แม้ว่าสีหน้าของหลิงห่าวจะยังคงนิ่งและไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใดๆ แต่ในใจนั้นกลับเต็มไปด้วยความคั่งแค้น เขากัดฟันแน่นพร้อมกับกร่นด่าเฉินเซินอยู่ในใจที่กล้าหักหลังตัวเอง!
“หลิงห่าว..ปู่ขอถามเจ้าว่าที่หลิงหยุนพูดมาทั้งหมดเป็นความจริงหรือไม่”
หลังจากที่หลิงลี่ได้ฟังคำบอกเล่าของหลิงหยุนและยืนนิ่งเงียบอยู่นาน ในที่สุดร่างสูงใหญ่นั้นก็ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ และไม่สามารถทรงตัวให้ยืนหยัดอยู่ต่อไปได้..
หลิงลี่ไม่อาจยอมรับความจริงในเรื่องนี้ได้..และได้แต่ครุ่นคิดว่าหลิงห่าวส่งคนไปลอบสังหารหลิงหยุนจริงๆ อย่างนั้นหรือ
หลิงลี่อยากให้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้เป็นเพียงแค่ความฝันเขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าหลานชายคนโตที่เขาเลี้ยงมากับมือนั้น จะมีใจคอโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้! แต่หลิงลี่ก็รู้จักอุปนิสัยของหลิงหยุนค่อนข้างดีคนอย่างหลิงหยุนนั้น หากไม่มั่นใจ เขาจะไม่ลงมืออย่างแน่นอน! เวลานี้อยู่ต่อหน้าสมาชิกตระกูลหลิงทุกคน หลิงหยุนยิ่งต้องไม่พูดจาเพ้อเจ้อไร้สาระเป็นแน่ ดังนั้น.. เรื่องนี้จึงน่าจะมีมูลความจริงอยู่มาก!
หลิงลี่ได้แต่คิดในใจว่า..มิน่าทุกครั้งที่เขาพูดถึงหลิงห่าว หลิงหยุนจึงไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆออกมา หนำซ้ำวันนี้หลิงหยุนยังมีท่าทีเฉยเมยกับหลิงห่าวอีกด้วย..
และเมื่อคิดได้เช่นนี้..ภายในใจของหลิงลี่ก็บันดาลโทสะอย่างแรง จนรู้สึกราวกับมีไฟเผารนจิตใจ ร่างของหลิงลี่ถึงกับหมดเรี่ยวแรงขึ้นมาทันที
เวลานี้..คำประกาศของหลิงลี่ในห้องบรรพชนนั้น ยังคงดังก้องอยู่ในหูของตัวเอง เขาคิดไม่ถึงว่าการเข่นฆ่ากันเองระหว่างพี่น้องจะเกิดขึ้นกับตระกูลหลิงจริงๆ และกำลังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเขานี่เอง..
เวลานี้..ที่หลิงลี่เอาแต่นิ่งเงียบนั้น เขาไม่ได้กำลังคิดว่าเรื่องที่หลิงหยุนพูดจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ แต่เขากำลังคิดว่าจะจัดการกับปัญหานี้เช่นไรต่างหาก!
หลิงห่าวส่งคนไปลอบสังหารหลิงหยุนและเวลานี้.. เห็นได้ชัดว่าหลิงหยุนเองก็ต้องการฆ่าหลิงห่าวเช่นกัน ที่สำคัญทั้งสองคนต่างก็เป็นหลานชายของเขาทั้งคู่!
หลิงลี่รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างที่สุดเขารู้สึกราวกับกำลังถูกมีดกรีดลงกลางใจ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ต้องจัดการกับเรื่องนี้ ด้วยเหตุนี้.. เมื่อหลิงหยุนร้องเรียกให้นำตัวเฉินเซินกับไห่ซานเข้ามา หลิงลี่จึงได้ถามหลิงห่าวย้ำอีกครั้ง!
“ท่านปู่..หลิงหยุนปรักปรำข้า!”
ไม่ว่าอย่างไรหลิงห่าวก็ไม่ยอมรับอย่างแน่นอน!
หลิงห่าวนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า“ท่านปู่.. หลังจากที่ท่านมอบหมายให้ข้าออกตามหาหลิงหยุน ข้าก็ทำตามคำสั่งของท่านปู่ทุกอย่าง ข้าส่งคนออกไปตามหาทั่วทุกหัวระแหงด้วยความยากลำบาก และในที่สุดข้าก็พบที่อยู่ของหลิงหยุน ในวันที่ข้าเข้าไปรายงานท่านปู่ ท่านอาสาม และเหล่ากุ่ยก็อยู่กับท่านด้วย..”
“ไม่เพียงข้าไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับหลิงหยุนและไม่มีเหตุผลที่จะต้องฆ่าเขาแล้ว หากข้าจะฆ่าหลิงหยุนจริง ก็คงจะเลือกเวลาที่เหมะสมกว่านี้! ”
หลังจากที่พินิจพิจารณาตามคำพูดของหลิงห่าวแล้วทั้งหลิงลี่และหลิงเสี่ยวต่างก็จำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ และรู้ว่าหลิงห่าวไม่ได้พูดโกหก..
“หลิงหยุน..หลิงห่าวพี่ชายของเจ้าพูดความจริง!”
“เขาพบที่อยู่ของเจ้าหลังจากคืนวันเชงเม้งและหลังจากคืนนั้น.. ท่านปู่ก็ได้ส่งเหล่ากุ่ยไปจิงฉูเพื่อคอยคุ้มครองเจ้า เจ้าบอกว่าหลิงห่าวส่งคนไปลอบสังหารเจ้าหลังจากนั้น น่าจะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมนัก..”
นับเป็นความเฉลียวฉลาดของหลิงเสี่ยว..ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าลูกชายของตนเองนั้นไม่ได้พูดโกหก แต่ในเมื่อเวลานี้หลิงหยุนเองก็ไม่ได้เสียชีวิต หลิงเสี่ยวจึงต้องการทำให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก..
แม้ว่าภายในใจของหลิงเสี่ยวจะร้อนรุ่มเพราะเพลิงโทสะแต่ด้วยอุปนิสัยของหลิงเสี่ยวแล้ว เขาไม่ใช่คนที่จะห้าวหาญเด็ดขาดเช่นหลิงหยุน!
“หึ..”หลิงหยุนทำเสียงเย้ยหยัน ก่อนจะพูดต่อว่า
“เวลาไม่เหมาะสมงั้นรึหลิงห่าวเจ้ายังจะปากแข็งแก้ตัวน้ำขุ่นๆ แต่โชคร้ายที่เจ้าบังเอิญมีเรื่องกับข้า!”
“เจ้าหาข้าพบตั้งแต่ก่อนวันที่27 มีนาคมแล้ว และหลังจากนั้นก็ได้ส่งคนไปลอบสังหารข้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวทุกครั้ง! เจ้าจึงต้องแจ้นมารายงานท่านปู่ว่าพบข้าแล้วไงเล่า! เวลา.. ดูเหมาะสมขึ้นมาบ้างหรือยัง”
และคำอธิบายของหลิงหยุนนั้นก็ได้ทำให้หลิงลี่และทุกคนในตระกูลหลิงถึงกับนิ่งเงียบไปอีกครั้ง ต่างคนต่างก็หันไปมองหน้ากัน.. แม้คำแก้ตัวของหลิงห่าวจะฟังดูมีเหตุผลอย่างมากแต่คำพูดของหลิงหยุนกลับฟังดูมีเหตุผลยิ่งกว่า!
พวกเขาควรจะเชื่อใครดี
หลิงหยุนยิ้มบางก่อนจะพูดต่อว่า“ข้าขอถามท่านปู่.. ท่านสั่งให้หลิงห่าวไปค้นหาตัวข้าวันที่เท่าไหร่”
หลิงลี่ยกมือขึ้นนับและตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “วันที่ 22 มีนาคม..”
หลิงหยุนยิ้มกว้างพร้อมกับผายมือออก“ทุกคนได้ยินชัดแล้วใช่หรือไม่ แม่ของข้าไม่เคยเปลี่ยนชื่อของข้าเลยตั้งแต่นำข้ามาจากวัดหลิงเจี๋วย เพราะเกรงว่าหากครอบครัวของข้าออกตามหา จะไม่สามารถหาข้าพบ.. จึงได้ให้ข้าใช้ชื่อหลิงหยุนมาโดยตลอด!”
“หลิงห่าวใช้เส้นสายและเครือข่ายมากมายของตระกูลหลิงออกตามหาตัวข้า หากเปลี่ยนเป็นทุกท่านในนี้เป็นฝ่ายตามหาข้า เชื่อว่าภายในสองอาทิตย์ก็ต้องหาตัวข้าพบแล้วใช่หรือไม่” เมื่อหลิงหยุนพูดจบ..ทั้งหลิงลี่และหลิงเสี่ยวก็ถึงกับตกใจอย่างที่สุด ส่วนคนอื่นๆ ในตระกูลหลิงก็ได้แต่มองหน้ากันด้วยความกระอักกระอ่วนใจ!
นั่นเพราะ..ด้วยเครือข่ายของตระกูลหลิง คนอื่นๆ ต่างก็รู้ดีว่าตนเองจะสามารถหาหลิงหยุนพบได้ภายในเวลาเพียงแค่สามวัน..
หลิงลี่หันไปจ้องหน้าหลิงห่าวด้วยแววตาเย็นชา..
“หลิงห่าว..ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง! ที่หลิงหยุนพูดมาทั้งหมดนั้นเป็นความจริงหรือไม่ เจ้าบอกความจริงข้ามาเดี๋ยวนี้!”
การที่หลิงห่าวส่งคนไปลอบสังหารพี่น้องตัวเองตามกฏตระกูลหลิงแล้วนับว่าเป็นความผิดมหันต์ หนำซ้ำยังปกปิดเรื่องของหลิงหยุนไว้ ทำให้หลิงลี่และคนตระกูลหลิงหมดความไว้วางใจ นี่ก็คือความผิดมหันต์อีกเช่นกัน!
ตอนนี้..หลิงลี่ถามหลิงห่าวซ้ำอีกครั้ง หากหลิงห่าวยังไม่ยอมรับ และสำนึกผิด ต่อให้ใครอยากจะปกป้อง ก็คงไม่สามารถทำได้อีกแล้ว! “หลิงห่าว..เจ้าบอกความจริงมาเดี๋ยวนี้! เจ้าได้ส่งคนไปลอบสังหารหลิงหยุนหรือไม่”
ในที่สุดหลิงเจิ้นก็พูดออกมาแม้สีหน้าของเขาจะเรียบเฉย แต่น้ำเสียงนั้นบ่งบอกว่ากำลังโกรธเกรี้ยวอย่างที่สุด!
แต่สายตาของหลิงเจิ้นที่กำลังจ้องมองหลิงห่าวนั้นกลับคล้ายกำลังหวาดกลัวว่าหลิงห่าวจะพูดอะไรบางอย่างที่ไม่ควรพูดออกมา..
เมื่อหลิงห่าวเห็นหลิงลี่กับหลิงเจิ้นพากันเค้นถามเช่นนี้เขาจึงลุกขึ้นยืนพร้อมกับร้องตะโกนเสียงดัง
“ท่านปู่..ท่านพ่อ.. ข้าขอสาบานต่อหน้าฟ้าดิน ข้าไม่ได้ทำจริงๆ! อาจเป็นคนอื่นที่ต้องการสังหารหลิงหยุน แต่เมื่อทำไม่สำเร็จก็โยนเรื่องใส่ร้ายป้ายสีข้าก็เป็นได้!”
หลิงห่าวยังคงยืนกรานไม่ยอมรับพร้อมกับอ้างว่าถูกใส่ร้าย และนี่คือสิ่งที่หลิงเจิ้นสอนเขามาอีกที!
“เจ้านายที่เคารพ..ข้านำพวกมันมาแล้ว!” ระหว่างนั้น..เพียร์ซก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู แต่ก็ไม่กล้าเข้าไป หลิงหยุนเหลือบมองพร้อมกับร้องสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“โยนพวกมันสองคนเข้ามาในห้องนี้แล้วเจ้าก็กลับไปได้!”
“โอ๊ย..โอ๊ย..”
เสียงร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นพร้อมๆกัน..
เพียร์ซโยนร่างของเฉินเซินกับไห่ซานเข้าไปในห้องและทั้งคู่ก็นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นครู่หนึ่งก่อนที่จะหยุดนิ่งอยู่กับที่
หลิงหยุนไม่แม้แต่จะเหลือบมองคนทั้งคู่แต่กลับหันไปยิ้มให้หลิงห่าวพร้อมกับพูดขึ้นว่า “หลิงห่าว.. เจ้าดูสิว่าสองคนนี้เป็นใคร”
เมื่อหลิงห่าวเห็นเฉินเซินเข้า..ดวงตาของเขาก็เบิกโพลงจนแทบหลุดออกมาจากเบ้า..
“เฉินเซิน..เจ้าคนชั่วช้าสารเลว! ที่แท้เป็นเจ้าเองงั้นรึที่กล้าใส่ร้ายข้า ข้าจะฆ่าเจ้า!”
หลิงห่าวแสร้งร้องตะโกนด้วยความเคียดแค้นและพุ่งเข้าไปเพื่อที่จะสังหารเฉินเซินด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี หลิงห่าวต้องการฆ่าเฉินเซินปิดปากก่อนที่มันจะได้พูดอะไรออกมา!
แต่น่าเสียดาย..เพราะแม้หลิงห่าวจะรวดเร็วแล้ว แต่หลิงหยุนนั้นรวดเร็วกว่า!
หลิงหยุนได้ระมัดระวังตัวอยู่แล้วเมื่อเห็นหลิงห่าวพุ่งเข้าไปหมายสังหารเฉินเซิน หลิงหยุนก็รีบใช้วิชาตัวเบากระโดดเข้าไปคว้าคอเฉินเซิน และลากหลบออกไปทันที
“หลิงห่าว..เจ้าคิดจะฆ่าคนปิดปากงั้นรึ อย่าได้ฝันไปเลย!”
หลิงหยุนจ้องมองหลิงห่าวที่ไม่สามารถทำสำเร็จพร้อมกับยิ้มเหยียด..
แม้แผนฆ่าคนปิดปากของหลิงห่าวจะล้มเหลวแต่เขาก็ไม่สนใจ และรีบแก้ตัวทันที “เวลานี้ใครๆ ต่างก็รู้ว่าตระกูลเฉินกับตระกูลหลิงล้วนเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ เฉินเซินต้องการใส่ร้ายข้าเพื่อให้พวกเราพี่น้องตระกูลหลิงต้องเข่นฆ่ากันเอง..” “หลิงหยุน..เจ้ายังไม่รีบสังหารมันอีกงั้นรึ”
หลิงหยุนได้ฟังคำตอบที่ฉะฉานของหลิงห่าวก็ถึงกับปรบมือให้ก่อนจะยิ้มออกมา และพูดขึ้นว่า
“เจ้าจะพูดอะไรก็พูดได้..แต่ในเมื่อข้าตั้งใจเปิดโปงความชั่วช้าของเจ้า ข้าย่อมมีวิธีที่จะทำให้เจ้าต้องยอมรับจนได้..”
หลิงหยุนก้มลงมองเฉินเซินที่ยังคงห้อยอยู่ในมือพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เฉินเซิน.. หากข้าไม่ช่วยเจ้าไว้ เจ้าคงจะถูกเพื่อนรักของเจ้าสังหารตายไปแล้ว!”
ระหว่างที่พูดนั้น..หลิงหยุนก็ได้แอบเดินลมปราณคลายจุดให้กับเฉินเซิน เพื่อให้มันสามารถขยับเขยื้อนได้อย่างอิสระ..
หลิงหยุนปล่อยมือจากร่างของเฉินซินทันทีที่ขาทั้งสองข้างของมันสัมผัสกับพื้น ก็เริ่มสั่นเทิ้มไปด้วยความตกใจ ใบหน้าของเฉินเซินซีดเผือด เพราะเพิ่งจะผ่านเสี้ยววินาทีแห่งความเป็นความตายมา.. หลังจากที่ยืนได้มั่นคงแล้วเฉินเซินก็ยกมือขึ้นชี้หน้าหลิงห่าวพร้อมกับร้องตะโกนออกมา “หลิงห่าว.. เจ้าคนชั่วช้าพิษสงรอบตัว!”
“เจ้าเป็นคนขอให้ข้าไปฆ่าหลิงหยุนแท้ๆแต่ตอนนี้กลับจะฆ่าข้าปิดปาก หนำซ้ำยังโยนความผิดให้กับข้าอีก วันนี้ข้าจะเล่าเรื่องทั้งหมดที่เจ้าจ้างข้าไปสังหารหลิงหยุนให้ทุกคนฟังให้หมด!”
จากนั้น..เฉินเซินก็หันไปมองสมาชิกตระกูลหลิงที่อยู่ตรงหน้า
ในอดีตนั้น..เฉินเซินกับหลิงห่าวเป็นเพื่อนสนิทกัน เฉินเซินเองก็มาหาหลิงห่าวที่บ้านตระกูลหลิงอยู่บ่อยๆ ด้วยเหตุนี้ทุกคนในห้องจึงรู้จักเฉินเซินดี
หลิงลี่จ้องมองเฉินเซินด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะหันไปทางหลิงห่าวพร้อมกับร้องเตือนว่า “หลิงห่าว.. หากเจ้ายังคิดที่จะฆ่าเฉินเซินก่อนที่เขาจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้กระจ่างแล้วล่ะก็ ข้านี่ล่ะจะเป็นคนสังหารเจ้าด้วยมือข้าเอง!”
และดูเหมือนว่าครั้งนี้หลิงลี่จะเริ่มเชื่อแล้วว่าหลิงห่าวส่งคนไปลอบฆ่าหลิงหยุนจริงๆ! หลิงห่าวยังคงตอบโต้เสียงแข็ง“ท่านปู่.. ท่านจะเชื่อคำพูดของเฉินเซินได้อย่างไรกัน ในเมื่อมันเป็นคนตระกูลเฉิน มันจ้องที่จะเห็นตระกูลหลิงเข่นฆ่ากันเอง ท่านปู่อย่าได้ไปฟังคำพูดของมัน!”
เฉินเซินหันไปมองหลิงหยุนอย่างระมัดระวังและหลิงหยุนก็พูดขึ้นว่า “เจ้าเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทุกคนฟัง ไม่ต้องห่วง.. มีข้าอยู่ที่นี่ทั้งคน ไม่มีใครทำอะไรเจ้าได้แน่!”
ดังนั้น..เฉินเซินจึงเริ่มอ้าปากพูด และเริ่มเล่าตั้งแต่ครั้งแรกที่หลิงห่าวมาพบกับตนด้วยเรื่องของหลิงหยุน จนกระทั่งจ้างคนขับรถพ่วงชนหลิงหยุน ไปจนถึงที่หลิงหยุนกลับไปเรียนตามปกติ
เฉินเซินกัดฟันกรอดพร้อมกับพูดขึ้นว่า“หลิงห่าวต้องการที่จะได้เป็นผู้นำตระกูลหลิงคนต่อไป มันจึงต้องการกำจัดหลิงหยุนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในวันข้างหน้า ถึงกับยอมจ่ายเงินให้ข้าถึงยี่สิบล้าน ส่วนข้าเองก็ร้อนเงินจึงรับปากทำงานนี้ให้กับมัน..” มาถึงตอนนี้..เฉินเซินแค้นใจหลิงหห่าวมาก เขาถึงกับบอกเล่าสาเหตุที่หลิงห่าวต้องการสังหารหลิงหยุนออกมาให้ทุกคนฟังด้วย!
ทันทีที่เฉินเซินเล่าจบ..ความจริงทุกอย่างก็ถูกเปิดเผยออกมา หากคนผู้นั้นไม่ได้โง่นัก ก็ย่อมรู้ว่าคำบอกเล่าของเฉินเซินนั้นไม่น่าจะเป็นคำโกหก
ในเวลานั้น..สายตาทุกคู่ของคนตระกูลหลิงต่างก็จับจ้องไปที่ร่างของหลิงห่าว แววตาของทุกคนต่างก็เต็มไปด้วยความตกใจ ความโกรธ ความผิดหวัง และความเสียใจ ผสมปนเปกันไปหมด..
“เหตุใดทุกคนจึงมองข้าด้วยสายตาเช่นนี้!ทุกคนเชื่อคำพูดของเฉินเซินงั้นรึ เหตุใดทุกคนจึงเชื่อคำพูดของศัตรู?” ไอลีนโนเวล
“อย่าลืมสิว่าเฉินเซินเป็นคนของตระกูลเฉิน!คำพูดของมันจะน่าเชื่อถือได้อย่างไรกัน เฉินเซินมันต้องการให้ร้ายข้า..”
หลิงห่าวยังคงโต้เถียงและยืนกรานปฏิเสธ เขามั่นใจว่าตราบใดที่เขาไม่ยอมรับ หลิงหยุนก็ไม่มีทางทำอะไรได้!
“หลิงห่าว..เจ้าทำให้ปู่ผิดหวังมากจริงๆ!”
หลิงลี่ได้ฟังเรื่องทั้งหมดและเห็นท่าทางของหลิงห่าว เขาก็เข้าใจทุกอย่างได้ทันที และถึงกับพูดออกมาด้วยความเจ็บปวดใจอย่างที่สุด!
“พวกเราทุกคนในตระกูลหลิงไม่ว่าหญิงหรือชาย..มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเจ้าต้องการที่จะเป็นผู้นำตระกูลหลิงมากเพียงใด”
“และตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาปู่เองก็เฝ้าเลี้ยงดูเจ้ามาเพื่อหวังให้เจ้าได้เป็นผู้นำตระกูลหลิงในวันข้างหน้า แต่กลับคิดไม่ถึงว่าความรักของปู่ที่มีให้เจ้า กลับกลายเป็นการทำร้ายเจ้า และทำลายความเป็นมนุษย์ของเจ้า!”
หลังจากที่หลิงลี่พูดกับหลิงห่าวแล้วเขาก็หันไปถามเฉินเซินต่อ “เฉินเซิน.. ข้าขอถามเจ้า หลิงห่าวไปพบเจ้าเมื่อใด”
เฉินเซินแทบไม่ต้องคิดมันตอบหลิงลี่กลับไปทันที “ท่านปู่หลิง..”
หลิงลี่โบกมือห้าม“อย่าเรียกข้าว่าท่านปู่.. ข้าไม่ใช่ท่านปู่ของเจ้า! เจ้าตอบคำถามข้ามาก็พอ..”
เฉินเซินพยักหน้าและตอบกลับไปทันที “หลิงห่าวไปพบข้าในคืนวันที่ 23 มีนาคม และข้าก็เป็นหนี้พนันอยู่ยี่สิบล้าน ซึ่งจะต้องคืนให้กับบ่อนในวันที่ 24 มีนาคม ข้าจึงจดจำวันที่ได้แม่นยำ..”
หลิงลี่ถามต่อว่า“แล้วเจ้าเป็นหนี้ที่บ่อนใดกันแน่ ”
เฉินเซินตอบกลับไปตามความจริง“ข้าเป็นหนี้เย่เทียนสุ่ยแห่งตระกูลเย่ ใครๆก็รู้ว่าเขาเปิดบ่อนใต้ดินอยู่..”
เมื่อฟังมาถึงตรงนี้สีหน้าของหลิงห่าวก็เปลี่ยนไปทันที! เพราะเขาอาจจะปฏิเสธต่อหน้าเฉินเซินได้ แต่เย่เทียนสุ่ยนั้นอยู่ในปักกิ่ง คนตระกูลหลิงย่อมไปสอบถามความจริงได้ทุกเมื่อ..
หลิงลี่ได้ฟังก็หันไปถามหลิงห่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาอีกครั้ง“หลิงห่าว.. ข้าขอถามเจ้าอีกครั้ง.. เจ้าจะยอมรับหรือไม่”
หลิงห่าวยังคงยืนกราน“ท่านปู่.. ข้าไม่ทำเรื่องเช่นนี้แน่! ต่อให้ท่านฆ่าข้าตอนนี้ ข้าก็ไม่ยอมรับ!”
ระหว่างที่ร้องตะโกนนั้นหลิงห่าวก็ยกมือขึ้นชี้หน้าหลิงหยุน “หลิงหยุนเก่งกาจถึงเพียงนี้ เขาจับเฉินเซินมาได้ ก็ต้องบังคับเฉินเซินให้ใส่ร้ายข้าได้เช่นกัน! เขาต้องเสี้ยมสอนให้เฉินเซินพูดจาให้ร้ายข้า..”
“แค่มีปากจะพูดอะไรก็ได้!”
หลิงห่าวยังคงได้แต่หวังว่าตนเองนั้นได้ทำลายหลักฐานหมดแล้วและหากหลิงหยุนไม่มีหลักฐานอื่น ก็คงยากที่จะทำอะไรตนเองได้!
“หึ..แค่มีปากจะพูดอะไรก็ได้งั้นรึ หลิงหยุนสังหารคนตระกูลเฉินไปตั้งมากมาย เหตุใดจับตัวเฉินเซินได้แต่กลับไม่ฆ่า? แล้วเหตุใดหลิงหยุนจึงต้องจับตัวเฉินเซินเพื่อมาให้ร้ายเจ้าด้วย? เจ้ามีคุณสมบัติถึงเพียงนั้นเชียวรึ?”
มาถึงตอนนี้..หลิงลี่ผิดหวังกับหลิงห่าวอย่างที่สุด!
หลิงห่าวเห็นแววตาท่าทาง และน้ำเสียงของหลิงลี่ ก็รู้ได้ทันทีว่าตนเองนั้นมาถึงทางต้นแล้ว จึงได้แต่ร้องโวยวาย..
“ท่านปู่..ท่านลำเอียง ข้าไม่ยอมรับแน่!”
ปัง!
หลิงลี่ยกมือขึ้นตบโต๊ะเสียงดังพร้อมกับร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห “เจ้าหลานชั่ว.. นี่เจ้า..”
หลิงหยุนไม่รีบร้อนนักเขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หลิงห่าว.. ในเมื่อเจ้าถามหาหลักฐาน ได้.. ข้าจะให้เจ้าได้เห็นหลักฐานตามที่ต้องการ!”
และหลักฐานสำคัญชิ้นแรกที่หลิงหยุนเรียกออกมาจากแหวนพื้นที่ก็คือ..คลิปกล้องวงจรปิดของร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่แห่งหนึ่งในเมืองจิงฉู ที่ได้บันทึกภาพก่อนที่หลิงหยุนจะตายเพียงสองสามวัน..
ภายในคลิปวีดีโอนั้นมีภาพของไห่ซานและคนของหลิงห่าวที่ส่งไปจับตาดูหลิงหยุนที่เมืองจิงฉู และนักบินตระกูลหลิงทั้งสองคนก็เคยยืนยันกับหลิงหยุนว่าเป็นคนของหลิงห่าว..
ยิ่งไปกว่านั้น..ในคลิปวีดีโอยังตรงกับเรื่องราวที่เฉินเซินเล่าทุกประการ ต่อให้หลิงห่าวอยากจะปฏิเสธ ก็คงยากที่จะปฏิเสธได้..
จากนั้น..หลักฐานชิ้นที่สองก็ถูกเรียกออกมา มันก็คือเช็คจำนวนสองล้านที่หลิงหยุนได้มาจากโต๊ะข้างหัวเตียงในห้องนอนของเฉินเซินนั่นเอง ในเช็คระบุทั้งวันที่ และมีลายเซ็นต์ของหลิงห่าว!
หลิงหยุนเรียกหลักฐานทั้งสองชิ้นออกมาแล้วและได้อธิบายให้ทุกคนฟังคร่าวๆ ก่อนจะมอบหลักฐานทั้งหมดให้กับหลิงลี่..
“ท่านปู่..นี่เป็นคลิปวีดีโอจากกล้องวงจรปิดของร้านอินเทอร์เน็ตค่าเฟ่ที่บันทึกไว้สองวันก่อนที่พวกมันจะฆ่าข้า ท่านปู่เปิดดูก็จะรู้ความจริงทุกอย่างเอง..”
หลิงห่าวที่เห็นหลิงหยุนมีคลิปวีดีโอกล้องวงจรปิดก็ถึงกับตกใจจนหน้าซีด..
“กล้อง..คลิปจากกล้องวงจรปิดงั้นรึ”
หลิงหยุนหันไปยิ้มให้กับหลิงห่าวที่กำลังหวาดกลัวอย่างมากเขาแสยะยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “ใช่.. ตอนนี้รู้สึกกลัวขึ้นมาแล้วสินะ”
“หลิงซิ่ว..เจ้าไปหยิบคอมพิวเตอร์มาให้ปู่ที!”
แต่หลิงหยุนกลับร้องบอกว่า“ท่านปู่.. ข้ามี!”
จากนั้นหลิงหยุนก็เรียกโน๊ตบุ๊คออกมาจากแหวนพื้นที่และจัดการเปิดคลิปวีดีโอให้หลิงลี่ดูทันที
“ท่านปู่..ผู้ชายอีกคนที่ไม่ใช่ไห่ซานนั้น ข้าเชื่อว่าทุกคนในตระกูลหลิงน่าจะรู้จักดี!”
ทุกคนในตระกูลหลิงต่างก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีและรีบพากันไปยืนมุงอยู่ด้านหลังของหลิงลี่ เพื่อดูคลิปวีดีโอจากกล้องวงจรปิด..
จากนั้นหลิงหยุนจึงหยิบเครื่องมือสื่อสารออกมาโทรเรียกเสี่ยวเม่ยๆและคนอื่นๆที่รออยู่ด้านนอกของคฤหาสน์ตระกูลหลิง..
“คนนี้คือไห่ซาน..ส่วนนั่น.. นั่นมันจ้าวผิงไม่ใช่รึ”
“ใช่แล้ว..จ้าวผิงจริงๆด้วย! เขาเป็นยอดฝีมือขั้นโฮ่วเทียน-3 แล้วก็เป็นคนสนิทของพี่หลิงห่าวนี่!”
“มิน่า..ช่วงปลายมีนาคมถึงได้ไม่เห็นจ้าวผิงอยู่กับพี่หลิงห่าว คงเพราะเดินทางไปจิงฉูนี่เอง!”
หลิงหยุนพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ“ท่านปู่.. จ้าวผิงพบข้าก่อนไห่ซาน มันไปที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่นั่นตั้งแต่วันที่ 24 ถึงวันที่ 27 มีนาคม ตลอดสี่วันนี้มันจับตาดูข้าทั้งกลางวันกลางคืนเลยทีเดียว..”
“แล้วก็ยังมีเช็คจำนวนยีสิบล้านที่มีลายเซ็นต์ของหลิงห่าวแต่เมื่อพบว่าข้ายังไม่ตาย เฉินเซินจึงคืนเช็คยี่สิบล้านนั่นให้กับหลิงห่าว และหลิงห่าวก็ได้มอบเช็คสองล้านให้เฉินเซินเป็นค่าเสียเวลาแทน และในเช็คก็ลงวันที่ 28 มีนาคม.. ท่านปู่ท่านดูสิ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร