
ประมาทเกินไปแล้ว!
ตอนนี้เขาและเสวียนอวี๋อยู่ห่างไกลจากต้าเว่ย วิธีการที่เชื่องช้าไม่สามารถแก้ไขเหตุฉุกเฉินได้ทัน กลับไปก็ไม่ทันแล้ว ไม่แน่ว่าตอนนี้คนที่บุกเข้าไปในถ้ำอาจจะหนีหายไปหมดแล้ว!
เท่าที่เห็นตอนนี้นักปราชญ์ต้าเว่ยคนนี้ชนะไปแล้ว ชิงหลงและคนอื่นๆยังอยู่ที่จวนเจียนกั๋ว เรื่องของจวนเจียนกั๋วถ้ายังไม่จัดการให้เรียบร้อย นักปราชญ์ก็ไม่สามารถจากไปได้
มิฉะนั้นความพยายามก่อนหน้านี้ทั้งหมดก็เปล่าประโยชน์!
ช่างใจเลือกจากข้อดีข้อเสียอย่างไหนที่มีมากกว่ากัน นักปราชญ์ตัดสินใจเรื่องของสำนักหมิงเซียนตอนนี้ยังไม่ต้องไปสนใจ
โชคดีที่นักปราชญ์เตรียมพร้อมไว้บ้าง เอาไฟของเพลิงชุ้ยเจี้ยนติดตัวมาด้วย
ระมัดระวังอย่างมากมาเป็นเวลานาน!
แต่ว่า นักปราชญ์ดีใจเร็วเกินไปแล้ว......
และเสวียนอวี๋ตอนอยู่ที่ห้องโถงได้พยายามยื้อเวลาของชิงหลงและคนอื่นๆไว้ คิดไม่ถึงว่าเว่ยอวี๋ที่ไม่อยู่ในสายตา ได้พาอันเอ๋อร์ไปแล้ว วนไปวนมาอยู่ในจวนเจียนกั๋ว หลบหนีสายตาของคนทั้งหมดในจวนเจียนกั๋ว ค่อยตรวจสอบตามห้องต่างๆมากมายแล้ว
เขาเสาะหาทั่วทั้งจวนเจียนกั๋ว ไม่เห็นว่าห้องไหนมีเตาไฟ นี้เป็นที่สุดท้ายแล้ว ดูตามอย่างในโทรทัศน์ที่เว่ยอวี๋เคยดู นักปราชญ์จะต้องพักอยู่ที่นี่แน่นอน
หน้าต่างของที่นี่เหมือนกับหน้าต่างในยุคโบราณของฮวาเซี่ย ทุกอย่างทำจากกระดาษ เพียงแค่ใช้แรงเล็กน้อยก็สามารถเจาะเป็นรูได้
เว่ยอวี๋ค่อยๆเข้าใกล้หน้าต่างและเจาะรู มองเห็นในห้องมีเตาไฟอยู่หนึ่งอัน ในตอนนี้เตาไฟยังคงติดไฟอยู่ เขาตรวจเช็คให้มั่นใจว่าข้างในไม่มีคน ดังนั้นก็ใช้มือและเท้าผลัดประตูเข้าไป
“อันเอ๋อร์ ข้าจะรออยู่ตรงนี้ค่อยบังลมไว้ให้ เจ้าเขาไปดับไฟ” เว่ยอวี๋ใช้มือและเท้าค่อยปิดประตู หลังจากนั้นดวงตาก็ค่อยมองผ่านรูที่เขาเจาะไว้ ค่อยระแวดระวังดูสถานการณ์ด้านนอก
อันเอ๋อร์เป็นคนที่ฉลาดลงมือทำงานได้อย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินคำสั่งของเว่ยอวี๋ ก็ไม่ลังเลเร่งลงมือ เดินหน้าเข้าไปใกล้กับเตาไฟนั้น
เป็นครั้งแรกที่เว่ยอวี๋ทำเรื่องที่น่าละอายอย่างนี้ เว่ยอวี๋รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย เขาค่อยหันมองอันเอ๋อร์เป็นระยะ มองดูว่าเขาจัดการเสร็จเรียบร้อยหรือยัง
ในขณะที่อันเอ๋อร์ยื่นมือออกไปเพื่อจะพลิกเตาไฟให้คว่ำลง มือของนางยังไม่ทันได้จับเตาไฟ ก็ถูกพลังบางอย่างที่รุนแรงสะท้อนกลับมาล้มลงกับพื้น ดีที่ว่าตั้งแต่เด็กอันเอ๋อร์ได้ฝึกวรยุทธ์ พอมีฐานรองรับไว้ ไม่อย่างนั้นคงจะได้รับบาดเจ็บภายใน
เว่ยอวี๋รู้สึกสงสารต้องการปกป้องอย่างที่สุด เมื่อเห็นหญิงสาวสวยมีท่าทางอับอาย เป็นห่วงทนไม่ได้ที่จะเข้าไปดูแล:“อันเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
อันเอ๋อร์บีบนวดข้อมือตัวเอง:“ไม่เป็นไร แต่ที่นี่การสร้างมีกำแพงกั้นไว้ ไม่ง่ายที่จะทำลายกำแพงกั้น ต้องการที่จะดับไฟไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ง่ายๆ”
นักปราชญ์มีกลยุทธ์ในการต่อสู้ มีหลักการในการตัดสินใจต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่มีใครรู้มาก่อนว่าจะโดนศัตรูโจมตีตลบหลัง!
ไม่รู้ว่าทำผิดตรงไหน!
แต่ไหนแต่ไรนักปราชญ์ชนะมาตลอดไม่เคยแพ้ ไม่มีอะไรหลุดรอดออกไป เหตุการณ์วันนี้ที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เห็นว่าได้รับความท้าทายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ศัตรูบุกมาถึงที่แล้ว นักปราชญ์ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าศัตรูเป็น ช่างน่าอัปยศจริงๆ!
ถ้านักปราชญ์รู้ว่าเซียวเฉวียนเป็นคนที่อยู่เบื้องหลัง เขาก็คงจะไม่รู้สึกอัปยศอย่างนี้ เพราะว่าเขานอกจากจะตกใจแล้ว คงไม่มีเวลาที่จะมีความรู้สึกอื่นๆได้อีก
นักปราชญ์คงคิดไม่ถึงว่าจะป็นเซียวเฉวียน ในสายตาของนักปราชญ์ เซียวเฉวียนเป็นเพียงลูกเขยที่ไม่ได้เก่งกาจอะไรมากมาย จะเอาความสามารถที่ไหน มาต่อสู้กับคนที่มีอำนาจใหญ่โตกว่าได้!
คนๆนี้เป็นใครกัน!
วันนี้นักปราชญ์จะต้องจับตัวเขาออกมาให้ได้!
“เสวียนอวี๋ พวกเราไปกันเถอะ!” ถึงนั่งต่อไป คนหยิ่งยโสกล้าหาญคนนั้น ไม่แน่ว่าอาจจะกำลังต้องการหนีแล้ว!
“เสวียนอวี๋?” เมื่อเห็นว่าเสวียนอวี๋ไม่ตอบกลับ ดวงตาทั้งสองข้างยังคงจับจ้องมองชิงหลงนิ่ง นักปราชญ์ส่ายหัว
ลูกศิษย์ตัวน้อยของเขาคนนี้ผ่านเรื่องราวทุกอย่างมาอย่างราบรื่นเกินไป เมื่อเจอกับความผิดหวังพ่ายแพ้ก็ยากที่จะยอมรับได้ จะต้องทำลายกลับให้ได้
“ฮ่าฮ่า เด็กน้อย ทำไมจะไปแล้วละ?”
ในตอนนี้ น้ำเสียงที่หัวเราะเยาะเย้ยของชิงหลงดังขึ้นอย่างไม่ค่อยถูกจังหวะเท่าไร
เสวียนอวี๋ที่ลุกยืนขึ้นอย่างไม่ค่อยเต็มใจกำลังจะตามนักปราชญ์ออกจากห้องโถงไป เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของชิงหลง ขาของเขาก็หยุดชะงักลงไม่กล้าก้าวเดินไป:“ท่านอาจารย์......”
นักปราชญ์รู้ว่าเสวียนอวี๋คิดอะไร แต่ตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่า เพลิงชุ้ยเจี้ยนเป็นสมบัติที่ล้ำค่าของสำนักหมิงเซียน สำนักหมิงเซียนถูกคนบุกรุก ไฟที่อยู่ในถ้ำภูเขายังอยู่หรือไม่ก็ไม่อาจรู้ได้
ไฟของนักปราชญ์ที่นำมาจากต้าเว่ยจะต้องห้ามเกิดข้อผิดพลาดใดๆขึ้นอีกเด็ดขาด
พวกเราจะต้องรีบกลับไปที่ห้องโดยเร็ว!
“ช้าก่อน!” ชิงหลงพับพัดเก็บลง น้ำเสียงเยือกเย็นพูดว่า “นักปราชญ์ท่าทางเร่งรีบ จะไปไหน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...