อ้ายเจิงยังคงคิดปักหลักหาหนานอิงที่นี่ เขาพักที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งทั้งยังแยกย้ายกับองครักษ์เพื่อหาข่าว แต่สืบหาอย่างไรก็ไม่พบเห็นว่าจะมีคนลักษณะคล้ายหนานอิงอยู่ที่นี่ ทำให้เขามืดแปดด้านเสียแล้ว
กระทั่งวันหนึ่งขณะที่แยกย้ายกันออกหาคน องครักษ์ของอ้ายเจิงพลันพบเห็นเด็กสองคนกำลังปีนกำแพงหอนางโลมออกมาอย่างคล่องแคล่ว
เด็กตัวน้อยทั้งสองแต่งกายด้วยชุดที่แตกต่างจากชาวบ้าน พวกเขาทั้งคู่ล้วนใส่ผ้าไหมอันงดงามจึงดึงดูดความสนใจไม่ใช่น้อย องครักษ์อยากรู้ว่าเด็กสองคนจะไปที่ใดจึงได้ติดตามไป
จนกระทั่งเขาพบว่าเด็กทั้งสองลอบไปที่สำนักศึกษาของทางการสำนักหนึ่ง แล้วเข้าไปเรียนในนั้นโดยมีอาจารย์ผู้หนึ่งออกมารับ
พวกเขาแอบตามเข้าไป เห็นเด็กสองคนนี้ถูกแยกออกมาจากเด็กผู้อื่นและมีอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาคอยสอนให้เป็นพิเศษก็เกิดสงสัยเป็นอย่างยิ่ง
เป็นถึงหลานของแม่นางเหมยเซียง เหตุใดจึงไม่ให้มาเรียนที่สำนักศึกษาทั้งที่มีเงินทองมากมายปานนั้น เขารอจนกระทั่งเด็กทั้งสองออกมาแล้วจึงแสร้งไปตีสนิทเพื่อถามเรื่องราว
"ท่านแม่บอกว่าห้ามพูดกับคนแปลกหน้า ข้าไม่บอกท่านหรอกอย่ามาหลอกเด็กเลย"
กล่าวจบพวกเขาก็วิ่งด้วยฝีเท้าที่เร็วยิ่ง องครักษ์ทั้งสองต่างมองหน้ากันเด็กสองคนนี้เป็นวรยุทธ์แต่ผู้ใดกันแน่ที่เป็นผู้สอน
พวกเขาตามเด็กมาจนถึงหอนางโลมเด็กทั้งสองปีนกำแพงกลับเข้าไปดังเดิมมีบางสิ่งบางอย่างหล่นออกมาจากสาบเสื้อ ด้วยความเป็นเด็กจึงไม่ทันระวัง องครักษ์ผู้หนึ่งก้มลงเก็บของกำลังจะอ้าปากบอกพวกเขาแต่สิ่งที่อยู่ในมือช่างคุ้นตาเป็นอย่างยิ่ง คนทั้งคู่ต่างตกตะลึงแล้ว
พวกเขาตามเด็กเข้าไปในหอนางโลม ขอพบแม่นางเหมยเซียงเป็นการด่วนและถามเรื่องเกี่ยวกับเด็กอย่างตรงไปตรงมา
แม่นางเหมยเซียงคิดว่าคนพวกนี้ไม่กลับไปง่าย ๆ แน่ จนกว่าจะได้คำตอบจึงเอ่ยว่า
"นายท่านองครักษ์อย่าได้คิดมากไปเจ้าค่ะ แม่ของเด็กนางแค่เกรงใจข้าไม่อยากให้เปลืองเงินจ่ายค่าเล่าเรียนแสนแพง แต่เด็กดันมีความสามารถอาจารย์ที่สำนักศึกษาจึงสอนให้โดยไม่คิดเงินเจ้าค่ะ"
องครักษ์ผู้หนึ่งถามว่า
"แล้ววรยุทธ์เล่า พวกเขาเป็นวรยุทธ์เด็กตัวเท่านี้ผู้ใดสอนกัน"
แม่นางเหมยเซียงจึงเอ่ยว่า
"ย่อมเป็นแม่ของเขา นางพอมีวรยุทธ์บ้างก็เท่านั้น พวกท่านอย่าถามให้มากข้าจะทำงานออกไปเถิด"
แต่พวกเขาไม่ทันได้ออกไป คนของบุตรชายนายอำเภอก็กลับมาอาละวาดเสียก่อน แม่นางเหมยเซียงจึงต้องพักเรื่องของเด็กทั้งสองเอาไว้ด้วยความรำคาญใจ
"นายท่านได้โปรดเถิดเจ้าค่ะ ข้าค้าขายนำคนมาเช่นนี้แขกตกใจหนีไปหมดแล้วเจ้าค่ะ"
"เจ้าบังอาจยิ่ง ได้ข้าจะไป เจ้าไปลากตัวนังสารเลวผู้นั้นพร้อมเด็กสองคนนั้นมา ให้มันมาคุกเข่าอ้อนวอนข้า เด็กไม่ดีต้องตีสั่งสอน"
เพราะวันนี้พาคนมามากจึงทำให้คนผู้นั้นอวดเบ่งเป็นอย่างยิ่ง วันก่อนเขาไม่พอใจที่นางโลมผู้นั้นรินเหล้าช้าจึงปัดกาสุราจนหก แต่เมื่ออาภรณ์ของตนเองเปียกจึงเกิดโทสะตบใบหน้านางโลมไปหลายครั้ง จู่ ๆ เด็กเปรตก็โผล่ออกมา
คนพวกนี้เริ่มอาละวาดจนแขกคนอื่นหวาดกลัวหนีออกไปจากหอนางโลม แม่นางเหมยเซียงถูกคุกเข่าอ้อนวอนแต่พวกเขากลับไม่หยุด คนพวกนั้นบัดนี้กำลังทำลายข้าวของแล้ว
องครักษ์สองคนกลับยืนนิ่งคอยดูว่าแม่นางเหมยเซียงจะทำเช่นไร อีกทั้งไม่ได้รับคำสั่งจากอ้ายเจิงจึงทำให้พวกเขาไม่ลงมือ
ฉันพลันปลายเสื้อของเขากลับถูกดึง เมื่อก้มลงไปเด็กน้อยทั้งสองกำลังมองพวกเขาด้วยสายตาตำหนิ
"ท่านลุง พวกท่านก็มีวรยุทธ์มิใช่หรือ ฝีเท้าที่ตามพวกข้าเบาเช่นนั้นเหตุใดใจดำไม่ช่วยคนกันเล่า"
องครักษ์ผู้หนึ่งจึงถามว่า
"แล้วทำไมเจ้าไม่ช่วยเล่า เจ้าเองก็มีวรยุทธ์ไม่ใช่หรือ"
ก้อนแป้งน้อยผู้หนึ่งกลับเอ่ยว่า
"มิได้ข้าย่อมช่วยท่านยายแต่เกินกำลังของข้า คนมากเช่นนั้นต้องขอร้องท่านแล้ว แต่หากท่านลุงมิกล้าและหวาดกลัวก็ไม่เป็นไร เราผู้น้อยทั้งสองจะจัดการเองขอรับ"
วาจาฉะฉานมิเกรงกลัวใคร ยังรู้จักขอความช่วยเหลือและเหน็บแนมคนในตัวถึงกับทำให้องครักษ์ทั้งสองอึ้งใบ องครักษ์ผู้หนึ่งยกมุมปากยิ้ม หนวดเครารุงรังเช่นนั้นช่างเป็นรอยยิ้มอันน่ากลัวจนเด็ก ๆ หวาดผวา
"ได้ เห็นแก่ที่เจ้ากล้าหาญข้าจะลงมือช่วยสักครั้ง แต่เจ้าต้องตอบคำถามข้าก่อน"
"ขอรับ"
"นี่ของผู้ใด"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ช่วยข้าทีสองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด NC25 3P
ไม่นะ หานเซียวจะตายแยบรี้ไม่ได้ ฮื่อออออๆๆ...