ในวันอภิเษกสมรสของลู่หนิงหวังคือวันที่หนานอิงกล้าเอ่ยปากขอร้องให้เขาปล่อยนางไป ในวันนั้นลู่หนิงหวังเองไม่เอ่ยคำทัดทานออกมาสักคำนอกจากคำว่า
"ตามใจเจ้า"
หนานอิงกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้ นางกล่าวอวยพรเขาแทบจะไร้เสียง หนานอิงจากมาอย่างเงียบ ๆ เรื่องที่นางตั้งครรภ์นั้นได้ขอร้องอ้ายเจิงด้วยชีวิตห้ามมิให้บอกเขา นางมิได้เข้าร่วมงานอภิเษก นางมิได้เห็นว่าใบหน้าของฮองเฮาจะงดงามเพียงใด และเขาเองก็หาได้สนใจนางเช่นกัน
"เขาคงโทษที่ข้าทำให้หานเซียวตายจึงยังโกรธไม่หาย และข้าเองก็เช่นกันไม่อาจให้อภัยตนเองแต่ก็ไม่อาจอยู่กับเขาได้อีกต่อไป อ้ายเจิงท่านเข้าใจข้าหรือไม่หัวใจของข้ามันแหลกสลายไปแล้ว ข้าไม่กล้าที่จะโกรธเขาไม่กล้าที่จะเห็นเขากับสตรีอื่นที่ไม่ใช่ข้าข้าไม่อาจอยู่เคียงข้างเขาได้"
"หนานอิงเจ้าปกปิดได้ แต่ไม่ไปมิได้หรือ เจ้าก็รู้ดีว่าถึงเขาจะมีสนมแต่เขาก็มิเคยยุ่งเกี่ยวกับผู้ใด เขาอยู่กับเจ้าทุกคืนเจ้าเองที่รู้ดี"
"เพราะเขารับปากหานเซียวเอาไว้ ข้าเองไม่อยากจะฉุดรั้งเขาข้าควรปล่อยให้เขามีความสุข ข้าขอร้องท่านแล้วครรภ์นี้ของข้าอย่าได้บอกเขาเป็นอันขาด ข้าหาได้คู่ควรที่เขาจะมาใส่ใจ ข้าขอเลี้ยงดูบุตรของข้าเองและจะปล่อยเขาไป เราสองคนไม่เกี่ยวข้องกันเอง"
"หากหานเซียวยังอยู่คงไม่เป็นเช่นนี้"
อ้ายเจิงเองก็ใจหายไม่น้อย
หนานอิงยิ้มหมองน้ำตารื้นขึ้นมา ทุกครั้งที่เอ่ยชื่อของหานเซียวนางย่อมเป็นเช่นนี้
หานเซียว ชื่อนี้ทำให้นางเจ็บปวดยิ่งนัก
อ้ายเจิงยอมแพ้แล้ว เขาจัดการหาที่พักให้หนานอิงที่นอกเมืองและยังส่งอาโจวให้มาคอยดูแล บัดนี้อาโจวเองก็หายดีแล้ว หนานอิงมีอาโจวคอยเคียงข้างอย่างน้อยนางจะได้มีความสุขเสียบ้าง
หนานอิงใช้ชีวิตอย่างมีความหวังมากขึ้น แม้จะคิดถึงลู่หนิงหวังเพียงใดและเขาเองก็ย่อมรู้ว่านางอยู่ที่ใดแต่เขากลับไม่เคยมาเยี่ยมนางเลยสักครั้งเดียว เพราะนางรู้ว่าอย่างไรคนเช่นเขาคงไม่มาจึงวางใจยิ่งนัก
แม้จะปวดใจไม่น้อยแต่ลูกตัวน้อยที่อยู่ในท้องกลับกลายเป็นกำลังใจอันสำคัญที่ทำให้นางมีชีวิตอยู่ ในวังหลังวุ่นวายนางไม่ต้องการให้พวกเขาเติบโตและมีชีวิตอยู่ท่ามกลางการแก่งแย่งชิงดีและอยู่ในกรงขังเช่นนั้น
นางอยากเลี้ยงดูลูกของนางให้มีความสุขเป็นอิสระที่สุด
หลายเดือนต่อมา
หนานอิงคลอดบุตรแล้วแต่เมื่ออ้ายเจิงเร่งออกมาพบนางเขากลับพบเพียงความว่างเปล่าอยู่ที่คฤหาสน์ที่เขาจัดเตรียมไว้ หนานอิงหายไปอย่างไร้ร่องรอยทิ้งเพียงจดหมายฉบับหนึ่งเอาไว้
ข้ากับลูกที่ผ่านมาขอบคุณท่านมาก ต่อไปพวกเราขอใช้ชีวิตตามลำพังเถิด
อ้ายเจิงปวดหัวเป็นอย่างยิ่ง เขาจะทำเช่นไรดีเล่าครานี้ ทำเมียกับลูกผู้อื่นหายเช่นนี้ครานี้แม้แต่หัวคงไม่อาจรักษาเอาไว้ได้ ที่ผ่านมาหนานอิงเองก็เชื่อฟังมาตลอดมิใช่หรือ แต่เหตุใดครานี้จึงหายไปโดยไม่บอกกล่าวกันเช่นนี้
กระทั่งหลานเป็นชายหรือหญิงเขาเองก็ยังไม่รู้ สตรีผู้นี้ทำให้อ้ายเจิงปวดหัวแล้ว อ้ายเจิงออกติดตามหาหนานอิงแทบจะพลิกแผ่นดิน แต่กลับไม่พบแม้คนของเขาจะมีอยู่มากมายแต่เขาลืมไปว่ามือสังหารของเขาล้วนเป็นสตรี
หนานอิงได้รับคำสั่งแต่งตั้งจากลู่หนิงหวังให้เป็นหัวหน้ามือสังหาร แน่นอนว่าคนพวกนั้นย่อมรับคำนั่งนางและไม่ยอมปริปากบอกที่ซ่อนของนางให้ผู้ใดรู้
อ้ายเจิงจึงต้องคลำทางประดุจคนตาบอด ค้นหาตัวนางด้วยตนเอง ลู่หนิงหวังมีโทสะแล้ว เขาสั่งให้คนวาดภาพเหมือนหนานอิงประกาศหาตัวไปทั่วแคว้น หากผู้ใดจับได้จะมีรางวัล
เพราะสิ่งนี้ยิ่งทำให้หนานอิงเร้นกายไม่ยอมโผล่ออกมาให้เห็นแม้แต่เงา
กระทั่งห้าปีผ่านไป อ้ายเจิงบัดนี้รู้เบาะแสถึงสตรีผู้หนึ่ง มีใบหน้าอันงดงามเลื่องลือเปิดหอนางโลมอยู่แดนเหนือ โดยที่คนที่มาช่วยดูแลกิจการคือแม่นางเหมยเซียงคนคุ้นเคยที่เคยช่วยหนานอิงเอาไว้
อ้ายเจิงเองอยากจะฟาดตนเองนัก หากหนานอิงจะซ่อนตัวโดยไม่มีผู้ใดสังเกตก็คงเป็นที่หอนางโลมที่มีสตรีมากมายจนตาลายนั่นเอง
นางเพียงแต่งหน้าให้อัปลักษณ์เล็กน้อยก็สามารถแฝงกายได้โดยไม่มีผู้ใดสงสัยแม้แต่คนเดียว แม่นางเหมยเซียงเองเป็นอีกคนหนึ่งที่หนานอิงไว้วางใจ เป็นอ้ายเจิงเองที่ลืมแม่เล้าผู้นี้ไปเสียสนิท
เขาตามมาจนถึงแดนเหนือกับองครักษ์ข้างกายคู่หนึ่งที่แอบตามเขามาอย่างลับ ๆ กระทั่งไปขอพบแม่นางเหมยเซียงผู้ดูแลหอนางโลมก็ได้รับการต้อนรับทันที
แม้จะไม่ได้พบกันนาน แม่นางเหมยเซียงกลับมิได้แก่ชราเลยแม้แต่น้อย นางยังดูงดงามเฉิดฉายสมกับเป็นแม่เล้าอันดับหนึ่งของแท้
เพียงนางเห็นว่าเป็นผู้ใดก็รีบต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"เหตุใดนายท่านถึงมาที่แดนเหนือได้เจ้าคะ"
อ้ายเจิงยกจอกสุราขึ้นมาดื่มแล้วเอ่ยว่า
"ข้ามาราชการให้ฝ่าบาท เสร็จกิจแล้วเห็นว่าที่นี่มีหอนางโลมเลื่องชื่อทั้งยังมีเจ้าของชื่อแส้คุ้นเคยเป็นอย่างยิ่งจึงแวะมาเปิดหูเปิดตาเสียหน่อย และคาดไม่คิดว่าจะเป็นแม่นางเหมยเซียงคนคุ้นเคยนี่เอง"
แม่นางเหมยเซียงหัวเราะอ่อนหวาน
"รับรองนายท่านมาแล้วย่อมไม่ผิดหวังเจ้าค่ะ สาวงามแดนเหนือที่มีอากาศหนาวเย็นทั้งปีผิวพรรณย่อมเนียนละเอียดยิบ ไร้ร่องรอยเหี่ยวย่นด้วยไม่ค่อยได้ต้องแสงตะวันอันหยาบกร้าน ท่านดูเอาเถิดงดงามทั้งนั้น ข้าเองเดิมทีคิดอยู่ที่นี่ไม่กี่เดือนแต่อยู่ไปอยู่มากลายเป็นว่าอยู่มานับปีแล้วเจ้าค่ะ"
สองคนสนทนากันอย่างออกรสชาติ กระทั่งเกิดเสียงโวยวายขึ้นจากแขกที่อยู่ห้องตรงข้าม
"นายท่านรอสักครู่นะเจ้าคะ"
"หลบไปไอ้คนชั้นต่ำ อย่าได้มาขวางทางข้า"
ก่อนที่องครักษ์จะลงมืออ้ายเจิงก็เดินออกมาเสียก่อน
"ปล่อยเขาไป อย่าหาเรื่องที่นี่เลยไม่ดีต่อแม่นางเหมยเซียง"
คนทั้งสองจึงวางมือลง
แม่นางเหมยเซียงกำลังอบรมหลานชายทั้งสอง อ้ายเจิงเดินเข้ามามองใบหน้าน่ารักนั่นด้วยความคุ้นเคยและตกตะลึง
อย่าบอกนะว่าหามาห้าปี บทจะเจอก็บังเอิญเพียงนี้
แม่นางเหมยเซียงเหมือนรู้ทัน นางกระแอมแล้วเอ่ยว่า
"ข้ารู้ว่าท่านกำลังตาหาผู้ใด แต่เด็กสองคนนี้เป็นหลานของข้าจริง ๆ เขาเกิดจากนางหนูของข้าผู้หนึ่งตั้งครรภ์ขึ้นมาโดยไม่อาจหาพ่อของเด็กได้ ข้าเองก็ไม่มีทายาทจึงรับเลี้ยงเอาไว้ด้วยความสงสาร ส่วนนายหญิงหนานอิงข้าไม่ได้พบนางหลายปีแล้วเจ้าค่ะ ข้าเองก็อยากพบนางเพื่อขอบคุณสำหรับเงินทองข้าวของที่ส่งมาให้ข้ามากมายยิ่งนัก"
เอ่ยยังไม่ทันขาดคำมารดาของเด็กก็เข้ามา นางทำความเคารพแม่นางเหมยเซียงทั้งยังยิ้มให้อ้ายเจิง
"ใต้เท้า บุตรชายของข้าก่อเรื่องให้พวกท่านลำบากแล้ว ข้าต้องขออภัยแทนพวกเขา"
สตรีผู้นี้ใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราดวงตางดงาม แต่ใบหน้ากลับอวบอูมมิใช่หนานอิงอย่างที่เขาคิด อ้ายเจิงพลันผิดหวังอยู่มาก
นางสั่งให้ลูกชายขอโทษทุกคน ยังขอตัวพาไปอบรมสั่งสอนที่ห้องของตน
แม่นางเหมยเซียงเอ่ยขึ้น
"ถึงจะซุกซนแต่ก็รักความยุติธรรมยิ่งเจ้าค่ะ ข้าเองบางทีก็ลำบากเพราะพวกเขาแต่เพราะยังเด็กเลยรอดมาได้เจ้าค่ะ แต่ครานี้หนักยิ่งดันไปเกิดเรื่องกับบุตรชายท่านนายอำเภอ"
ไม่ต้องบอกว่าแม่นางเหมยเซียงต้องการสิ่งใด นางขอให้อ้ายเจิงช่วยเหลือออกหน้าให้นั่นเอง
ขุนนางท้องถิ่นย่อมหวาดกลัวคนจากวังหลวง แต่อ้ายเจิงมาครานี้ปกปิดตัวตนจึงไม่สะดวกออกหน้า แต่เขาก็ยังรับปากนางว่าจะจัดการให้ไม่ต้องห่วง
เขากลับไปดื่มกินในห้อง เรียกนางโลมมาเป็นเพื่อนอีกหลายคน คิดว่าแม่นางเหมยเซียงผู้นี้จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าหนานอิงอยู่ที่ใด นอกจากนางเขาก็ไม่เห็นคนอื่นแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ช่วยข้าทีสองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด NC25 3P
ไม่นะ หานเซียวจะตายแยบรี้ไม่ได้ ฮื่อออออๆๆ...