ณสำนักงานเขตเทศบาลเมืองจิงฉู..
เวลาแปดโมงสี่สิบห้านาที..หลี่ยี่เฟิงกับถังเทียนห่าวกำลังยืนรอใครบางคนอยู่หน้าตึก ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว..
สิบนาทีต่อมา..รถปอร์เช่ก็แล่นมาจอดอยู่หน้าประตูสำนักงาน และทันทีที่รถจอดสนิท ชายหนุ่มสองคนก็ก้าวเดินลงมาจากรถ และตรงเข้าไปทักทายหลี่ยี่เฟิงกับถังเทียนห่าวทันที
และแน่นอนว่าต้องไม่ใช่ใครที่ใหนนอกจากหลิงหยุนกับถังเมิ่ง..
“ลุงหลี่..ลุงถัง.. ทำไมออกมายืนรอรับผมแบบนี้ล่ะครับ ทำแบบนี้ผมจะรับไหวได้ยังไงกัน?”
หลิงหยุนเห็นหลี่ยี่เฟิงกับถังเทียนห่าวมายืนรอรับตนเองเช่นนั้นก็รีบเดินลงจากรถมาทักทายทันที
“หลิงหยุน..พวกเราต่างก็เหมือนคนในครอบครัว เธอก็อย่าได้เกรงใจนัก!”
หลี่ยี่เฟิงเดินตรงเข้าไปหาหลิงหยุนพร้อมกับยื่นมือออกไปตบไหล่เขาเบาๆ“แล้วอาการบาดเจ็บของเธอเป็นยังไงบ้างล่ะ”
“ขอบคุณครับลุงหลี่..ผมหายดีแล้วครับ!”
หลิงหยุนไม่ต้องการลงรายละเอียดมากนักเพราะที่เขามาวันนี้ก็ไม่ได้ต้องการมาพูดเรื่องเหล่านี้..
“งั้นก็ดี!เอาล่ะเข้าไปคุยในห้องทำงานของฉันดีกว่า!”
พูดจบ..หลี่ยี่เฟิงก็หันหลังกลับ และเดินนำทุกคนเข้าไปด้านในของอาคาร ส่วนถังเทียนห่าวก็หันไปสั่งถังเมิ่งให้ขับรถเข้ามาจอดด้านใน..
………
“หลิงหยุน..นั่งก่อน แล้วก็ทำตัวตามสบาย!”
หลี่ยี่เฟิงร้องบอกหลิงหยุนอย่างเป็นกันเองระหว่างที่นั่งลงหลิงหยุนก็สูดดมกลิ่นชาที่หอมสดชื่นเข้าไปเต็มปอด
ถัดจากหลี่ยี่เฟิงก็คือถังเทียนห่าวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อีกตัวแยกกัน ถังเทียนห่าวทำหน้าที่รินชา จากนั้นทั้งสามคนก็เริ่มถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของกันและกัน และแสดงความเป็นห่วงเป็นใยกัน ก่อนจะเริ่มเข้าสู่การพูดคุยธุระในวันนี้.
“หลิงหยุน..เพราะเรื่องที่ดินหนึ่งพันไร่แถบเมืองใหม่หลินเจียงนั้น เมื่อวานฉันจึงได้เปิดให้มีการเปิดประชุมวิสามัญขึ้น..”
เพียงแค่หลี่ยี่เฟิงเอ่ยออกมาหลิงหยุนก็สามารถเข้าใจได้ทันที..
“ลุงหลี่ครับ..ไม่เห็นจำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นเลยครับ!”
“นี่หลิงหยุน..ฉันจะบอกอะไรให้ เมื่อวานลุงหลี่ของเธอได้ขอให้ที่ประชุมเห็นชอบอนุมัติซื้อที่ดินแถบอ่าวจิงฉูกว่าห้าร้อยไร่ เพื่อให้เธอเป็นผู้พัฒนาพื้นที่เหล่านั้นทั้งหมด..”
หลิงหยุนถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก..เขาคิดไม่ถึงว่าไม่เพียงที่ดินกว่าหนึ่งพันไร่ที่กำลังจะเป็นของตนเอง แต่นี่เขากลับจะได้รับที่ดินเพิ่มมาอีกห้าร้อยไร่ฟรีๆ อย่างนั้นหรือ
หมายความว่า..เขากำลังจะเป็นเจ้าของทีดินทั้งหมดกว่าหนึ่งพันห้าร้อยไร่!
หลี่ยี่เฟิงเพียงพูดขึ้นยิ้มๆ“ตั้งใจทำให้ดีล่ะ!”
“ที่ดินหนึ่งพันไร่นั้นเธอจะต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนหนึ่งพันแปดร้อยล้านหยวน..”
“ครับลุงหลี่..พรุ่งนี้ผมจะให้คนจัดการเรื่องเงินจำนวนนี้ให้”
“ผมต้องขอขอบคุณลุงหลี่กับลุงถังมากนะครับ!”
หลิงหยุนรีบเอ่ยปากขอบคุณทั้งสองคนทันทีเพราะความจริงแล้วพื้นที่หนึ่งพันไร่รอบเมืองใหม่หลินเจียงนั้น น่าจะมีมูลค่าถึงสองพันล้าน แต่นี่เขากลับจ่ายเพียงแค่หนึ่งพันแปดร้อยล้านเท่านั้น และยังได้ที่ดินมาถึงหนึ่งพันห้าร้อยไร่..
หลังจากเสร็จธุระเรื่องที่ดินแล้วหลิงหยุนจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า “ลุงหลี่ครับ.. ผมมาพบคุณลุงวันนี้ เพราะมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือ!”
หลี่ยี่เฟิงหันไปมองถังเทียนห่าวก่อนจะหันมาพยักหน้าให้หลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า “พูดมาได้เลย!”
หลิงหยุนไม่รีรอและรีบบอกความต้องการของตนเองทันที “ลุงหลี่ครับ.. ตอนนี้ตำแหน่งของหลี่จิ่วเจียงกับหลู่กวนหวังยังคงว่างอยู่ใช่มั๊ยครับ”
เมื่อได้ยินหลิงหยุนถามเช่นนั้นหลี่ยี่เฟิงถึงกับร้องถามขึ้นมาทันที “ทำไม เธอพบคนที่มีคุณสมบัติจะมารับตำแหน่งแทนแล้วงั้นรึ?”
หลิงหยุนเองก็ไม่อ้อมค้อมและตอบอย่างตรงไปตรงมา “ครับ.. ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เธอก็คือรองครูใหญ่ของโรงเรียนมัธยมจิงฉู ชื่อว่ากงเสี่ยวลู่!”
“เรื่องนี้กำลังทำให้ฉันปวดหัวมากเลย..คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เธอเองก็จะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาพอดี!”
แต่คำพูดต่อมาของหลี่ยี่เฟิงก็ถึงกับทำให้หลิงหยุนคาดไม่ถึงจริงๆเขาไม่คิดว่าหลี่ยี่เฟิงจะรู้ และเข้าใจในเรื่องนี้ได้อย่างละเอียด..
“นี่ไม่ใช่คำขอร้องที่มากมายอะไร!ฉันจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมในการประชุมครั้งต่อไป จากผลสอบเอนทรานซ์ในปีนี้ โรงเรียนมัธยมจิงฉูเองก็ได้สร้างชื่อเสียงให้กับเมืองจิงฉูอย่างมาก ครั้งนี้นับว่าครูใหญ่จางทำผลงานไว้ดีมาก แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากการทุ่มเทแรงกายแรงใจของกงเสี่ยวลู่ด้วย..”
“ทั้งคู่นับว่าเหมาะสมกับตำแหน่งที่ว่างอยู่..”
ช่างง่ายดายอะไรยิ่งนัก!ง่ายดายจนแม้แต่หลิงหยุนเองยังถึงกับงุนงง..
ทางด้านถังเทียนห่าวที่เห็นสีหน้างุนงงของหลิงหยุนก็ได้แต่ยิ้มและไม่พูดอะไร..
แต่ความจริงแล้วก็ไม่น่าแปลกประหลาดใจอะไรในเมื่อเวลานี้หลี่ยี่เฟิงควบคุมดูแลทั่วทั้งเมืองจิงฉู เรียกได้ว่าไม่เหลือคู่แข่ง หรือคู่ขัดแย้งเลยแม้แต่คนเดียว เช่นนี้แล้วหากเรื่องแค่นี้ยังไม่สามารถจัดการได้ ก็คงจะนับว่าแย่มาก..
“ลุงหลี่ครับ..แล้วเรื่องเปิดบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นของถังเมิ่งล่ะครับ”
แต่ถังเทียนห่าวรีบแก้ไขให้ถูกต้องทันที“หลิงหยุน.. บริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นของเธอต่างหากเล่า!”
หลิงหุยนหัวเราะออกมาพร้อมกับตอบไปว่า“ฮ่า.. ฮ่า.. ก็เหมือนกันล่ะครับ!”
หลี่ยี่เฟิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“ไม่ต้องห่วง.. เรื่องของบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่น ลุงจะสนับสนุน และเปิดไฟเขียวให้กับทุกๆเรื่องเอง..”
หลี่ยี่เฟิงอธิบายต่อว่า“ในสายตาของพวกเธอ.. อาจจะดูเหมือนว่าการเปิดบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นนั้นเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ แต่ในสายตาของทางการอย่างพวกเรา นี่นับว่าเป็นปฏิวัติเมืองจิงฉูอย่างแท้จริง และเป็นเรื่องที่ทางการต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก..”
“เธอไม่ต้องห่วง..ฉันจะสั่งการไปทุกภาคส่วน ขอให้พวกเขาสนับสนุนเธออย่างเต็มที่ หากใครกล้าขัดขวาง และทำให้บริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นเปิดดำเนินการล่าช้า หัวหน้าของภาคส่วนนั้นต้องรับผิดชอบด้วยการถูกเด้ง..”
หลิงหยุนถึงกับเย็นวาบและได้แต่คิดในใจว่าภาครัฐให้ความสนใจกับบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นของเขามากถึงเพียงนี้เชียวหรือ
“ส่วนเรื่องกว้านซื้อธุรกิจต่างๆเธอก็ไม่จำเป็นต้องห่วงอะไร!”
หลิงหยุนเข้าใจคำพูดของถังเทียนห่าวดีเขากำลังจะบอกว่า.. การเจรจาซื้อธุรกิจต่างๆ จะเป็นไปอย่างราบรื่น และไร้ซึ่งปัญหาอย่างแน่นอน!
หลิงหยุนได้แต่แอบคิดในใจว่า..สิ่งที่เขากังวลว่าเป็นปัญหา แต่กลับไม่อยู่ในสายตาของหลี่ยี่เฟิง และถังเทียนห่าวเลยแม้แต่น้อย..
“ขอบคุณลุงหลี่กับลุงถังมากครับ..”
“ไม่เป็นไร!ฉันรู้ว่าบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นนั้นสำคัญกับเธอมาก เธอเองก็เป็นนักกว้านซื้อธุรกิจตัวยง ส่วนถังเมิ่งเองก็ยังมีวัยวุฒิไม่มากพอ การได้รับการสนับสนุนจึงเป็นเรื่องสำคัญ” ถังเทียนห่าวเอ่ยเตือนหลิงหยุนกลายๆ
ส่วนหลี่ยี่เฟิงก็เสริมต่อว่า“นับจากนี้ไป.. ไม่ว่าเธอต้องการที่จะทำอะไร พวกเราก็พร้อมที่จะสนับสนุน และหาคนที่เป็นมืออาชีพมาช่วย และหากขาดเงินลงทุน พวกเราก็จะช่วยเจรจากับธนาคารให้!”
หลิงหยุนแสดงสีหน้าซาบซึ้งใจแต่เขามีเงินมากพอ จึงได้แต่ยิ้มและตอบไปว่า “ลุงหลี่ครับ.. เรื่องเงินไม่ต้องกังวล ผมมีมากพอ!”
จากนั้นหลี่ยี่เฟิงก็ถามขึ้นว่า“เธอยังมีเรื่องอะไรจะขอร้องอีกมั๊ย”
หลิงหยุนได้แต่ตอบกลับไปยิ้มๆ“ลุงหลี่ครับ.. ลุงสนับสนุน และช่วยเหลือผมมากมายถึงเพียงนี้ ผมยังจะกล้าขอร้องอะไรอีกล่ะครับ”
หลี่ยี่เฟิงพยักหน้าและหันไปทางถังเทียนห่าว “เฒ่าถัง.. คุณมีอะไรก็พูดกับหลิงหยุนได้เลย!”
ถังเทียนห่าวมองหลิงหยุนนิ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “หลิงหยุน.. ขอโทษด้วยที่ต้องเชิญเธอมาที่นี่ด้วยตัวเอง!”
หลิงหยุนรีบตอบกลับไปทันที“ลุงถังครับ.. ผมยินดีอย่างยิ่ง! เชิญพูดธุระของลุงมาได้เลยครับ!”
ถังเทียนห่าวพยักหน้าและพูดตรงเข้าประเด็นทันที “ถึงเวลาแล้วที่ต้องทำให้แก๊งมังกรเขียวกลับมาขาวสะอาด..”
“เรื่องนี้จะเป็นผลดีต่อทั้งตัวเธอเองต่อฉัน ต่อเจ้าเมิ่ง และต่อพลเมืองจิงฉูทุกคน!”
ถังเทียนห่าวเกรงว่าหลิงหยุนจะไม่เห็นด้วยจึงรีบอธิบายเพิ่มเติมทันที..
“ฉันรู้ดีว่าแก๊งมังกรเขียวนั้นก่อตั้งมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของหลงคุนหากจะปล่อยให้สูญสลายไปย่อมไม่สมควร ฉันจึงขอแนะนำให้เปลี่ยนรูปแบบองค์กรแทน..”
จากนั้นถังเทียนก็ได้เสนอแนะความคิดเห็นของตนเองให้หลิงหยุนฟัง..
“อย่างโถงมังกร..เธอก็ปรับเปลี่ยนมาเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยก็ได้ ส่วนโถงมนุษย์.. เธอก็สามารถปรับเปลี่ยนเป็นบริษัทต่างๆ แยกตามธุรกิจแต่ละประเภทไป..”
“ส่วนเรื่องจะบริหารจัดการอย่างไรนั้นฉันก็จะไม่เข้าไปก้าวก่าย..”
หลี่ยี่เฟิงรีบเสิรมขึ้นทันที“แต่คนของแก๊งมังกรเขียว และธุรกิจต่างๆของแก๊งมังกรเขียว ก็ต้องไม่เข้าไปปะปนกับกลุ่มบริษัทเทียนตี้..”
หลิงหยุนได้แต่แอบคิดในใจว่า‘ดูท่าจิงจอกเฒ่าทั้งสองคงจะนัดแนะกันมาดิบดีแล้ว ถึงได้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียว!’
หลิงหยุนยิ้มและตอบไปว่า“ผมรับปากจะทำตามที่คุณลุงทั้งสองแนะนำ..” Aileen-novel
ในทุกความสัมพันธ์นั้นล้วนต้องมีทั้งให้ และรับ.. หลิงหยุนจึงรับปากทันที!
“ลุงคิดไว้แล้วว่าเธอต้องไม่ปฏิเสธ!”
ถังเทียนห่าวเห็นหลิงหยุนยอมรับข้อเสนอแต่โดยดีจึงหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข เขายกถ้วยชาขึ้นจิบ และไม่พูดเรื่องนี้อีก..
จากนั้น..ถังเทียนห่าวจึงลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ถังเมิ่งไปจอดรถตั้งนานทำไมยังไม่ขึ้นมา! ฉันขอตัวไปดูเจ้าเมิ่งหน่อยนะ..”
พูดจบถังเทียนห่าวก็เดินออกจากห้องทำงานของหลี่ยี่เฟิงไปและหลิงหยุนเองก็รู้ดีว่าถังเทียนห่าวเปิดโอกาสให้หลิงหยุนกับหลี่ยี่เฟิงได้คุยกันตามลำพัง..
หลี่ยี่เฟิงยกถ้วยชาขึ้นจิบและดูเหมือนกำลังใคร่ครวญว่าจะเริ่มต้นเช่นไรดี หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงเป็นฝ่ายถามขึ้นว่า
“ลุงหลี่..ไปปักกิ่งคราวนี้เป็นยังไงบ้างครับ”
หลิงหยุนรู้อยู่แล้วว่าที่หลี่ยี่เฟิงไปปักกิ่งกว่าครึ่งเดือนนั้นเขาถูกเรียกเข้าไปในเขตหวงห้ามที่เรียกว่าพื้นที่สีแดง และไปพบกับบุคคลอันดับหนึ่งของประเทศจีน..
ดังนั้นข่าวคราวที่ได้มาย่อมต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน..
ไม่เช่นนั้นด้วยความสนิทสนมของหลียี่เฟิงกับถังเทียนห่าวไม่จำเป็นที่ถังเทียนห่าวจะต้องขอตัวออกไปเช่นนั้น
“ปักกิ่งกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลง!”
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆเพียงแค่คำพูดประโยคแรกของหลี่ยี่เฟิง ก็ทำให้หลิงหยุนถึงกับอึ้งไปเช่นกัน
“เวลานี้ภายในตระกูลซันกำลังโกลาหลวุ่นวายน่าดูตอนนี้แม้แต่เทพองค์ใหนก็คงช่วยพวกเขาไม่ได้ และพวกเขาก็กำลังออกแรงดิ้นเฮือกสุดท้าย..”
หลิงหยุนได้แต่นั่งฟังอย่างเงียบๆและแอบคิดอยู่ในใจว่า ตระกูลซันเป็นตระกูลแรกที่เขาจะจัดการล้างบางเมื่อกลับไปปักกิ่งอีกครั้ง!
“ส่วนตระกูลเฉินเองก็วุ่นวายไม่แพ้กันแต่ก็ยังมีผู้นำตระกูลอยู่ อีกทั้งอดีตผู้นำตระกูลคนหนึ่งก็ยังอยู่ในหน่วยนภาด้วย เพียงแต่คนผู้นี้ไม่ควรเข้าไปข้องแวะด้วย ฉันก็เลยไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่แท้จริงภายในตระกูลเฉินนั้นเป็นอย่างไร”
และตระกูลเฉินก็เป็นเป้าหมายที่สองของหลิงหยุน!
“ส่วนตระกูลใหม่ๆต่างก็อาศัยโอกาสนี้สร้างคลื่นแห่งความวุ่นวายขึ้นมาเช่นกัน!”
การที่หลิงหยุนได้สังหารยอดฝีมือของตระกูลซันและตระกูลเฉินไปเป็นจำนวนมากนั้น นับว่าได้ทำลายสมดุลของเจ็ดตระกูลใหญ่แห่งปักกิ่งลงอย่างสิ้นเชิง..
เวลานี้จึงเหลือเพียงห้าตระกูลใหญ่แต่ตระกูลเกานั้นไม่สามารถทำอะไรได้ในตอนนี้ จึงเหลือเพียงแค่ตระกูลหลง ตระกูลเย่ ตระกูลหลี่ และตระกูลหลิง..
ตระกูลหลงกับตระกูลเย่นั้นเป็นตระกูลยักษ์ใหญ่ของประเทศจีนมาเนิ่นนาน และไม่รู้ว่าหยั่งรากลึกลงไปมากเท่าใดแล้ว
ส่วนตระกูลหลี่นั้น..นอกจากความร่ำรวยแล้ว ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไร!
ส่วนตระกูลหลิงนั้นก็อยู่บนความพยายามที่จะยืนด้วยลำแข้งของตนเองไม่พึ่งพาผู้ใด!
เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นในปักกิ่งจึงราวกับมีคลื่นใต้น้ำ เพราะหลายตระกูลต้องการขึ้นมาแทนที่ตระกูลเฉิน และตระกูลซัน..
“ที่ฉันสนับสนุนเธอและไฟเขียวให้กับเธอในทุกเรื่องนั้น ก็เพราะรู้ว่าหลังจากที่เธอก่อตั้งบริษัทเทียนตี้เสร็จแล้ว เธอก็จะไปจากจิงฉู..”
“และเมืองแรกที่เธอจะไปคือปักกิ่ง!”
หลิงหยุนพยักหน้ายอมรับอย่างไม่ลังเล..
“หลิงหยุน..จำคำพูดของฉันให้ดี! ปักกิ่งไม่เหมือนจิงฉู ที่นั่นมีคลื่นลูกใหญ่กว่าที่นี่มากนัก เธอเข้าใจที่ฉันพูดใช่มั๊ย”
หลิงหยุนคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงถามขึ้นว่า “ลุงหลี่ครับ.. ลุงต้องการจะบอกอะไรกับผมกันแน่”
หลี่ยี่เฟิงได้แต่ถอนหายใจและขมวดคิ้วพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ฟ้าเบื้องบนนั้นยากที่จะคาดเดา.. ฉันเองก็พูดไม่ได้!”
“เอาเป็นว่า..หากฉันเดาไม่ผิด เธอควรจะระมัดระวังยอดฝีมือจากหน่วยนภาให้ดี!”
“ครับ..”
หลิงหยุนกับหลี่ยี่เฟิงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้ยืดยาว..
หลี่ยี่เฟิงถูกเรียกตัวไปปักกิ่งครั้งนี้..เพราะต้องไปรายงานเรื่องของหลิงหยุน และการกระทำของเขาทั้งหมดเมื่ออยู่ในจิงฉู
ข้อมูลเหล่านี้สำคัญกับผู้ที่อยู่ในเขตหวงห้ามนี้อย่างมากเพราะเขาคือผู้ที่ตัดสินใจว่าจะจัดการกับหลิงหยุนเช่นไร
จู่ๆหลิงหยุนก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับถามขึ้นว่า “ลุงหลี่.. ผมขอถามลุงตามตรง ตระกูลหลี่ในปักกิ่งเกี่ยวข้องกับลุงอย่างไร”
หลิงหยุนจำเป็นต้องรู้ความจริงเรื่องนี้ก่อนที่จะเดินทางไปปักกิ่งเพราะไม่แน่ว่าวันข้างหน้าเขาอาจจะต้องขัดแย้งกับตระกูลหลี่ก็เป็นได้..
หลี่ยี่เฟิงหัวเราะเสียงดังและตอบไปว่า “เรื่องนั้นไม่สำคัญแม้แต่น้อย! ที่ฉันขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะไต่เต้าขึ้นมาทีละขั้นด้วยตัวเอง..”
“ฉันจะเล่าให้เธอฟังก็ได้..”
“ฉันทำงานให้กับคนผู้นั้น..”หลี่ยี่เฟิงพูดพร้อมกับชี้ไปทางผนัง..
“คนผู้นี้เคยเป็นหัวหน้าเก่าของฉัน..”
และภาพนั้นก็คือภาพของรัฐมนตรีท่านหนึ่งหลิงหยุนถึงกับหัวเราะออกมา และพูดขึ้นว่า
“ลุงหลี่ไปปักกิ่งครั้งนี้คงได้รับประโยชน์กลับมามากมาย!”
หลี่ยี่เฟิงลุกขึ้นยืนเช่นกันเขายิ้มให้กับหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ขอบอกเธอตามตรง.. เมื่อไหร่ที่เธอไปจากจิงฉู ฉันเองก็ต้องย้ายเช่นกัน!”
“ตำแหน่งอะไรเหรอครับ”
หลี่ยี่เฟิงกระซิบตอบเสียงเบา..
…………
“เฮ้อ..ยังไงมังกรก็เป็นมังกร ยากที่จะอยู่ที่นี่ได้!”
ระหว่างที่มองหลิงหยุนขึ้นรถไป..หลี่ยี่เฟิงถึงกับพึมพำออกมาพร้อมกับส่ายหน้าไปมาด้วยความเสียดาย
“พวกเราต่างก็ทำดีที่สุดแล้วล่ะ!”
ถังเทียนห่าวที่ยืนอยู่ข้างๆบอกกับหลี่ยี่เฟิง..
………..
“ถังเมิ่ง..ทำไมนายถึงไม่ตามเข้าไป!” ทันทีที่เข้าไปนั่งในรถหลิงหยุนก็ร้องถามถังเมิ่งทันที
“พ่อสั่งไว้ไม่ให้ฉันเข้าไปฉันจะกล้าขัดคำสั่งเหรอ” ถังเมิ่งตอบยิ้มๆ
“แล้วนายรู้มั๊ยว่าผลเป็นยังไง”หลิงหยุนถามขณะที่กำลังกดโทรศัพท์โทรออก
“ไม่รู้หรอก..ถ้าฉันควรรู้พี่ก็บอกมา!”
หลิงหยุนส่งสัญญาณให้ถังเมิ่งหยุดพูดชั่วคราว..
“ครูกงครับ..ผมมีข่าวดีจะบอก!”
“ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาประจำจิงฉูกำลังจะเป็นของครูในเร็วๆนี้”
“ห๊ะ!”
“ส่วนตำแหน่งผู้อำนวยการกองการศึกษาประจำมณฑลเจียงหนานจะเป็นของครูใหญ่จาง ฝากครูบอกเขาด้วย..”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร