Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1036

หลังจากที่แลกเปลี่ยนเบอร์โทรเพื่อความสะดวกในการติดต่อกันแล้วหลิงหยุนและทุกคนก็เตรียมตัวเดินทางกลับ..
  เฉินเจี้ยนเตาและเฉียนหยูไห่เดินออกไปส่งและเฉินเจี้ยนเตาที่ดูเหมือนจะมึนๆเล็กน้อยด้วยฤทธิ์ของเหล้าเหมาไถจึงพูดขึ้นว่า
  “คุณหลิง..คุณถัง.. จะไม่เดินดูในตึกหน่อยเหรอครับ จากตึกนี้มองออกไปทิวทัศน์สวยงามมากเลยนะครับ..”
  หลิงหยุนร้องออกมาคล้ายกับเพิ่งนึกอะไรได้จึงหยุดเดินและหันไปทางโม่วู๋เตา “จริงสิ! โม่วู๋เตา.. เจ้ามีความรู้เรื่องฮวงจุ้ยดี เจ้าอยู่ที่นี่เดินสำรวจดูฮวงจุ้ยภายในตึกให้ข้าที ดูว่าต้องวางอะไรตรงใหนเพิ่ม หรือต้องปรับเปลี่ยนตรงใหนบ้าง”
  โม่วู๋เตาทำสีหน้าไม่พอใจนักและได้แต่คิดในใจว่า ‘ตอนกิน.. หน้าข้าเจ้ายังไม่มองด้วยซ้ำ ตอนนี้เพิ่งจะมานึกถึงข้า!’
  เขาเหลือบมองหลิงหยุนพร้อมกับตอบเสียงห้วน“ได้ค่าจ้างหรือไม่”
  ถังเมิ่งหันไปมองด้วยความโมโหพร้อมกับร้องตะโกนเสียงดัง“อะไรกัน เมื่อครู่นายก็กินฟรี!”
  โม่วู๋เตาหันไปยิ้มให้ถังเมิ่งพร้อมกับตอบไปว่า“ทำงานก็ต้องมีค่าตอบแทน..ไม่เช่นนั้นข้าจะเก็บเงินไปแต่งภรรยาได้อย่างไรกันเล่า”
  ถังเมิ่งร้องถามออกมาอย่างประหลาดใจ“อะไรกัน! นี่นายเป็นนักบวชจริงหรือปลอมกันแน่? นักบวชที่ใหนคิดเรื่องแต่งเมียกันบ้าง?”
  ระหว่างนั้นเขาก็แกล้งยื่นมืออกไปเพื่อลูบศรีษะโม่วู๋เตาแต่โม่วู๋เตารีบเบี่ยงหลบพร้อมกับร้องตอบอย่างไม่พอใจนัก
  “ใครบอกเจ้าว่านักบวชมีภรรยาไม่ได้สมัยนี้หลวงจีนยังมีภรรยาได้เลย..”
  ทุกคนต่างก็ยืนมองโม่วู๋เตากับถังเมิ่งทะเลาะกันและในที่สุดหลิงหยุนก็ร้องตอบไปว่า
  “เอาล่ะ..เจ้าต้องการเท่าไหร่ก็ค่อยว่ากัน”
  โม่วู๋เตายิ้มพร้อมกับตอบไปว่า“แบบนี้ค่อยดูเป็นคนมีมโนธรรมขึ้นมาบ้าง!”
  ถังเมิ่งรีบสวนขึ้นมาทันที“ฉันให้แค่ห้าพันหยวน.. นายจะทำก็ทำ ไม่ทำก็ไม่ต้องทำ!”
  โม่วู๋เตาตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัว“นี่ถังเมิ่ง.. ข้าทำนายชีวิตการแต่งงานของเจ้าได้นะ เจ้าอยากรู้หรือไม่”
  ถังเมิ่งร้องตะโกนออกมาทันที“ห๊ะ! นี่นายพูดจริงๆเหรอ?”
  เมื่อเดินมาถึงหน้าลิฟท์แล้วหลิงหยุนจึงหันไปพูดกับถังเมิ่งว่า “ถังเมิ่ง.. บ่ายนี้ถ้านายไม่มีธุระที่ใหน ก็อยู่คุยเรื่องงานกับผู้จัดการสองคนที่นี่..”
  “พี่หยุน..บ่ายนี้มีเรื่องสำคัญต้องไปทำเหรอ”
  ถังเมิ่งนั้นรู้จักหลิงหยุนดีกว่าใครเพียงแค่ฟังจากน้ำเสียงของเขา ถังเมิ่งก็รู้ว่าบ่ายนี้หลิงหยุนคงต้องการไปที่ใหนสักแห่ง
  “อืมม..ฉันจะไปแก๊งมังกรเขียว แล้วก็จะเข้าไปพบลุงหลงด้วย!”
  หลิงหยุนตอบถังเมิ่งไปโดยไม่คิดที่จะปิดบังแต่ดวงตาของเขาปรากฏร่องรอยบางอย่างขึ้นมาวูบหนึ่ง ซึ่งแม้แต่ถังเมิ่งเองก็ไม่ทันสังเกตเห็น..
  เมื่อได้ยินคำว่า‘แก๊งมังกรเขียว’ เฉินเจี้ยนเตา และเฉียนหยูไห่ต่างก็หันไปมองหน้ากันทันที..
  ทุกคนเดินไปส่งหลิงหยุนถึงที่จอดรถก่อนที่จะขึ้นรถไป หลิงหยุนได้หันไปพูดกับเฉินเจี้ยนเตา และเฉียนหยูไห่ว่า
  “ทุกอย่างที่นี่ให้ประธานถังเป็นผู้ตัดสินใจได้เลย!”
  “ครับคุณหลิง!”
  ………….
  ศูนย์บัญชาการของแก๊งมังกรเขียวตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองจิงฉูแม้ว่าจะอยู่ใกล้กับภูเขา แต่ก็อยู่ชานเมือง และแม้จะมิดชิด แต่ก็ไม่ห่างไกลนัก..
  ด้านหน้าประตูทางเข้าที่ใหญ่โตนั้นมีสิงโตหินซึ่งแกะสลักจากหินขนาดใหญ่อยู่คู่หนึ่งตั้งอยู่ ทั้งฟันและกรงเล็บของมันนั้นดูราวกับมีชีวิตจริงๆ
  ทั้งตี้เสี่ยวอู๋ถังเมิ่ง แล้วก็อาปิงซึ่งเป็นหัวหน้าคนใหม่ของแก๊งมังกรเขียว ต่างก็เคยมาที่นี่กันหมดแล้ว มีเพียงหลิงหยุนเท่านั้นที่เพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก..
  ทันทีที่รถMercedes-Benz สีดำจอดเทียบหน้าประตู หลิงหยุนก็เปิดประตูเดินลงจากรถทันที
  “พี่หยุน!”
  อาปิงซึ่งมายืนรออยู่ที่หน้าประตูร้องเรียกหลิงหยุนทันทีที่เห็นเขาก้าวเท้าลงมาจากรถ..
  หลิงหยุนมาที่ศูนย์บัญชาการของแก๊งมังกรเขียวในครั้งนี้ไม่ได้มาเพื่อพบปะกับพี่น้องคนอื่นๆ แต่ตั้งใจมาหาอาปิงโดยเฉพาะ จึงได้สั่งให้ตี้เสี่ยวอู๋โทรเรียกอาปิงให้มารอพบ..
  “พี่หยุน!”
  “ลูกพี่!”
  “หัวหน้า!”
  สมาชิกที่เดินตามหลังอาปิงมานั้นได้เอ่ยทักทายหลิงหยุนตามความเคยชินของตนเอง..
  “โอ้โห..อาปิงนี่นายทำอะไร จู่ๆ ทำไมถึงได้มีคนใหญ่คนโตติดตามมาด้วยมากมายแบบนี้?”
  ทันทีที่หลิงหยุนเดินลงจากรถเขาก็เห็นคนที่ตามหลังอาปิงมา ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนที่เขาคุ้นหน้าทั้งสิ้น
  หนึ่งในนั้นก็คือเตาหยงส่วนอีกคนก็คือกงหงกวนที่เปิดบ่อนคาสิโน.. ส่วนอีกสองคนเป็นบอดี้การ์ดของอาปิงซึ่งหลิงหยุนเป็นผู้ส่งมา – หลี่ยี่กับเจียวเฟย!
  “พี่หยุน..พี่คือหัวหน้าแก๊งมังกรเขียวตัวจริง พี่มาสำนักงานใหญ่เป็นครั้งแรก ฉันจะไม่เรียกพี่น้องมารอต้อนรับพี่ได้ยังไงกัน!”
  หลิงหยุนตอบยิ้มๆ“นายทำแบบนี้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นนะ!”
  แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็แอบคิดในใจว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เขามาเยี่ยมเยียนที่นี่ก่อนจะจากไป..
  ตี้เสี่ยวอู๋ตามเข้ามาแต่เพราะเขาเองเคยเป็นหัวหน้าแก๊งมังกรเขียวมาก่อน ทุกคนจึงจดจำเขาได้ดี และทุกคนต่างก็เรียกตี้เสี่ยวอู๋ว่าพี่อู๋..
  “พี่หยุน..พี่น้องทุกคนคอยพี่อยู่ด้านในแล้ว!”
  อาปิงกระซิบบอกหลิงหยุนและเมื่อหลิงหยุนเปิดประตูเดินเข้าไปด้านใน ทุกคนต่างก็เดินตามหลิงหยุนเข้าไปทันที
  “ท่านหัวหน้าใหญ่!”
  ทันทีที่หลิงหยุนเปิดประตูเข้าไป..ก็พบว่ามีสมาชิกของแก๊งมังกรเขียวที่สวมชุดสีดำยืนรวมตัวกันอยู่ในสวน ทุกคนต่างก็ร้องทักทายหลิงหยุนออกมาพร้อมกัน..
  หลิงหยุนได้แต่แอบคิดในใจว่า‘เปิดตัวราวกับหนังเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ที่ข้าเคยดูเลย!’
  “พี่หยุน..สมาชิกระดับสูงของแก๊งมังกรเขียวมารวมตัวอยู่ที่นี่เกือบหมดแล้ว..”
  ภายในแก๊งมังกรเขียวนั้นแบ่งออกเป็นสามส่วนใหญ่ๆซึ่งก็คือโถงมนุษย์ โถงลงทัณฑ์ และโถงมังกร..
  โถงมนุษย์นั้นยังแยกย่อยเป็นห้องเมตตาและห้องปัญญา ส่วนโถงมังกรนั้นแยกย่อยเป็นห้องพิรุณและห้องวชิระ ในขณะที่โถงลงทัณฑ์นั่นแยกย่อยอีกถึงสิบห้อง
  ด้วยเหตุนี้..ภายในสวนด้านหน้าจึงมีสมาชิกระดับสูงอยู่กว่าห้าสิบคน!
  หลิงหยุนก้าวเดินเข้าไปอย่างสง่างามและองอาจ ต่อหน้าแวมไพร์หลายร้อยตนยังทำให้เขาหวาดกลัวไม่ได้ ดังนั้นจำนวนคนที่อยู่ตรงหน้าจึงไม่มีอิทธิพลใดๆต่อเขาเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งคนเหล่านี้ก็ไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นพี่น้องในแก๊งมังกรเขียวทั้งสิ้น..
  หลังจากที่เห็นหลิงหยุนยืนนิ่งไม่พูดไม่จาเช่นนั้นอาปิงจึงได้แต่หันไปมองตี้เสี่ยวอู๋พร้อมกับจ้องตาเขาแทนคำถาม ตี้เสี่ยวอู๋จึงพูดขึ้นว่า
  “เชิญพี่น้องทุกท่านเข้าไปด้านในก่อน..”
  ตี้เสี่ยวอู๋รู้ดีว่าการที่หลิงหยุนมาที่นี่ในวันนี้เขาไม่ได้มาในฐานะหัวหน้าใหญ่ของแก๊งมังกรเขียว แต่เขามาที่นี่เพื่อจัดการบางสิ่งบางอย่าง..
  และถึงแม้วันนี้อากาศจะค่อนข้างร้อนอบอ้าวแต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดอาปิงจึงรู้สึกหนาว และเย็นยะเยือกไปทั่วทั้งแผ่นหลัง..
  หลิงหยุนก้าวเท้าเดินเข้าไปภายในอาคารของศูนย์บัญชาการพร้อมกับร้องบอกสมาชิกทุกคนว่า
  “วันนี้ผมไม่ได้มาในฐานะของหัวหน้าแก๊งมังกรเขียวและเรื่องที่จะพูดคุยกับอาปิงก็ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของแก๊งมังกรเขียว เพราะฉะนั้นของให้ทุกคนแยกย้ายกันได้แล้ว..”
  สมาชิกทุกคนเมื่อได้ยินคำพูดของหลิงหยุนก็ถึงกับมีสีหน้าผิดหวังอาปิงจึงได้ขอให้ทุกคนไปรอในห้องกำยานจนกว่าเขาจะคุยธุระกับหลิงหยุนเรียบร้อย
  ระหว่างที่นั่งรออาปิงอยู่บนโซฟานั้นหลิงหยุนได้แต่ยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ และคิดว่าตนเองนั้นเลือกคนไม่ผิดจริงๆ ภายในแก๊งมังกรเขียวต่างก็มีการแข่งขันกัน อาปิงเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบเก้าปีเท่านั้น แต่กลับสามารถดูแลแก๊งมังกรเขียวที่ใหญ่โตได้ แม้ว่าบางครั้งจะมีตี้เสี่ยวอู๋กับถังเมิ่งช่วยบ้างก็ตาม แต่ก็นับว่าเขาทำหน้าที่ได้ไม่เลวเลยทีเดียว!
  “ฉันได้ยินจากถังเมิ่งว่า..แถวชานเมืองเริ่มมีปัญหาบ้างใช่มั๊ย”
  อาปิงรีบตอบกลับไปทันที“พี่หยุน.. ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว!”
  “เยี่ยม..”
  “ที่ฉันมาวันนี้ก็มีเพียงแค่สองเรื่อง..”หลิงหยุนพูดตรงเข้าประเด็นทันที เพราะไม่ต้องการเสียเวลา
  “เรื่องแรก..ในอนาคตอันใกล้นี้ จะมีธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกมากมาย ถังเมิ่งอาจจะยุ่งมาก นายกับถังเมิ่งคงจะต้องช่วยกัน ส่วนรายละเอียดนายโทรคุยกับถังเมิ่งได้เลย..”
  อาปิงพยักหน้าพร้อมรับคำสั่ง“ครับพี่หยุน.. เรื่องนั้นไม่มีปัญหา!”
  หลิงหยุนลูบไล้ศิลากลั่นวิญญาณในมือซ้ายพร้อมกับพูดต่อทันที“เรื่องที่สอง.. นายค่อนข้างสนิทสนมกับตระกูลหลง ช่วงนี้ได้ข่าวลุงหลงกับหลงหวู่บ้างมั๊ย”
  ในคืนที่เกิดเหตุการณ์ท้องฟ้าสว่างไสวไปทั่วทั้งเมืองจิงฉูและหลังจากนั้นหลิงหยุนก็นอนหลับใหลไปนานถึงเก้าวันนั้น สาวงามของเขาทุกคนล้วนมากันพร้อมหน้า.. เว้นแต่หลงหวู่เพียงคนเดียวเท่านั้น!
  และหลิงหยุนก็รู้สึกกังวลใจอย่างมาก!
  เป็นไปไม่ได้ที่หลิงหยุนบาดเจ็บสาหัสและนอนหลับใหลไปถึงเก้าวัน แต่หลงหวู่กลับไม่ปรากฏตัวเลยสักครั้ง!
  หากจะบอกว่าหลงหวู่ไม่รู้ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้และถึงแม้นางจะไม่รู้ แต่ก็ไม่น่าจะหายหน้าหายตาไปนานหลายวันเช่นนี้ และความเป็นไปได้อย่างเดียวที่หลิงหยุนคิดได้ก็คือ..
  เว้นเสียแต่ว่าหลงหวู่จะไม่อยู่ในจิงฉู!.ไอลีนโนเวล.
  แต่นั่นเป็นเพียงแค่การคาดเดาของหลิงหยุนเท่านั้นวันนี้เขาจึงต้องมาที่นี่เพื่อหาคำตอบในเรื่องนี้!
  ระหว่างที่หลิงหยุนนั่งลูบไล้ศิลากลั่นวิญญาณไปนั้นคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันแน่น และเพิ่งจะคิดได้ว่าความจริงหลงหวู่ไม่ใช่เพิ่งหายหน้าไปเพียงแค่เก้าวัน แต่นางหายหน้าไปก่อนหน้านั้นเสียอีก..
  ครั้งสุดท้ายที่เขาพบหน้าหลงหวู่ก็คือคืนที่คลินิกสามัญชนถูกลอบวางระเบิด!
  ในคืนนั้น..หลิงหยุนไปที่โรงแรมไคเฉวียนเพื่อจัดการกับหลี่จิ่วเจียง และเป็นคืนเดียวกับที่เย่ซิงเฉินจับตัวหลินเมิ่งหานกับเหยาลู่ไป และหลังจากคืนนั้นหลิงหยุนก็ไม่พบหลงหวู่อีกเลย!
  เมื่อคิดได้เช่นนี้..หลิงหยุนก็ถึงกับสะท้านขึ้นมาทันที และเริ่มรู้สึกตกใจมากยิ่งขึ้น!
  และทันทีที่อาปิงได้ยินหลิงหยุนพูดถึงหลงคุนกับหลงหวู่ขึ้นมาสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที แต่ก็กลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว..
  “พี่หยุน..หลง.. หลงหวู่.. ฉันไม่พบหน้าเธอมาหลายวันแล้ว..”
  ตุ้บ!
  หลิงหยุนมือไม้อ่อนและศิลากลั่นวิญญาณก็ร่วงลงพื้นทันที!
  หลิงหยุนจ้องหน้าอาปิงนิ่งพร้อมกับร้องตะโกนถามออกมาเสียงดัง“ถ้าฉันจำไม่ผิด! คืนนั้นที่โรงแรมไคเฉวียน ฉันสั่งให้นายเป็นคนไปส่งหลงหวู่กลับบ้านใช่มั๊ย”
  อาปิงถึงกับถอนหายใจและเหงื่อเม็ดโตก็ผุดขึ้นมาเต็มหน้า!
  หลิงหยุนไม่รอคำตอบจากอาปิงเขาลุกขึ้นจากโซฟาพูดต่อด้วยความโมโห “ฉันจำได้แม่นยำว่า.. คืนนั้นหลังจากที่เมิ่งหานกับเหยาลู่หายไป ฉันโทรไปถามนาย.. ถามว่านายปลอดภัยดีมั๊ย จากนั้นฉันก็ถามนายว่านายไปส่งหลงหวู่ถึงบ้านใช่มั๊ย?”
  “และคำตอบของนายก็คือ..นายส่งหลงหวู่ถึงหน้าประตูบ้าน และรอจนกระทั่งเธอเข้าบ้าน ไฟในบ้านตระกูลหลงเปิดแล้ว นายถึงได้กลับออกมา!”
  อาปิงไม่เพียงเหงื่อตกแต่ขาทั้งสองข้างยังสั่นระริก และได้แต่คิดในใจว่า.. มิน่าหลิงหยุนถึงได้มาถึงสำนักงานใหญ่ของแก๊งมังกรเขียว และไม่ยอมพูดจาทักทายพี่น้อง เพราะต้องการมาจัดการกับเขาโดยเฉพาะ..
  “พี่หยุน..ฉันสาบานได้ คืนนั้นฉันยืนรอจนกระทั่งหลงหวู่เข้าไปในบ้าน ฉันเห็นกับตาว่าเธอเข้าบ้านไปแล้ว!”
  อาปิงกลัวจนปากคอสั่นและระล่ำระลักพูดต่อว่า “คืนนั้นฉันไปกับพี่น้องอีกสองสามคนจากโถงมังกร ตอนนี้พวกเขาก็อยู่ที่นี่ด้วย ถ้าพี่ไม่เชื่อก็เรียกพวกเขามาถามได้!”
  ดวงตาของหลิงหยุนจับจ้องอยู่ที่ร่างของอาปิงและเขารู้ว่าอาปิงไม่ได้พูดโกหก
  อาปิงแทบทนมองสายตาของหลิงหยุนไม่ได้และเวลานี้เหงื่อของเขาก็ไหลเปียกไปทั่วทั้งตัว และแทบจะยืนทรงตัวไม่อยู่
  แต่หลังจากที่หลิงหยุนสงบจิตใจได้เขาจึงพูดขึ้นว่า “ฉันไม่ได้มาที่นี่เพราะคิดว่านายพูดโกหก! ฉันเพียงแค่ร้อนใจมากไปหน่อย..”
  จากนั้นหลิงหยุนก็ยกมือขึ้นตบบ่าอาปิงพร้อมกับพูดขึ้นว่า“นั่งลงคุยกันดีกว่า..”
  หลิงหยุนเดินกลับไปนั่งที่โซฟาตามเดิมและไม่ลืมที่จะหยิบศิลากลั่นวิญญาณขึ้นมา แล้วหันไปสั่งตี้เสี่ยวอู๋
  “เสี่ยวอู๋..นายลองโทรหาหลงหวู่!”
  –เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้–
  ตี้เสี่ยวอู๋กดวางสายและร้องบอกหลิงหยุนว่า “พี่หยุน.. ติดต่อไม่ได้!”
  หลิงหยุนใจหายและตอบไปว่า “ถ้างั้นลองโทรหาลุงหลง!’
  ตี้เสี่ยวอู๋กดเบอร์หลงคุนแต่แล้วก็ต้องส่ายหน้าไปมาเช่นกัน..
  อาปิงที่ตอนนี้หายตกใจแล้วจึงรีบพูดขึ้นว่า “พี่หยุน.. ลองโทรเข้าไปที่บ้านตระกูลหลงสิ!”
  หลิงหยุนส่ายหน้าพร้อมกับตอบไปว่า“ไม่.. ฉันจะไปบ้านตระกูลหลงดูด้วยตัวเอง!”
  จู่ๆโทรศัพท์มือถือของทั้งสองคนกลับติดต่อไม่ได้พร้อมๆกัน แสดงให้เห็นว่าต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น..
  จากนั้น..อาปิงก็คุกเข่าลงต่อหน้าหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า “พี่หยุน.. ฉันทำงานผิดพลาด ได้โปรดลงโทษฉันด้วย!”
  “ฉันไม่ได้นึกตำหนินายจะลงโทษนายทำไมกันเล่า ลุกขึ้นเถอะ.. ฉันเชื่อว่าคืนนั้นนายส่งหลงหวู่จนถึงบ้านแล้ว!”
  จากนั้นหลิงหยุนก็พึมพำออกมา“นี่แสดงว่าหลงหวู่หายตัวไปหลังจากที่นายส่งเธอถึงบ้านแล้ว!”
  “นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น!แม้แต่ตัวฉันเอง..”
  “หากจะตำหนิใครสักคน..ก็ควรจะต้องตำหนิตัวฉันเองนี่ล่ะ!”
  “คืนนั้นหลงหวู่ต้องการจะกลับไปที่บ้านกับฉันแต่ฉันไม่เห็นด้วย ก็เลยให้นายไปส่งเธอที่บ้านแทน..”
  “ฉันรู้ว่าคืนนั้นหลงหวู่คงจะโกรธมากและคิดว่าวันต่อไปจะเข้าไปง้อเธอ แต่คลินิกก็ดันมาระเบิดขึ้นซะก่อน!”
  “แต่หลังจากนั้นก็มารู้ว่าเมิ่งหานกับเหยาลู่หายตัวไปตามมาด้วยเรื่องราวอีกมากมาย.. จนกระทั่งถึงคืนที่ฉันได้รับบาดเจ็บสาหัส..”
  หลิงหยุนพึมพำออกมาและได้แต่โทษตัวเองว่าเป็นเพราะตนเองไม่ใส่ใจหลงหวู่เท่าที่ควร..
  แต่ตอนนั้นหลิงหยุนเองก็ยุ่งและวุ่นวายมากจริงๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้ออ้างสำหรับเขา เขาจึงได้แต่นึกตำหนิตัวเองเช่นนั้น!
  เมื่อเริ่มรู้สึกได้ว่าหลงหวู่ไม่มาที่บ้านนั้นเขายังคิดว่านางคงจะมีปากเสียงกับเกาเฉินเฉิน เขาจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก อีกทั้งระหว่างนั้นก็มีการต่อสู้บนเขาเซียนเหยินหลิงอยู่หลายวัน แม้เขาจะสัมผัสได้ถึงความผิดปกติอยู่บ้าง แต่ความรู้สึกนี้ก็ได้หายไปในเวลาอันรวดเร็ว จนกระทั่งมาถึงวันที่เขาหลับใหลไปนาน..
  แววตาของหลิงหยุนเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและได้แต่พึมพำออกมา
  “หลงหวู่..ผมขอโทษ!”
  “พี่หยุน..ฉันจะดูที่บ้านตระกูลหลงเดี๋ยวนี้!”
  หลงคุนเป็นผู้มีพระคุณของตี้เสี่ยวอู๋และหลงหวู่ก็เป็นผู้หญิงของหลิงหยุน เกิดเรื่องกับพวกเขาทั้งสองคนเช่นนี้ ตี้เสี่ยวอู๋เองก็ไม่อาจทนนิ่งเฉยได้เช่นกัน..
  หลิงหยุนยกมือขึ้นห้ามพร้อมกับพูดขึ้นว่า“รีบร้อนไปก็ไม่มีประโยชน์! ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ไม่เพียงไม่อยู่ที่บ้าน แต่ยังไม่อยู่ในจิงฉูอีกด้วย!”
  ก่อนหน้าที่จะพบกับอาปิงหลิงหยุนยังหวังว่าจะโชคดี แต่เวลานี้เขามั่นใจแล้วว่าหลงหวู่หายตัวไปจริงๆ และต้องเป็นการถูกจับตัวไปอย่างแน่นอน!
  จากนั้นหลิงหยุนจึงบอกกับทั้งสองคนว่า..
  “หลงหวู่จะต้องถูกคนจับตัวไปแน่ๆเพราะถ้าเธออยากจะไปจากจิงฉูด้วยตัวเอง ยังไงเธอก็ต้องบอกให้ฉันรู้!”
  “ไม่เพียงแค่หลงหวู่..แต่ลุงหลงก็ถูกจับตัวไปด้วย ทั้งคู่ต้องถูกจับตัวไปพร้อมกันอย่างแน่นอน!”
  “เพราะหากจับคนใดคนหนึ่งไปคนที่เหลือต้องรีบโทรบอกฉันแล้ว..”
  “แล้วคนที่จับตัวสองคนนี้ไปก็ไม่น่าจะใช่ซือกงวู่จี๋ ไม่ใช่พรรคมาร หรือองค์กรนักฆ่า และต้องไม่ใช่ศัตรูที่มาในคืนนั้น..”
  “เพราะถ้าเป็นศัตรูในคืนนั้นจริงพวกมันจะต้องเอาหลงหวู่มาข่มขู่ฉันให้ไว้ชีวิตอย่างแน่นอน!”
  หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นช้าๆ“เพราะฉะนั้น.. คนที่ลักพาตัวลุงหลงกับหลงหวู่ไป จะต้องเป็นคนที่พวกเราไม่เคยพบเจอ และไม่รู้จัก..”
  หลิงหยุนสรุปสิ่งที่คาดการส่วนสาเหตุที่หลงคุนกับหลงหวู่ถูกจับตัวไปนั้น หลิงหยุนเลือกที่จะไม่พูดออกมา..
  หลิงหยุนยังจำได้ว่า..เมื่อครั้งที่เขาไปพบหลงคุนที่บ้านครั้งแรกนั้น หลงคุนได้เล่าให้ฟังว่าก่อนที่เขาจะมาก่อตั้งแก๊งมังกรเขียวนั้น เขากับหลงหวู่ได้ถูกคนไล่ล่า และในที่สุดก็หนีมาอยู่จิงฉู..
  อีกทั้งในวันเปิดคลินิกสามัญชนนั้นหลงคุนก็ได้นำหยกมังกรที่มีพลังชีวิตเข้มข้นไม่แพ้ศิลากลั่นวิญญาณ มามอบให้กับเขาเป็นของขวัญด้วย..
  หลิงหยุนมั่นใจอย่างมากว่าจะต้องเป็นศัตรูที่ลึกลับของหลงคุนบุกมาจับตัวทั้งคู่ถึงที่บ้าน..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร