Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1134

“อะไรนะ!”
  หลิงหยุนฟังคำบอกเล่าของเย่ซิงเฉินแล้วถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจนั่นเพราะหากสิ่งที่นางพูดเป็นเรื่องจริงย่อมหมายความว่า ในประเทศนี้มีผู้ฝึกบ่มเพาะตนอย่างเขาอยู่จริงๆ และน่าจะมีจำนวนมากอย่างที่เขาคิดไม่ถึง..
  และหากตระกูลเย่สามารถจัดประมูลของวิเศษจากผู้ฝึกบ่มเพาะเช่นเขาได้ตระกูลเย่ย่อมต้องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้บ่มเพาะตนเหล่านั้นด้วย..
  หากเป็นเช่นนั้นจริง..ตระกูลเย่จะมีอำนาจอิทธิพลมหาศาลมากเพียงใด เพราะแม้แต่เหล่าผู้บ่มเพาะตนยังต้องให้หน้าตระกูลเย่!
  เมื่อคิดได้เช่นนี้..คิ้วรูปดาบของหลิงหยุนถึงกับขมวดเข้าหากันแน่น!   หากห้องประมูลของตระกูลเย่มีของวิเศษที่เหล่าผู้บ่มเพาะนำมาประมูลแลกเปลี่ยนกันจริงย่อมเป็นประโยชน์ต่อการฝึกฝนของเขาในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน..
  นั่นเพราะของวิเศษต่างๆที่เขาไม่ต้องการแล้วก็สามารถนำไปขายผ่านห้องประมูลนี้ และยังสามารถหาซื้อของวิเศษที่คาดไม่ถึงได้จากที่ห้องประมูลนี้ด้วยเช่นกัน!
  หลิงหยุนกำลังครุ่นคิดถึงประโยชน์มากมายมหาศาลที่ผู้จัดการประมูลจะได้รับ..
  ในเมื่อผู้จัดการประมูลคือผู้ที่ได้เห็นของที่จะนำมาประมูลเป็นคนแรกหากพบว่าเป็นสมบัติล้ำค่าจริง ผู้จัดประมูลสามารถซื้อเก็บไว้เองได้ แล้วจึงนำมาขายเมื่อมีผู้สนใจอยากได้จริงๆ เช่นนี้แล้วจะสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว
  นอกเหนือจากเงินทองจำนวนมากที่จะได้รับ..ผู้จัดประมูลยังจะได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่เป็นความลับอีกมากมาย
  ผู้ที่สามารถจัดห้องประมูลชาวยุทธขนาดใหญ่ได้จึงสามารถควบคุมชาวยุทธ ควบคุมทรัพยากรในการฝึก ควบคุมข้อมูลข่าวสาร และควบคุมผลกำไรได้ตามใจชอบ..
  เช่นนี้แล้วตระกูลหลงกับตระกูลเย่จะยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งมากเพียงใด
  เมื่อครั้งที่อยู่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่หลิงหยุนเองก็เคยจัดการประมูลในลักษณะนี้มาก่อนเช่นกัน จึงรู้ว่าผลประโยชน์ที่ได้รับนั้นมีมากมายมหาศาลเพียงใด
  ในครั้งนั้นเขาเองก็นำเอาโอสถที่กลั่นเองยันต์ที่ตนเองปลุกเสก หินพลังชีวิต และอีกมากมายมาขายในห้องประมูลที่ตนเองจัดขึ้นเช่นกัน..
  “หลิงหยุน..อาจารย์ของเจ้าเป็นผู้ใดกัน นี่เขาไม่ได้เล่าเรื่องพวกนี้ให้เจ้าฟังบ้างเลยงั้นรึ? เจ้าถึงได้ทำหน้าตาตกใจราวกับเด็กไร้เดียงสาเช่นนี้..”
  เย่ซิงเฉินถามขึ้นเมื่อเห็นหลิงหยุนนิ่งอึ้งไปหลังจากที่ตนพูดเรื่องผู้บ่มเพาะตนขึ้นมาแล้วจึงอธิบายต่อว่า  “เขาจงหนานเป็นสถานที่ที่เหล่าผู้ฝึกบ่มเพาะตนไปรวมตัวกันและที่เขาฉู่ซานก็มีเซียนกระบี่ คุนหลุนมีดินแดนลี้ลับ และเผิงไล๋ซึ่งอยู่แถบทะเลจีนตะวันออกก็มีเหล่าเซียนในตำนานเล่าขานอาศัยอยู่..”
  เย่ซิงเฉินอธิบายให้หลิงหยุนฟังอย่างละเอียดแต่หลิงหยุนกลับกำลังครุ่นคิดอยู่กับเรื่องห้องประมูลชาวยุทธ เขาจึงรีบบอกกับนางว่า
  “เรื่องผู้บ่มเพาะตนบนโลกใบนี้ข้าเองก็รู้มานานแล้ว..”
  ไม่ว่าจะเป็นสมุดจักรพรรดิพู่กันจักรพรรดิ หม้อเสินหนง ตะเกียงวิเศษ ประคำโพธิ น้ำเต้าวิเศษ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นของวิเศษที่เหล่ายอดฝีมือระดับปรมาจารย์ใช้ทั้งสิ้น..
  อีกทั้งมังกรจริงๆหลิวเทวะวิญญาณ แม้กระทั่งร่างของหลวงจีนกายเพชร เขาก็เห็นมากับตาตัวเองแล้วเช่นกัน..
  หนำซ้ำเมื่อคืนวันที่14 กรกฏาคมตามปฏิทินจีนนั้น หลิงหยุนก็ได้พบกับผู้บ่มเพาะตนที่ค่ายกลดักมังกรมาแล้วด้วย..
  แต่สิ่งที่เย่ซิงเฉินเปิดเผยออกมานั้นหลิงหยุนเองก็เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกเช่นกัน แต่นั่นทำให้เขาเริ่มมั่นใจมากขึ้นว่า ตำนานเล่าขานที่เล่ากันต่อๆมานั้น น่าจะมีมูลความจริงอยู่มาก..
  เขามาจากโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่เริ่มฝึกบ่มเพาะมาจนเกือบจะเข้าสู่ขั้นอมตะได้ จึงพบเห็นสิ่งที่อัศจรรย์ และน่าเหลือเชื่อมามากมาย..
  เย่ซิงเฉินมองหน้าหลิงหยุนพร้อมกับถามยิ้มๆ“ก็ถ้าเจ้ารู้แล้ว เหตุใดยังต้องทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเช่นนั้นด้วยเล่า”
  หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยและตอบกลับไปว่า “ข้ากำลังคิดเรื่องห้องประมูลชาวยุทธอยู่!”
  เย่ซิงเฉินนึกแปลกใจที่หลิงหยุนยังคงคิดเรื่องนี้อยู่“ห้องประมูลชาวยุทธมีอยู่มากมาย เจ้ากำลังคิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้งั้นรึ”   หลิงหยุนยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ“ก็ในเมื่อข้ามาอยู่ปักกิ่งแล้ว.. ห้องประมูลชาวยุทธก็ไม่ควรตกอยู่ในมือของตระกูลหลงกับตระกูลเย่อีกน่ะสิ!”
  เย่ซิงเฉินเข้าใจได้ในทันทีและรีบถามกลับไปว่า “นี่เจ้าคิดจะแย่งธุรกิจนี้มาจากตระกูลหลงกับตระกูลเย่งั้นรึ”
  หลิงหยุนหัวเราะออกมาอย่างถูกใจและเอื้อมมือออกไปจะจับไหล่บอบบงของเย่ซิงเฉิน แต่นางเบี่ยงหลบเสียก่อน แล้วเอ่ยชมว่า
  “เจ้าช่างหลักแหลมนัก!ถูกต้องแล้ว.. ข้าจะแย่งกิจการนี้มาจากตระกูลหลงกับตระกูลเย่..”
  หากเขาทำเช่นนั้นจริง..ตระกูลหลิงคงต้องเป็นศัตรูกับสองตระกูลใหญ่อย่างแน่นอน และหลิงหยุนเองก็รู้ว่าตระกูลหลงกับตระกูลเย่นั้น เป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง และน่ากลัวยิ่งนัก!
  เย่ซิงเฉินไม่ใช่หญิงสาวที่หวาดกลัวอะไรง่ายๆหลังจากได้ฟังคำตอบของหลิงหยุน นางจึงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น  “เจ้ามีแผนการแล้วงั้นรึ”
  หลิงหยุนส่ายหน้าพร้อมกับตอบไปว่า“เรื่องนี้ข้ายังไม่รีบร้อนนัก! รอให้จัดการกับตระกูลซันและตระกูลเฉินเสียก่อน แล้วเราค่อยปรึกษาเรื่องนี้กันอีกครั้้ง..”
  เมื่อพูดถึงตระกูลซันกับตระกูลเฉินขึ้นมาสีหน้าของเย่ซิงเฉินก็เปลี่ยนเป็นกังวลใจขึ้นมาทันที หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นก็พอจะคาดเดาได้ว่า ต้องมีเรื่องที่หนักหนาเกินกว่าที่เขาจะสามารถควบคุมได้ จึงได้แต่ร้องถามออกไปว่า
  “มีเรื่องหนักใจงั้นรึ”
  เย่ซิงเฉินพยักหน้าและตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “หลิงหยุน.. ตระกูลเฉินรับมือได้ยากกว่าที่เจ้าคิดไว้มาก เจ้าต้องระมัดระวัง และเตรียมการให้ดี!”
  หลิงหยุนยิ้มพร้อมตอบกลับไปด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่ไร้กังวล “เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับความเป็นความตายของคนตระกูลหลิง ข้าย่อมต้องเตรียมการรับมืออย่างดีที่สุดอยู่แล้ว!”   และเวลานี้..หลิงหยุนก็ได้เตรียมการจนเกือบเสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงแค่การเตรียมการเล็กๆน้อยๆอย่างการปลุกเสกยันต์ระดับสูง และเร่งฝึกฝนให้ร่างกายของตนเองเข้าสู่ความสมบูรณ์สูงสุด เพื่อให้พร้อมเผชิญหน้ากับการประลอง..
  แต่เย่ซิงเฉินกลับส่ายหน้าไปมาอย่างกังวลใจและพูดขึ้นว่า “หลิงหยุน.. มันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิด..”
  “จากข่าวที่ข้าได้มา..เวลานี้เฉินจิ้งเฉวียนได้ยอดฝีมือจากหน่วยนภามาช่วยอย่างน้อยสี่คน และทุกคนล้วนเป็นยอดฝีมือระดับเซียงเทียน-9 ขึ้นไปแล้วทั้งสิ้น!”
  “หากนับรวมเฉินจิ้งเฉวียนด้วยแล้ว..ฝ่ายนั้นก็มียอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-9 ถึงห้าคนเลยทีเดียว!”
  “นอกจากนี้..เฉินจิ้งเฉวียนยังส่งคนไปประเทศญี่ปุ่น เชิญนินจาระดับอาวุโสให้มาช่วยในครั้งนี้ด้วย และนินจาอาวุโสเหล่านั้นก็ล้วนแล้วแต่มาจากตระกูลโทคุงาวะ และตระกูลยากิอุซึ่งเป็นศัตรูของเจ้าทั้งสิ้น!”
  “หากข้าคาดการไม่ผิด..นินจาอาวุโสเหล่านั้นจะมาถึงตระกูลเฉินไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้!”
  ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-9ห้าคน หนำซ้ำยังนินจาอาวุโสจากตระกูลโทคุงาวะ และตระกูลยากิอุจากประเทศญี่ปุ่นร่วมด้วยอีก หลิงหยุนได้ฟังยังถึงกับใจสั่น และตกใจไม่น้อย!
  นั่นเพราะต่อให้หลิงหยุนสามารถเอาชนะตระกูลเฉินได้ก็ต้องกลายมาเป็นศัตรูกับหน่วยนภา และเหล่านินจาญี่ปุ่นอีก..
  หลิงหยุนถึงกับกรอกตาไปมาและร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห “เฉินจิ้งเฉวียน.. เจ้าช่างร้ายกาจยิ่งนัก ถึงตายก็ยังทิ้งศัตรูไว้ให้ข้าอีกงั้นรึ”
  เย่ซิงเฉินจ้องมองหลิงหยุนด้วยสีหน้านิ่งเรียบและพูดต่อว่า “ข้ารู้มาว่าครั้งนี้เหล่านินจาที่เฉินจิ้งเฉวียนเชิญมานั้นล้วนเป็นนินจาขั้นเงาทั้งสิ้น แต่จะเชิญมากี่คนนั้นข้าเองก็ไม่รู้ แต่ข้าว่าต้องไม่ต่ำกว่าห้าคนเป็นแน่!”   หลิงหยุนขมวดคิ้วพร้อมกับถามขึ้นว่า“นินจาขั้นเงางั้นรึ”
  เมื่อครั้งที่หลิงหยุนจับยามาดะกับมิตซุยมาได้นั้นเขาได้ข้อมูลมาว่านินจาขั้นโจนินนั้นเหนือกว่าขั้นจูนิน และที่เหนือกว่าโจนินก็คือนินจาขั้นเงา..
  ตระกูลโทคุงาวะนั้นมีนินจาขั้นเงาอยู่มากมายและที่สำคัญยังมีนินจาที่แข็งแกร่ง และลึกลับอย่างนินจาขั้นเงาเทวะด้วย!
  และนี่คือนินจาที่ทรงพลังและแข็งแกร่งที่สุดแล้ว!
  ………..
  หลิงหยุนนึกขอบคุณยามาดะที่ได้บอกข้อมูลเกี่ยวกับนินจาให้ตนฟังในครั้งนั้นทำให้เขาสามารถประเมินความแข็งแกร่งของนินจากระดับต่างๆได้ดีขึ้น..
  ยามาดะนั้นเป็นนินจาขั้นจูนินเทียบเท่ายอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-7
  ส่วนโทคุงาวะมุโตะซึ่งเขาสังหารตายที่เทือกเขาเซียนเหยินหลิงนั้น เป็นนินจาขั้นโจนินซึ่งเทียบเท่ากับยอดฝีมือที่เหลืออีกเพียงครึ่งระดับก็จะเข้าสู่ระดับหนึ่งขั้นเซียงเทียน-9
  หลิงหยุนประเมินว่านินจาขั้นโจนินน่าจะอยู่ในระดับหนึ่งขั้นเซียงเทียน-9เช่นนั้นแล้วนินจาขั้นเงาที่เหนือกว่าขั้นโจนินน่าจะอยู่ในระดับสองขั้นเซียงเทียน-9ขึ้นไปอย่างแน่นอน!
  นั่นหมายความว่า..หากเฉินจิ้งเฉวียนเชิญนินจาขั้นเงามาจริง หลิงหยุนก็จะต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับสองขั้นเซียงเทียน-9 อีกถึงห้าคน!
  แต่นั่นเป็นเพียงแค่ขั้นของกำลังภายในเพียงอย่างเดียวเท่านั้นเหล่านินจายังมีวิชาพรางตัว อาวุธลับ และคาถาอาคมอีกมากมาย จึงมีรูปแบบการต่อสู้ที่สามารถพลิกแพลงได้หลากหลาย นับเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งสำหรับหลิงหยุนมากทีเดียว!
  ยอดฝีมือขั้นพลังเหนือธรรมชาติจากหน่วยนภาห้าคนและนินจาขั้นเงาอีกอย่างน้อยห้าคน มีหรือที่หลิงหยุนจะไม่รู้สึกกดดันขึ้นมาทันที!
  ไม่แปลกที่เย่ซิงเฉินเรียกหลิงหยุนมาพบเพื่อเตือนให้ระมัดระวังตัวเพราะด้วยกำลังความแข็งแกร่งของตระกูลหลิงเวลานี้ หากเทียบกับยอดฝีมือที่ตระกูลเฉินเตรียมมานั้น อาจพูดได้ว่าตระกูลหลิงกำลังเดินเข้าไปหาความตายก็ไม่ผิดนัก!
  แต่สิ่งที่เย่ซิงเฉินรู้มานั้นก็เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเพราะหลิงหยุนเองก็เชื่อว่าคนอย่างเฉินจิ้งเฉวียนนั้น ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางสู้กับเขาซึ่งหน้าอย่างตรงไปตรงมาเป็นแน่..
  เมื่อเห็นสีหน้าของหลิงหยุนเย่ซิงเฉินจึงถามยิ้มๆ “ทำไม ตอนนี้รู้สึกกดดันแล้วงั้นรึ?”
  หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับตอบไปว่า“เฉินจิ้งเฉวียนเชิญยอดฝีมือระดับปรมาจารย์มามากมายเช่นนี้ หากเป็นเจ้า เจ้าจะไม่รู้สึกกดดันงั้นรึ”
  แต่เรื่องที่เย่ซิงเฉินกำลังจะเล่าต่อไปนั้นก็ทำให้หลิงหยุนแทบกระอักเลือดทันที!
  “ยังมีอีกเรื่องที่ข้ารู้มา..”
  “ครั้งนี้เพื่อจะจัดการกับเจ้าให้ได้..ตระกูลซันยังได้เข้าเป็นพันธมิตรกับตระกูลเฉิน และตระกูลซันเองก็ไม่ได้นิ่งดูดาย ผู้นำตระกูลซันได้เชิญยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนจากหน่วยนภามาคุ้มครอง และได้เชิญตระกูลเก่าแก่ต่างๆให้มาร่วมมือด้วย..”
  “แล้วยอดฝีมือจากตระกูลเก่าแก่เหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในขั้นเซียงเทียน-9 ด้วยเช่นกัน!”
  “นี่เท่ากับว่าเจ้ากำลังถูกขนาบด้วยยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-9จากทั้งสองตระกูล!”
  หลิงหยุนกระพริบตาพร้อมกับถามขึ้นว่า“นี่หมายความว่าตระกูลซันก็จะเข้าร่วมการประลองพร้อมกับตระกูลเฉิน เพื่อจัดการกับตระกูลหลิงด้วยงั้นรึ”
  เย่ซิงเฉินพยักหน้า“ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน! เพราะนี่เป็นโอกาสเดียวของตระกูลซัน หากข้าคาดการไม่ผิด.. ภายในสองสามวันนี้ตระกูลซันต้องประกาศสงครามกับตระกูลหลิงอย่างเป็นทางการแน่!” Aileen-novel
  หลิงหยุนได้ฟังถึงกับกลืนน้ำลายด้วยความยากลำบากพร้อมกับเรียกหาเก้าอี้ทันที “เก้าอี้.. เจ้าหาเก้าอี้ให้ข้านั่งหน่อย ข้าหมดเรี่ยวแรงจะยืนต่อแล้ว!”
  เย่ซิงเฉินร้องตะโกนบอกเสียงดังด้วยความรำคาญเมื่อเห็นหลิงหยุนแสดงท่าทางเกินจริง “อยู่ข้างหลังเจ้าไงเล่า!”
  หลิงหยุนรีบทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทันที..
  ครั้งนี้..หากหลิงหยุนสามารถเอาชนะตระกูลเฉินได้ ก็ต้องกลายมาเป็นศัตรูกับหน่วยนภาที่แข็งแกร่งกว่าตระกูลเฉินหลายเท่านัก มันช่างไม่คุ้มค่าเลยจริงๆ!
  และหากหลิงหยุนสังหารเหล่านินจาอาวุโสขั้นเงาก็ย่อมเป็นการเปิดศึกกับเหล่านินจาทั้งประเทศญี่ปุ่น เช่นนี้แล้วด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลหลิงเวลานี้ จะสามารถรับมือได้อย่างไรกัน  หลิงหยุนพยายามสงบจิตสงบใจและถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ตระกูลหลิงปฏิเสธคำท้าจากตระกูลซันได้หรือไม่”
  เย่ซิงเฉินตอบกลับทันที“ย่อมได้อยู่แล้ว! แต่หากตระกูลซันเยาะเย้ยถากถาง เจ้าจะทนไม่รับคำท้าได้งั้นรึ”
  หากตระกูลหลิงไม่รับคำท้าก็ย่อมแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของตระกูลหลิง และถึงแม้ว่าตระกูลหลิงจะไม่ยอมรับคำท้า ตระกูลซันก็สามารถส่งคนไปช่วยตระกูลเฉินได้อยู่ดี เพราะตามกฏแล้ว ตระกูลเฉินสามารถเชิญยอดฝีมือภายนอกมาช่วยได้!
  หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่งเย่ซิงเฉินก็เตือนหลิงหยุนว่า “หลิงหยุน.. เจ้าต้องระมัดระวังตระกูลเก่าแก่ที่ตระกูลซันเชิญมาให้ดี พวกเขาล้วนเป็นตระกูลเก่าแก่จากโพ้นทะเล! ภูมิหลังของพวกเขายิ่งใหญ่มากทีเดียว”
  เย่ซิงเฉินไม่รอให้หลิงหยุนต้องถามและเล่าต่อทันที “ตระกูลใหญ่แถบโพ้นทะเลนี้ มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้บ่มเพาะตนที่อยู่แถบทะเลจีนตะวันออก..”
  “ชาวยุทธในประเทศนี้แบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆคือกลุ่มภาคพื้นดิน และกลุ่มโพ้นทะเล กลุ่มภาคพื้นดินเจ้าเองก็พอรู้เห็นมาบ้างแล้ว ข้าจะไม่พูดถึง..”
  “กลุ่มโพ้นทะเลนั้นเกิดจากการรวมกลุ่มกันระหว่างยอดฝีมือจากสำนักต่างๆ และตระกูลเก่าแก่ที่อาศัยอยู่ในแถบทะเลจีนตะวันออก และทะเลจีนใต้..”
  “เมื่อหลายพันปีก่อนเหล่าชาวยุทธจากสำนักต่างๆและตระกูลเก่าแก่ที่เคยร่วมกันทำสงคราม ได้หลบหนีศัตรูไปอยู่ตามเกาะกลางทะเลในแถบทะเลจีนตะวันออก และทะเลจีนใต้..”
  “ยอดฝีมือขั้นพลังเหนือธรรมชาติและผู้บ่มเพาะมากมาย ที่หลงเสน่ห์ตำนานเซียนบนเกาะเผิงไล๋ ต่างก็พากันย้ายไปอยู่ในดินแดนแถบทะเลจีนตะวันออก และตั้งกลุ่มชื่อว่าพันธมิตรทะเลจีนตะวันออก!”
  “ดินแดนแถบทะเลจีนตะวันออกนั้นจึงเป็นพื้นที่พิเศษ และไม่อยู่ภายใต้กฏเกณฑ์ใดๆของเหล่าชายยุทธภาคพื้นดิน ที่นั่น.. เคารพกันด้วยความแข็งแกร่งเท่านั้น!”
  “ตระกูลเก่าแก่ที่สามารถครอบครองดินแดนและมีชีวิตรอดอยู่ในดินแดนแถบทะเลจีนตะวันออกได้นั้น จึงต้องแข็งแกร่ง และมีอำนาจอิทธิพลอย่างมากมาย!”
  ……
  หลิงหยุนได้ฟังถึงกับหนักอกหนักใจและคิดว่าการต่อสู้ในครั้งนี้นั้นหนักหน่วงกว่าที่เขาคิดไว้มาก..
  “แล้วทะเลจีนใต้ล่ะ”
  “กลุ่มนั้นก็จะเรียกว่าพันธมิตรทะเลจีนใต้!ไว้มีเวลาข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง!”
  “ก็จะเรียกว่าพันธมิตรทะเลจีนใต้ไงเล่า!ที่นั่นก็มีเกาะมากมายเช่นกัน ไว้มีเวลาข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง! ทั้งสองกลุ่มมีความแตกต่างกันมาก..”
  ……  หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออก..แต่แล้วก็หันไปบอกเย่ซิงเฉินว่า
  “พันธมิตรทะเลจีนตะวันออกและพันธมิตรทะเลจีนใต้ ล้วนแล้วแต่น่าสนใจยิ่งนัก วันหน้าพวกเราไปที่นั่นกันดีกว่า!”
  “แม้ข้าเองจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับตระกูลเก่าแก่หรือสำนักต่างๆของกลุ่มพันธมิตรทะเลจีนตะวันออก แต่หากพวกเขามาช่วยตระกูลซันเช่นนี้ ข้าก็คงต้องสังหารไม่ไว้หน้าเช่นกัน!”
  หลิงหยุนร้องบอกเย่ซิงเฉินด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจและไม่หวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย..
  เย่ซิงเฉินจ้องหน้าหลิงหยุนพร้อมกับถามขึ้นว่า“หลิงหยุน ข้าเล่าให้เจ้าฟังตั้งมากมาย เจ้าไม่รู้สึกหวาดกลัวบ้างเลยงั้นรึ”
  หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า“หวาดกลัวงั้นรึ ขอบอกตามตรง.. ในหัวของข้าไม่เคยมีคำคำนี้!”
  เวลานี้หลิงหยุนอยู่ในระดับสูงสุดขั้นเอ้อเฉิงชี่มีจิตหยั่งรู้อันทรงพลัง มีกระบี่เหินเงาธนู มีแหวนจักรวาล มีสมุดจักรพรรดิ และพู่กันจักรพรรดิ มีหลิวเทวะวิญญาณ และของวิเศษอีกมากมาย..
  เหตุใดเขายังต้องหวาดกลัวอีกเล่า
  เย่ซิงเฉินมองหลิงหยุนด้วยความตกตะลึงและเปลี่ยนเป็นชื่นชม พร้อมกับแอบคิดว่าชายห้าวหาญเยี่ยงหลิงหยุนเท่านั้นจึงจะคู่ควรกับนาง..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร