เมื่อจางเม่ยหยิวนเห็นว่าคำพูดของเธอได้ผล เธอจึงรีบพูดต่อว่า “หนิงน้อย.. ลูกลองนึกดูสิว่าที่ผ่านมาพี่หลิงหยุนของลูกเคยโกหกไม๊?”
เสี่ยวเม่ยหนิงไม่อยากจะคิดเพระที่ผ่านมาเขาก็โกหกเธอ! แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนที่รักษาคำพูด ที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยผิดคำพูดกับเธอ..
เมื่อจางเม่ยหยิวนเห็นลูกสาวทำท่าทางครุ่นคิด จึงรีบพูดต่อว่า “ถ้าพี่หลิงหยุนของลูกเป็นคนที่รักษาคำพูด เขาก็ต้องจำวันเกิดของลูกได้ ต่อให้เขาหายหน้าหายตาไปหลายวัน แต่เขาต้องกลับมาทันวันเกิดของลูกแน่ๆ!”
เมื่อพูดถึงหลิงหยุน เสี่ยวเม่ยหนิงถึงกับมองหน้าแม่ของเธออย่างโศกเศร้าพร้อมกับพึมพำว่า
“แต่พี่หลิงหยุนหายตัวไปตั้งหกวันแล้ว อีกอย่าง.. หลายวันนี้ก็มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ต่อให้เขาปรากฏตัว ก็ใช่ว่าเขาจะมางานวันเกิดของหนู?”
“และที่สำคัญ.. ถ้าเขารู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่โตขึ้นกับครอบครัวของเขา เขายังจะมีกะจิตกะใจมางานวันเกิดของหนูอีกเหรอคะ?”
จางเม่ยหยิวนคิดว่า.. ในเมื่อเธอมีโอกาสแล้ว ไม่ว่าจะยังไง เธอก็ต้องเกลี้ยกล่อมลูกสาวให้ลงไปข้างล่างให้ได้ คืนนี้ไม่เพียงคุณชายฮู๋เซ่าป๋ายแห่งสำนักหมอหุบเขาเทวะที่เดินทางมาร่วมงาน แต่ยังมีผู้คนอีกมากมายที่พากันนำของขวัญวันเกิดมาให้กับหนิงน้อย หากหนิงน้อยไม่ลงไปรับด้วยตัวเอง ก็จะเป็นการเสียมารยาทอย่างมาก และเท่ากับไม่ให้เกียรติพวกเขาด้วย
“อย่ากังวลไปเลยหนิงน้อย! คุณปู่เองก็คิดเหมือนกับแม่ หนิงน้อย.. ลูกลองคิดดูสิว่า ถ้าจู่ๆพี่หลิงหยุนปรากฏตัวขึ้นมาตอนนี้ แล้วมาเห็นลูกในสภาพแบบนี้…”
คำพูดประโยคนี้ล้ำค่ายิ่งกว่ายาวิเศษขนานใด เสี่ยวเม่ยหนิงกระโดดลุกขึ้นจากเตียงทันที
“แม่คะ.. นี่กี่โมงแล้ว หนูจะไปอาบน้ำก่อน!”
“ห๊ะ.. ทำไมหน้าตาหนูน่าเกลียดแบบนี้! แม่คะ.. หนูจะทำยังไงดี?! พี่หลิงหยุนต้องไม่ชอบแน่!” เสี่ยวเม่ยหนิงลุกขึ้นจากเตียงไปส่องกระจกที่โต๊ะเครื่องแป้ง และเมื่อเห็นหน้าตัวเองก็ถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ!
จางเม่ยหยิวนถอนหายใจอย่างโล่งอก.. ลูกสาวของเธอเอาแต่นอนอยู่บนเตียง ไม่ยอมกิน ไม่ยอมดื่ม อีกทั้งยังเอาแต่ร้องไห้ แต่เพียงแค่เธอบอกว่าหลิงหยุนจะมา ลูกสาวของเธอก็ตื่นเต้นมากมายถึงเพียงนี้..
“ไม่ต้องกังวล! แม่อยู่ที่นี่ทั้งคน ยังไงคืนนี้หนิงน้อยของแม่ก็ต้องสวยที่สุดในงาน!”
จางเม่ยหยิวนรู้ดีว่าหลิงหยุนจะไม่มาที่นี่อย่างแน่นอน แต่อย่างน้อยก็เป็นการสร้างความหวังให้กับลูกสาว แม้เธอจะไม่ยอมลงไปข้างล่าง แต่อย่างน้อยยอมกินยอมดื่มอะไรบ้างก็ยังดี เพราะขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป ร่างกายของหนิงน้อยคงต้องกลายเป็นอัมพาตแน่ๆ!
…….
ภายในห้องรับแขกที่กว้างใหญ่ด้านล่าง.. ตกแต่งด้วยแสงไฟสว่างไหว และเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยกันอื้ออึง คนส่วนใหญ่ที่นำของขวัญมาให้เสี่ยวเม่ยหนิงนั้น ส่วนใหญ่เมื่อเอาของขวัญมาให้แล้วก็กลับไป แต่ก็ยังมีแขกที่เชิญมานั่งอยู่เต็มสี่โต๊ะ..
หนึ่งโต๊ะเป็นเพื่อนเก่าแก่ของท่านหมอเสี่ยว ที่ต้องการใช้โอกาสในวันนี้พูดคุยทักทายถามไถ่ทุกข์สุข
อีกสองโต๊ะล้วนเป็นพ่อแม่ของเพื่อนๆเสี่ยวเม่ยหนิงที่เดินทางมาจากหลายๆที่ ทั้งหมดล้วนเป็นคนที่มีชื่อเสียงและมีหน้ามีตาในสังคม พวกเขาล้วนเป็นเศรษฐีร่ำรวยมีฐานะ ในงานวันเกิดของลูกๆพวกเขา ทั้งเสี่ยวเฉิงเยี่วยและจางเม่ยหยิวนต่างก็ไปร่วมงานเลี้ยงด้วยเช่นกัน และเมื่อถึงงานวันเกิดของเสี่ยวเม่ยหนิง พวกเขาจึงเดินทางมาร่วมงานด้วยเช่นกัน
ส่วนอีกหนึ่งโต๊ะ.. ล้วนมีแต่เด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดบ้าง สิบห้าบ้าง และสิบหกบ้าง แต่ละคนล้วนเป็นหนุ่มเพลย์บอยจากตระกูลที่มีชื่อเสียงต่างๆทั่วประเทศ ชายหนุ่มเหล่านี้ต่างก็มีบุคลิกที่เต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ
ในจำนวนเด็กหนุ่มสิบกว่าคนในโต๊ะ.. มีอยู่สามคนที่ดูเหมือนจะราศีเหนือกว่าหนุ่มคนอื่นๆ คนแรกคือคุณชายฮู๋เซ่าป๋ายแห่งสำนักหมอหุบเขาเทวะ คนที่สองคือคุณชายหลงเทียนยู่ และคนที่สามคือคุณชายสี่-หลี่ยั่วหมิงแห่งตระกูลหลี่ซึ่งเดินทางมาจากเมืองหลวง
หลงเทียนยู่ – หนุ่มเพลย์บอยอายุสิบเก้าปีพูดขึ้นว่า “พี่หลี่.. ครอบครัวของพี่มีธุรกิจมากมาย คืนนี้พี่ให้อะไรเป็นของขวัญวันเกิดหนิงน้อยเหรอครับ?”
หลี่ยั่วหมิงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบและอ่อนโยน “ผมไม่มีของล้ำค่าอะไรมากมายจะให้หนิงน้อยเลย คงให้ได้แค่มายบัค (Maybach) คันเดียว ช่างน่าอายจริงๆ!”
ทั้งฮู๋เซ่าป๋าย หลงเทียนยู่ และชายหนุ่มคนอื่นๆต่างก็เงียบกันหมด พร้อมกับคิดในใจว่า ตระกูลหลี่ได้รับสัมปะทานไฟฟ้าและถ่านหินจากรัฐบาล แต่ยังแสร้งทำเป็นถ่อมตัว..
แม้หลี่ยั่วหมิงจะพูดราวกับว่าตนนั้นอายที่ให้ของขวัญด้อยค่าแก่เสี่ยวเม่ยหนิง แต่ใบหน้าของเขากลับเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับถามหลงเทียนยู่กลับบ้าง
“เทียนยู่.. ตระกูลของนายก็เป็นถึงตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองหลวง วันนี้นายมีของขวัญอะไรมาให้หนิงน้อยล่ะ?”
แม้หลงเทียนยู่จะอายุน้อยกว่า แต่ลักษณะท่าทางและคำพูดคำจาของเขากลับสงบเสงี่ยมกว่า เขาตอบกลับไปว่า
“ของขวัญของผมอาจไม่ใหญ่โตเหมือนของพี่หลี่ แต่ก็เทียบกับอะไรไม่ได้เหมือนกัน ผมมีเพียงแค่สร้อยมุกเส้นเดียวพร้อมเพชรสีชมพูเก้ากะรัตอยู่ตรงกลาง ผมหวังว่าหนิงน้อยจะชอบของขวัญของผม..”
ชายหนุ่มคนอื่นๆได้ฟังแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า แค่สร้อยมุกเพียงเส้นเดียวจะราคาสักเท่าไหร่ อีกทั้งเพชรที่อยู่ตรงกลางก็เพียงแค่เก้ากะรัต ตระกูลหลงร่ำรวยเสียเปล่า..
แต่เมื่อหลี่ยั่วหมิงได้ฟังก็ถึงกับตาโตพร้อมกับถามขึ้นว่า “เพชรสีชมพูงั้นเหรอ? ตระกูลหลงให้ของขวัญล้ำค่าเช่นนี้กับหนิงน้อย นับว่าเป็นการลงทุนมากมายไม่ใช่เล่น!”
ชายหนุ่มไร้สมองในโต๊ะคนหนึ่งร้องเสียงดังขึ้นว่า “เพชรแค่เก้ากะรัต จะอะไรนักหนาเชียว!? ผมให้เพชรอาฟริกาตั้งสิบห้ากะรัต..”
หลงเทียนยู่ได้แต่ยิ้ม จากนั้นก็หันไปอธิบายให้กับหลี่ยั่วหมิงๆง
“มันไม่ใช่เรื่องของราคา.. เพชรสีชมพูเป็นเพชรที่ดีที่สุดและมีราคาสูงที่สุดก็จริง หนึ่งกะรัตมีราคาสูงถึงหนึ่งล้านดอลร่าร์สหรัฐ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือมันเป็นเพชรที่หาได้ยาก..”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร