“นายอยู่ทางนี้ก็แอบสืบหาเบาะแสเรื่องนี้อย่างเงียบๆอย่ากระโตกกระตาก เข้าใจที่ฉันพูดมั๊ย” หลิงหยุนย้ำกับอาปิง
นั่นเพราะจิงฉูเปรียบเสมือนฐานที่มั่นของหลิงหยุนแต่อีกฝ่ายกลับสามารถบุกมาจับตัวหลงคุนกับลูกสาวจากพื้นที่ในการครอบครองของเขาไปได้เช่นนี้ ย่อมหมายความว่าฝ่ายนั้นต้องแข็งแกร่งและมีอำนาจไม่ธรรมดาเช่นกัน..
หลิงหยุนเชื่อว่าอีกฝ่ายคงต้องทิ้งคนของตนเองไว้ที่จิงฉูจำนวนหนึ่งเพื่อให้คอยเป็นหูเป็นตา และหากแก๊งมังกรเขียวออกตามหาตัวของสองพ่อลูกอย่างเอิกเกริกเมื่อใด คนเหล่านั้นก็ต้องรายงานกลับไปที่ต้นทางทันที..
อีกอย่าง..เวลานี้จิงฉูก็เพิ่งกลับสู่ความสงบได้ไม่นาน หลิงหยุนจึงไม่ต้องการสร้างความสั่นสะเทือนใดๆขึ้นมาอีก
และหลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือดน่ากลัวจนหลิงหยุนได้รับบาดเจ็บสาหัสในคืนนั้นเขาก็ได้ทำให้ทุกคนเป็นห่วง และตกใจอย่างมากแล้ว เขาจึงไม่สามารถปล่อยให้เรื่องบั่นทอนจิตใจเช่นนี้เกิดขึ้นกับทุกคนได้อีก..
ไม่เช่นนั้น..หลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมา และจับสังเกตถึงความผิดปกติเกี่ยวกับหลงหวู่ได้แล้ว เขาก็คงไม่รอมาถึงวันนี้เพื่อมาสอบถามกับอาปิงด้วยตัวเอง เขาคงจะสั่งให้ถังเมิ่งหรือตี้เสี่ยวอู๋ส่งคนไปดูที่บ้านหลงคุนนานแล้ว..
อาปิงตอบรับคำสั่งด้วยเสียงที่ดังฟังชัด“พี่หยุน.. ฉันจะจัดการส่งพี่น้องที่เก่งที่สุด ไปแอบสืบเรื่องนี้อย่างเงียบๆ”
“ดีมาก!”
จากนั้นหลิงหยุนก็เตรียมตัวที่จะกลับเพื่อไปสำรวจดูที่บ้านของหลงคุนด้วยตัวเอง แต่ระหว่างนั้นสีหน้าท่าทางของอาปิงกับดูระล้าระลัง..
หลิงหยุนก้าวเท้าออกไปนอกห้องได้เพียงสองสามก้าวจึงหันมาถามอาปิงว่า “ตอนนี้พี่น้องทั้งหมดยังอยู่ที่ห้องกำยานใช่มั๊ย”
อาปิงพยักหน้าหงึกๆอย่างดีอกดีใจ..
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่หลิงหยุนมาที่ศูนย์บัญชาการของแก๊งมังกรเขียวและนี่ก็เป็นครั้งแรกที่อาปิงได้รวบรวมสมาชิกระดับสูงของโถงต่างๆมารวมตัวกันที่นี่ และหากหลิงหยุนกลับไปโดยที่ไม่กล่าวอะไรกับทุกคนเลยแม้แต่น้อย อาปิงก็คงจะต้องรู้สึกเสียหน้าอย่างมาก..
อีกทั้งพี่น้องในแก๊งมังกรเขียวจะมองเขาเช่นไรและคิดกับหลิงหยุนอย่างไร
“ฉันจะไปคุยกับพวกเขาเสียหน่อย!”
อาปิงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและรีบพุ่งไปหาหลิงหยุน พร้อมกับร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“พี่หยุน..ฉันจะพาพี่ไปห้องกำยานเอง!”
……………
อาคารศูนย์บัญชาการของแก๊งมังกรเขียวนั้นค่อนข้างเป็นส่วนตัวเพราะมีกำแพงสูงล้อมรอบอาคารสามชั้นที่อยู่ด้านในไว้อย่างมิดชิด ทำให้เป็นอิสระจากสายตาของผู้คนด้านนอก นอกเหนือจากอาคารสามชั้นซึ่งหันหน้าไปทางทิศใต้แล้ว ก็ยังมีสวนขนาดใหญ่อยู่ทางด้านตะวันตกอีกด้วย..
ภายในสวนก็จะมีอาคารหลังเล็กแยกออกมาจากอาคารใหญ่สามชั้นและที่นี่ก็คือ ‘ห้องกำยาน’ ของแก๊งมังกรเขียวนั่นเอง ห้องนี้จะเปิดใช้ก็ต่อเมื่อมีพิธีสำคัญๆ ของแก๊งมังกรเขียวเท่านั้น..
“ห้องกำยานนี้ถือเป็นห้องของหัวหน้าใหญ่และจะมีพี่น้องจากโถงมนุษย์เป็นผู้รับผิดชอบดูแลอยู่..”
อาปิงอธิบายให้หลิงหยุนฟังขณะเดินนำไปยังห้องกำยาน..
หลิงหยุนพยักหน้ารับรู้และไม่นานทั้งหมดก็มาถึงหน้าทางเข้าสวนซึ่งเปิดประตูกว้างรออยู่ หลิงหยุนมองเลยเข้าไปในห้องกำยาน และพบว่าภายในมีรูปปั้นเทพเจ้ากวนอูขนาดหนึ่งเมตรตั้งอยู่ มือข้างหนึ่งถือดาบใหญ่ที่มีรูปมังกรเขียวพันรอบดาบ ดูช่างมีพลังอำนาจยิ่งนัก..
“หัวหน้าใหญ่มาแล้ว..”
ทันทีที่เดินไปถึงหน้าประตู..ตี้เสี่ยวอู๋ก็ร้องตะโกนออกมาทันที แม้เสียงของเขาจะไม่ดังมากนัก แต่ก็มีพลังราวกับเสียงฟ้าผ่า และกลบเสียงพูดคุยภายในห้องกำยานได้หมด..
หลิงหยุนเดินตรงเข้าไปด้านในและพบว่าภายในสวนเล็กๆนั้น ยังมีรูปปั้นมังกรเขียวลำตัวยาวห้าเมตรสองตัวตั้งอยู่ ทั้งกรงเล็บ และเขี้ยวที่แหลมคมนั้นดูเสมือนกับมีชีวิตจนน่าตกใจ…
หลิงหยุนได้แต่นึกชื่นชมอยู่ในใจเงียบๆ‘ลุงหลงนี่มีอะไรน่าสนใจมากทีเดียว!’
“หัวหน้าใหญ่มาแล้ว!”
สมาชิกทุกคนซึ่งอยู่ภายในสวนต่างก็นั่งลงคุกเข่าข้างหนึ่งไว้บนพื้น ส่วนอีกข้างชันขึ้นเมื่อเห็นหลิงหยุนก้าวเข้ามาพร้อมกับอาปิง และตี้เสี่ยวอู๋..
ทั้งหลิงหยุนตี้เสี่ยวอู๋ แล้วก็อาปิง ต่างก็นับว่าเป็นหัวหน้าแก๊งมังกรเขียวทั้งสิ้น ทุกคนในห้องจึงต้องคุกเข่าลงหนึ่งข้างตามธรรมเนียมของแก๊งมังกรเขียว และในเมื่อเป็นธรรมเนียม.. หลิงหยุนก็ไม่จำเป็นต้องถ่อมตน เขารับการคาราวะจากทุกคน และเดินตรงเข้าห้องกำยานไปทันที..
หลิงหยุนหยุดยืนอยู่หน้ารูปปั้นเทพเจ้ากวนอูพร้อมกับจ้องมองด้วยแววตาที่ตื่นเต้น ก่อนจะพูดขึ้นว่า..
“จุดธูปได้!”
อาปิงจัดการจุดธูปสามดอกและส่งให้หลิงหยุนด้วยตัวเอง หลังจากหลิงหยุนทำการสักการะเทพเจ้ากวนอูเรียบร้อยแล้วแล้ว อาปิงจึงได้ประกาศว่า..
“ทำการสักการะท่านเทพเจ้ากวนอู..”
สิ้นเสียงประกาศของอาปิงนอกเหนือจากหลิงหยุนแล้ว ทั้งอาปิง ตี้เสี่ยวอู๋ และคนอื่นๆ ต่างก็คุกเข่าลงทำการสักการะรูปปั้นเทพเจ้ากวนอูอย่างพร้อมเพรียงกัน..
หลังจากที่ทำการสักการะรูปปั้นเทพเจ้ากวนอูเรียบร้อยแล้วหลิงหยุนก็เดินไปนั่งบนเก้าอี้ของหัวหน้าซึ่งหันหน้าออกไปทางประตูห้องกำยาน..
“ทุกคนลุกขึ้นและนั่งประจำที่ได้!”.Aileen-novel.
ด้านหน้าหลิงหยุน..มีเก้าอี้ตั้งเรียงกันอยู่สองแถว แถวละเก้าตัว ทุกคนต่างก็ลุกขึ้น และเดินไปนั่งตามตำแหน่งของตนเอง..
และผู้ที่นั่งติดกับหลิงหยุนแน่นอนว่าต้องเป็นตี้เสี่ยวอู๋กับอาปิง ตามมาด้วยหัวหน้าใหญ่ของโถงมังกร โถงมนุษย์ และโถงลงทัณฑ์ แล้วจึงตามมาด้วยหัวหน้าจากห้องต่างๆในแต่ละโถง
เมื่อทุกคนนั่งลงเรียบร้อยแล้วหลิงหยุนจึงพูดขึ้นว่า..
“ความจริงที่ผมมาที่ศูนย์บัญชาการวันนี้ไม่ได้ตั้งใจที่จะมาเปิดห้องกำยาน แต่ในเมื่ออาปิงเรียกทุกคนมาแล้ว ผมก็จะขออาศัยโอกาสนี้พูดจากับทุกคนสักสองสามประโยค..”
ทันทีที่หลิงหยุนเอ่ยปากพูดภายใน และภายนอกห้องกำยานต่างก็เงียบสนิท ใบหน้าของแต่ละคนที่มองไปทางหลิงหยุนนั้น ต่างก็เต็มไปด้วยความเคารพนับถือ..
“หลายเดือนมานี้ทุกคนคงเหน็ดเหนื่อยกันมาก..โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนนี้!”
จะไม่เหนื่อยได้อย่างไรกันเล่า..
ในเมื่อแทบจะทั้งเดือนนี้มีแต่เรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย..เริ่มตั้งแต่เรื่องของหลี่จิ่วเจียง คลินิกสามัญชนถูกวางระเบิด สาวงามสองคนหายตัวไป ขนย้ายลูกเหล็กเพื่อสร้างค่ายกล จนกระทั่งล่าสุดปิดถนนในคืนที่โม่วู๋เตาทำพิธีเรียกดวงวิญญาณของหลิงหยุน ทุกเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่ใช้คนของแก๊งมังกรเขียวแทบทั้งสิ้น..
หลิงหยุนเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจในความทุ่มเทของสมาชิกทุกคนอาปิงจึงรีบพูดขึ้นว่า
“ท่านหัวหน้าพูดแบบนี้พวกเราไม่อาจรับได้มันเป็นหน้าที่ และทั้งหมดก็คือพี่น้อง!”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อว่า“ครึ่งเดือนนี้ทุกคนคงต้องมีงานเพิ่มกันอีกแล้ว ยังไงผมก็ต้องขอขอบคุณทุกคนไว้ล่วงหน้า..”
หลังจากที่หลิงหยุนพูดประโยคสุดท้ายออกมาทุกคนในห้องกำยานต่างก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกันทันที..
และเมื่อทุกคนนั่งลงอีกครั้งหลิงหยุนก็เริ่มพูดคุยธุระอย่างจริงจัง เขาหันไปทางอาปิงพร้อมกับถามขึ้นว่า
“แก๊งมังกรเขียวของเรามีทั้งหมดสามโถงรวมแล้วในเวลานี้เรามีสมาชิกอยู่ทั้งหมดกี่คน”
อาปิงตอบกลับทันที“ท่านหัวหน้า.. มีทั้งหมด 2,827 คน โถงมังกร 800 คน โถงมนุษย์ 2,000 คน และโถงลงทัณฑ์อีก 27 คน..”
หลิงหยุนพยักหน้าและพึมพำออกมาว่า “โถงมังกร 800 คนงั้นรึ”
หลิงหยุนรู้ดีว่า..โถงมนุษย์นั้นมีหน้าที่หาเงิน ในขณะที่โถงมังกรเปรียบเสมือนพลั่วขุดดินที่ทำหน้าที่สนับสนุนให้แต่ละโถงทำงานได้สะดวกมากขึ้น ทั้งสองโถงนี้จึงนับว่าต้องทำงานหนักมากหน่อย..
“อาปิง..นายไปสอบถามพี่น้องในโถงมังกรดูว่า มีใครบ้างที่ต้องการฝึกวรยุทธ จากนั้นรวบรวมรายชื่อทั้งหมดส่งให้ฉันโดยเร็วที่สุด!”
“เอ่อ..พี่หยุน..”
อาปิงรู้สึกกังวลใจเล็กน้อยเพราะไม่สามารถคาดเดาความคิดของหลิงหยุนได้ว่ากำลังคิดที่จะทำอะไร..
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ฉันเคยบอกนายแล้วว่า.. เราต้องออกไปดูโลกกว้าง.. และโลกที่ฉันพูดก็ไม่ได้หมายถึงจิงฉู เจียงหนาน หรือแม้แต่ในประเทศนี้..”
หลิงหยุนเข้าสู่ขั้นพลังชี่แล้วและในวันข้างหน้าเขาก็จะสามารถกลั่นโอสถได้ เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะไม่สามารถสร้างยอดฝีมือขึ้นมาได้มากมาย แต่ยังสามารถสร้างได้ภายในเวลาอันรวดเร็วด้วย..
ทั้งการต่อสู้บนเขาหยุนเมิ่งเขาเซียนเหยินหลิง เขาหลงหู่ และแม้กระทั่งในบ้านเลขที่-1 หลิงหยุนล้วนแล้วแต่ต้องต่อสู้ด้วยตัวเพียงคนเดียว และทำให้เขาต้องสูญเสียไปมากพอแล้ว..
หลิงหยุนจึงจำเป็นต้องสร้างกองกำลังของตนเองขึ้นมาและต้องเป็นกองกำลังที่มีความจงรักภักดีต่อเขาด้วย!
“จำไว้ว่า..นี่ไม่ใช่การบังคับ! ฉันต้องการคนที่อยากฝึกวรยุทธจริงๆเหมือนตี้เสี่ยวอู๋เท่านั้น เพราะการฝึกวรยุทธไม่ใช่เรื่องง่าย หากไม่ใช่คนที่อยากฝึกวรยุทธจริงๆ ก็คงยากที่จะก้าวหน้าได้..”
“แต่หลังจากที่ได้รายชื่อมาแล้ว..ฉันก็ต้องมาคัดเลือกด้วยตัวเองอีกที ซึ่งจะคัดเลือกจากพรสวรรค์ของแต่ละคน ไม่ใช่ความพอใจส่วนตัว..”
ในเรื่องคัดเลือกคนนั้นรอให้จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนกลับมาใช้งานได้ดังเดิมก่อน ถึงตอนนั้นเรื่องคัดเลือกคนที่มีพรสวรรค์ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับเขา
ออกไปดูโลก..ไม่ได้หมายถึงในประเทศนี้เท่านั้น..
เช่นนั้นแล้วก็ย่อมหมายถึงการได้เดินทางออกนอกประเทศโอกาสดีๆเช่นนี้ หากพี่น้องคนใหนถูกหลิงหยุนคัดเลือก ก็คงต้องมีอนาคตที่ก้าวหน้า เช่นนี้แล้วใครๆก็อยากถูกเลือกไม่ใช่หรือ
ถึงแม้หลิงหยุนจะระบุให้คัดเลือกพี่น้องจากโถงมังกรแต่สมาชิกในโถงอื่นๆ ก็ถึงกับนั่งตาโตเป็นประกาย และต้องการที่จะฝึกวรยุทธด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวหน้าจากโถงมนุษย์ ที่ถึงกับเอ่ยถามหลิงหยุนว่า
“ท่านหัวหน้าใหญ่..โถงมนุษย์มีสมาชิกอยู่ถึงสองพันคน น่าจะมีบ้างที่มีพรสวรรค์สามารถฝึกวรยุทธได้”
หลิงหยุนจึงตอบกลับไปว่า“คุณคัดเลือกมาได้เลย.. แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าการมาเป็นกองกำลังให้กับผม ต้องเสี่ยงชีวิตมาก และอาจถึงตายได้! ถึงตอนนั้นก็อย่ามาตำหนิผมทีหลังล่ะ!”
หลิงหยุนตอบกลับไปอย่างตรงไปตรงมา..
“ขอบคุณท่านหัวหน้า..”หัวหน้าโถงมังกรร้องตะโกนออกมาอย่างดีใจ
“เอาล่ะ..พวกเราไม่ต้องพิธีการมากนัก คุยกันสบายๆ ดีกว่า!”
“อาปิง..หลังจากที่พี่น้องของเราทำงานกันเหนื่อยมาก นายมีให้รางวัลกับทุกคนบ้างหรือยัง”
อาปิงตอบกลับอย่างงงๆ“ยังเลย..”
หลิงหยุนจึงประกาศต่อหน้าทุกคน“ครั้งนี้พี่น้องทุกท่านทำผลงานได้ดีมาก ผมจะมอบรางวัลให้กับโถงมังกรสี่สิบล้าน โถงมนุษย์ห้าสิบล้าน และโถงลงทัณฑ์สิบล้าน..”
“เป็นเงินทั้งหมดหนึ่งร้อยล้าน..”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงประกาศของหลิงหยุนดีทั่วทั้งห้องกำยานก็เงียบสนิท ได้ยินเพียงแค่เสียงลมหายใจ และเสียงหัวใจเต้นเท่านั้น..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร