สตรีผู้นั้นเดิมหันหลังให้พวกเขา กำลังชี้นิ้วอันสั่นเทาก่นด่าบ่าวรับใช้ผู้หนึ่งที่ก้มลงขดกายอยู่ที่เสาด้านในตำหนัก เมื่อนางรับรู้ว่าบุตรชายทั้งสองยินยอมมาพบแล้วพลันหันกลับมา
หนานอิงพบว่าแม้เกศาของสตรีผู้นั้นจะกลายเป็นสีเทาไปบางส่วนแต่ใบหน้านั้นกลับอ่อนเยาว์ประดุจสตรีอายุไม่เกินสี่สิบ ใบหน้านั้นงดงามลึกล้ำ ดวงตากลมโตดำขลับเหมือนบ่อน้ำอันดับมืด ยิ่งพิจารณายิ่งคล้ายกับลู่หนิงหวังเป็นอันมาก
ที่จริงแล้วเขาถอดแบบความงามมาจากมารดานี่เอง
ในมือของสตรีผู้นั้นมีขวดยาสีขาว นางกำเอาไว้แน่นคล้ายกับมันคือของสำคัญที่สุดในชีวิต
"ลูกอกตัญญูเช่นพวกเจ้าในที่สุดก็โผล่มาแล้วสินะ"
คนทั้งคู่ไม่พูดคำใด ลู่ไท่เฟยพบว่าอ้ายเจิงมาพร้อมพวกเขาด้วย ยังมีสตรีอีกนางหนึ่งก็พลันสงสัย แต่ดูจากท่าทางที่อ๋องทั้งสองปกป้องเช่นนั้นก็เกิดความสนใจ
ท่าทางของสตรีนางนั้นองอาจผ่าเผย ในขณะเดียวกันก็ดูอ่อนหวานอยู่ในที ถึงจะแต่งกายด้วยชุดที่ค่อนข้างเก่าและยังเป็นอาภรณ์ของบุรุษยังไม่สามารถกลบความงามของนางได้
ช่างน่าสนใจดีแท้
"อ้ายเจิง บอกข้ามาสตรีผู้นี้คือผู้ใด"
ลู่ไท่เฟยกลับเดินไปนั่งตรงตำแหน่งประธาน นางไม่อาละวาดแล้วเพราะเกิดความสนใจในตัวของสตรีที่มาใหม่ พระนางไม่ถามบุตรชายทั้งสอง แต่เลือกที่จะถามอ้ายเจิงแทน
"ทูลพระนาง นางคือหนานอิงแห่งสกุลหนาน เป็นบุตรีของหนานกั๋วกงที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งได้ไม่นาน และยังเป็นว่าที่หวางเฟยของท่านอ๋องทั้งสองพ่ะย่ะค่ะ"
ลู่ไท่เฟยหัวเราะเสียงเย็น
"ว่าที่หวางเฟยของลูกข้าทั้งสองหรือ เหตุใดมีเพียงคนเดียวเล่า ตัวกาลกิณีอันใดกัน"
พระนางหัวเราะหยัน ในขณะที่ลู่หนิงหวังและหานเซียวบัดนี้ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาลืมตัวกระทั่งต่างคนต่างบีบแขนของหนานอิงจนเจ็บร้าว
หนานอิงกลับเป็นคนมีมารยาท แม้จะรู้สึกโกรธมากเพียงใดที่จู่ ๆ ก็ถูกแม่สามีหาว่าเป็นตัวกาลกิณี แต่นางกลับสามารถกดข่มอารมณ์เอาไว้ได้
"หนานอิงคารวะลู่ไท่เฟยเพคะ"
นางยอบกายอีกครั้งน้ำเสียงก็สุภาพนอบน้อมยิ่ง แต่สตรีวิปริตผู้นั้นกลับหัวเราะเสียงดังคล้ายหัวเราะหยัน
"บุตรสาวของกั๋วกงคนใหม่หรือ มารยาทนับว่าใช้ได้คงฝึกฝนมานาน ตั้งใจจะจับบุตรชายของข้าเพื่อไต่เต้าหรือ เจ้าคิดผิดแล้ว พวกเขามันตัวซวย เป็นกาลกิณีไม่รู้หรือ กระทั่งข้ายังตกต่ำเพราะลูกชายทั้งสองแล้วเจ้าเล่าจะรอดหรือ พวกเขาจะนำความวิบัติมาให้เจ้า ข้าเตือนด้วยหวังดีคนเดียวก็มากพอแล้วเจ้ายังจะแต่งให้สองคน อนาคตต้องวิบัติโดยแท้"
หนานอิงได้ฟังดังนั้นแทบไม่เชื่อหูของตนเอง มีมารดาที่ไหนบ้างที่คิดเช่นนี้กับบุตรตนเอง คนทั้งสองช่างน่าสงสารยิ่ง
แต่แล้วนางกลับคิดถึงท่านหนานที่เป็นบิดาแท้ ๆ ของนาง นั่นไม่เลวร้ายกว่าหรือ เขาหาว่านางเป็นตัวซวย เป็นกาลกิณีที่ทำให้สกุลตกต่ำ ยังขับไล่นางและยังปล่อยให้ผู้อื่นมาสังหารมารดาของนางอีก หากจะว่าไปแล้วเรื่องของนางยังเลวร้ายกว่าเสียอีก
สวรรค์บันดาลโดยแท้ หนานอิงไม่คิดฝันมาก่อนว่าลู่หนิงหวังและหานเซียวเอง ก็กลายเป็นบุตรชายที่มารดาจงเกลียดจงชังได้เช่นนี้
ในยามนี้คนทั้งคู่กลับบีบมือของนาง แน่นอนว่าพวกเขาที่ผ่านมาพยายามไม่ถือสาลู่ไท่เฟย สาเหตุเพราะพระนางคือพระมารดาของพวกเขา แต่ในยามนี้หนานอิงกลับถูกลากมาเกี่ยวข้อง ลู่หนิงหวังเองกลับรู้สึกร้อนรนทนไม่ได้
"หุบปากของท่านเสีย"
นั่นเป็นคำทักทายคำแรกที่เขาเอ่ยขึ้น
ลู่ไท่เฟยได้ยินดังนั้นเหยียดยิ้ม ทว่าใบหน้ากลับเฉยเมยไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของลู่หนิงหวังเลยแม้แต่น้อย
"ก็ได้ ข้าไม่พูด คงอับอายใช่หรือไม่? ได้ข้าไม่พูดถึงเรื่องนี้ แต่ข้าขอดูหน้าว่าที่พระชายาของลูกชายทั้งสองได้หรือไม่ อยากเห็นหน้านางใกล้ ๆ ว่าจะงดงามเพียงใด แล้วพวกเจ้าก็พานางกลับไปได้"
"ท่านกับนางไม่เกี่ยวข้องกัน ข้าพานางมาที่นี่ก็เพราะมารยาทเล็กน้อยที่ฝ่าบาทกำชับเท่านั้น"
ลู่หนิงหวังกลับไม่ยินยอมให้นางเข้าใกล้ลู่ไท่เฟย ในขณะที่หานเซียวขวางหน้าหนานอิงเอาไว้ ใช้กายของตนเองบังนางจนมิดเพื่อปกป้อง หนานอิงเองกลับสงสัยลู่ไท่เฟยจะทำสิ่งใดได้ นางหาใช่สตรีอ่อนแอเสียหน่อย
ลู่ไท่เฟยผู้นั้นแสร้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจจนดูน่าสงสาร
"ข้ายังเป็นแม่ของพวกเจ้าหรือไม่ กระทั่งสะใภ้ยังไม่สามารถพูดคุยได้ เนรคุณสิ้นดี ข้าไม่น่าปล่อยให้พวกเจ้าเติบโตขึ้นมาเลย"
หนานอิงได้ยินดังนั้นจึงดึงมือออกจากมือของคนทั้งสองแผ่วเบา ทั้งเอ่ยว่า
"นายท่าน นายน้อย ข้าไม่เป็นไรในเมื่อลู่ไท่เฟยมีรับสั่ง อย่างไรนางก็คือมารดาของพวกท่านก็ตามใจนางเสียหน่อยเถิด"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ช่วยข้าทีสองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด NC25 3P
ไม่นะ หานเซียวจะตายแยบรี้ไม่ได้ ฮื่อออออๆๆ...