บทที่ 606 : มีหลิงหยุนตระกูลหลิงต้องรอด!
ทุกคำพูดของเหล่ากุ่ยล้วนเต็มไปด้วยความคับแค้นใจแม้หลิงหยุนจะไม่เอ่ยปากถาม แต่คำพูดต่างๆของเหล่ากุ่ยก็ได้พรั่งพรูออกมาไม่สิ้นสุด ราวกับกำลังระบายความอัปยศที่อัดอั้นไว้ภายในใจมานานออกมา!
“ในเวลานั้น..เหล่าจอมยุทธทั้งหลายต่างก็ต้องการให้พ่อของท่านสารภาพเรื่องนี้ออกมาต่อหน้าทุกคน!”
“คุณชายสามจึงต้องพาท่านแม่ของท่านที่อุ้มท้องแปดเดือนหนีการไล่ล่าของเหล่าจอมยุทธไปไกลนับพันไมล์แต่เมื่อได้รับบาดเจ็บสาหัสจึงต้องกลับมาที่ตระกูลหลิง..”
“ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ตระกูลหลิงตระกูลหลง และตระกูลฉิน เป็นสามตระกูลใหญ่ที่ผู้คนต่างก็ให้ความเคารพและนับหน้าถือตา ตระกูลหลิงในช่วงเวลานั้นนับว่ารุ่งเรืองอย่างมาก คุณชายสามก็มีพรสวรรค์สูงส่ง และสามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-3 ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แม้แต่นายผู้เฒ่าซึ่งเป็นผู้นำตระกูลในตอนนั้นก็อยู่ในขั้นเซียงเทียน-4 ช่วงนั้นตระกูลหลิงมียอดฝีมือขั้นเซียนเทียน-3 อยู่ถึงสามคนรวมทั้งตัวข้าด้วย และยังมียอดฝีมือขั้นโฮ่วเทียน-9 อยู่อีกราวเจ็ดหรือแปดคน..”
“คุณชายสามกลับมาตระกูลหลิงเพื่อหวังพึ่งพาความแข็งแกร่งของตระกูลหลิงให้ได้มีโอกาสได้อธิบายเหตุผล..”
“แต่คิดไม่ถึงว่า..เมื่อเทียบกับยอดฝีมือที่ชั่วร้ายเหล่านั้น ตระกูลหลิงกลับกลายเป็นเพียงแค่หิ่งห้อยที่คิดเทียบแสดงดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ภายในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน ยอดฝีมือตระกูลหลิงล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่เพียงไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ แต่ยังไร้อำนาจที่จะต่อรองเจรจาใดๆได้!”
“ตอนนั้นยอดฝีมือของตระกูลหลิงทุกคนที่ได้รู้เรื่องของคุณชายสามต่างก็พากันคับแค้นใจแทน รวมทั้งยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-3 ของตระกูลหลิงอีกสามคน ต่างก็ออกไปต่อสู้ร่วมเป็นร่วมตายกับท่านพ่อของนายน้อย และเพียงแค่ชั่วข้ามคืน.. ยอดฝีมือทั้งหมดของตระกูลหลิง รวมถึงยอดฝีมือขั้นโฮ่วเทียน-9 ทั้งเจ็ดแปดคนนั้น ก็ล้วนแล้วแต่เสียชีวิตระหว่างการต่อสู้ ส่วนตัวข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลให้เส้นลมปราณเสียหาย ตลอดสิบแปดปีมานี้จึงยากที่จะฝึกให้ผ่านแต่ละขั้นไปได้!”
“คืนนั้น..แม้แต่นายผู้เฒ่าเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส และกำลังภายในของเขาก็ลดลงอย่างมาก และตอนนี้ก็อยู่เพียงแค่ขั้นเซียงเทียน-1 เท่านั้น และมันยากที่จะก้าวหน้าไปกว่านี้ได้ ส่วนลุงของท่าน – หลิงเจิ้น และหลิงเย่ว ต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน..”
“ในคืนนั้น..คนของตระกูลหลิงกว่าสองร้อยชีวิตถูกสังหารตายจนหมดสิ้น รอดชีวิตมาเพียงแค่เก้าคน! และเหตุการณ์ในคืนนั้นทำให้ตระกูลหลิงกลายเป็นขุมนรกที่เต็มไปด้วยเลือดและซากศพ..”
หลิงหยุนได้ฟังถึงกับดวงตาแดงก่ำเขากัดฟันจนแน่น และมือทั้งสองข้างที่กดอยู่บนโต๊ะด้านหน้าก็ถึงกับสั่นโดยไม่รู้ตัว!
“ไม่มีใครใส่ใจหรือยื่นมือมาช่วยเหลือเลยงั้นรึ” หลิงหยุนกัดฟันกรอดพร้อมกับถามออกมา
เหล่ากุ่ยยิ้มเศร้าพร้อมกับตอบไปว่า“ใครจะมาสนใจ ใครอยากจะยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยว? โอกาสดีๆเช่นนี้ ตระกูลอื่นต่างก็จ้องหาผลประโยชน์จากการที่ตระกูลหลิงถูกถล่มจนราบในครั้งนี้ต่างหาก ทุกคนต่างก็จับจ้องที่จะก้าวขึ้นมาแทนที่ตระกูลหลิง! พวกเขาจึงน่าจะดีใจมากกว่า มีหรือที่คิดจะยื่นมือมาช่วยเหลือ?!”
“หลังจากสงครามแห่งความตายในครั้งนั้นจบลงตระกูลหลิงก็ไม่ต่างจากคนเป็นอัมพฤตอัมพาต หลังจากตระกูลหลงเห็นว่าเรื่องราวดูเหมือนจะใหญ่โตเกินไป จึงได้ออกหน้าไกล่เกลี่ยปกป้องตระกูลหลิง..”
หลิงหยุนแสยะยิ้มอย่างรังเกียจ“ตระกูลหลงเพิ่งจะโผล่หัวมาตอนนี้.. มันไม่สายเกินไปหน่อยรึ!”
ดูเหมือนเหล่ากุ่ยจะไม่ได้ยินคำพูดของหลิงหยุนเขาเล่าต่อด้วยความเคียดแค้น “ผลจากการไกล่เกลี่ยครั้งนั้น คนชั่วช้าเหล่านั้นสัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับตระกูลหลิงอีก แต่ตระกูลหลิงต้องแลกมาด้วย – คุณชายหลิงเสี่ยวพ่อของท่านต้องทำลายวรยุทธของตนเองต่อหน้าทุกคน และต้องประกาศต่อหน้าทุกคนว่าจากนี้ไปจะไม่พบหน้าท่านแม่ของท่านอีก อีกทั้งยังต้องประกาศแต่งงานกับหญิงอื่นต่อหน้าท่านแม่ของท่านด้วย ส่วนท่านแม่ของท่านก็ถูกนำตัวกลับไปยังพรรคมาร จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยได้ข่าวคราวอีกเลย..”
“คุณชายสามต้องการปกป้องท่านแม่ของท่าน และลูกในท้องของนาง จึงได้แต่อดทนอดกลั้นต่อคำดูถูกเหยียดหยามมาโดยตลอด..”
ดูเหมือนเหล่ากุ่ยจะไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดได้อีกเขาจึงเลือกที่จะไม่พูดถึงรายละเอียดในเรื่องนี้ต่อ จนกระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่จึงได้พูดขึ้นว่า
“ตระกูลหลิงนับว่าถึงคราวตกต่ำมากจริงๆเพราะไม่ว่าจะเป็นตระกูลเก่าแก่ หรือแม้แต่ตระกูลใหญ่ให้การสนับสนุนอีกเลย..”
“ก่อนนี้ตระกูลหลิงและตระกูลหลงได้สัมปทานในการดูแลอุตสาหกรรมแก๊สและน้ำมันอุตสาหกรรมไฟฟ้าและการสื่อสาร อสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งอุตสาหกรรมโลหะกลุ่มเหล็กร่วมกัน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอุตสาหกรรมที่ทำกำไรได้อย่างมหาศาล!”
“แต่ตลอดสิบแปดปีหลังจากนั้นธุรกิจต่างๆที่เคยอยู่ภายใต้การดูแลของตระกูลหลิง ก็ถูกตระกูลใหญ่อีกหกตระกูลแย่งชิงไป จนกระทั่งตอนนี้เหลือเพียงแค่กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงทรัพยากรน้ำที่มีรายได้เพียงเล็กๆน้อยๆเท่านั้น..”
“และแม้กระทั่งสองกระทรวงนี้ก็เป็นตระกูลหลงที่เป็นผู้ช่วงชิงมาให้ตระกูลหลิง หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลหลง ตระกูลหลิงคงต้องหลุดจากผังเจ็ดตระกูลใหญ่ไปแล้วอย่างแน่นอน!”
“เวลานี้..หากอยู่ต่อหน้าหกตระกูลใหญ่ เมื่อพูดถึงตระกูลหลิง พวกเขาก็ล้วนแล้วแต่หัวเราะเยาะ!”
……….
ปัง!
หลิงหยุนฟาดฝ่ามือลงบนโต๊ะเสียงดังและพื้นในบริเวณนั้นก็สั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว โต๊ะหินทั้งโต๊ะแตกละเอียด และร่วงเป็นผงราวกับสายฝน
“ไม่ต้องพูดต่อแล้ว..!”
ดูเหมือนหลิงหยุนจะเข้าใจสถานการณ์ของตระกูลหลิงทั้งหมดแล้ว!
เวลานี้หลิงหยุนเข้าใจคำว่า‘อันตราย’ ที่เหล่ากุ่ยพูดถึงแล้ว และหลิงลี่เองก็รับรู้ถึงอันตรายข้อนี้ดี นั่นเพราะตลอดเวลาสิบแปดปีมานี้ มีผู้จับตาดูความเคลื่อนไหวของตระกูลหลิงอยู่ตลอด มีใครบางคนกำลังจ้องจัดการกับตระกูลหลิงอยู่!
ร่างกายของหลิงหยุนสั่นเทิ้มไปทั้งร่างดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ เขาไม่เคยรู้สึกโกรธแค้นเช่นนี้มาก่อน และไม่เคยรู้สึกอัปยศอดสูเฉกเช่นวันนี้มาก่อนเลย!
“นายน้อย..ท่าน..”
เหล่ากุ่ยไม่เคยเห็นหลิงหยุนมีพฤติกรรมเช่นนี้มาก่อนจึงไม่รู้ว่าจะต้องปลอบปะโลมหลิงหยุนอย่างไร และได้แต่นึกเสียใจอยู่เงียบๆ
“เหล่ากุ่ย..ท่านไม่ต้องกังวลใจไป ข้าไม่เป็นอะไร..”
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่หลิงหยุนก็สามารถสงบสติอารมณ์ และเก็บงำความโกรธไว้ภายในใจได้
หลิงหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่จึงหยิบบัตรธนาคารซึ่งมีเงินจำนวนห้าร้อยล้านดอลล่าออกมาและยื่นให้กับเหล่ากุ่ย
“เหล่ากุ่ย..ข้าไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนนี้ ท่านนำกำลับไปคืนให้ท่านปู่เถิด..”
เหล่ากุ่ยรีบโบกมือไปมาด้วยความตกใจ“ไม่ได้นะนายน้อย.. ท่านยังไม่เข้าใจอีกรึ เงินจำนวนห้าร้อยล้านดอลล่านี้ไม่เพียงแค่เป็นของขวัญให้กับท่าน!”
“แต่มันคือ..”
เหล่ากุ่ยถอนหายใจก่อนจะพูดต่อว่า“คุณชายสามกับคุณชายสองหายตัวไปพร้อมๆกัน เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนกำลังเริ่มลงมือจัดการกับตระกูลหลิง ตระกูลหลิงคงยากที่หลบเลี่ยงเคราะห์กรรมครั้งนี้ได้ อีกทั้งตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่านายผู้เฒ่าได้สั่งให้ข้านำเงินห้าร้อยล้านดอลล่านี้มามอบให้กับท่าน เพื่อหวังว่าหากวันหน้าเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นกับตระกูลหลิงจริง นายน้อยจะสามารถใช้เงินก้อนนี้สร้างตระกูลหลิงขึ้นมาใหม่อีกครั้ง!”
เงินจำนวนห้าร้อยล้านดอลล่าและคัมภีร์เสวียนหวง เปรียบเหมือนมรดกตกทอดของตระกูลหลิง และที่เหล่ากุ่ยนำมามอบให้กับหลิงหยุนในครั้งนี้ ก็เป็นความคิดของหลิงลี่!
ด้วยมือของหลิงหยุน..ตระกูลหลิงจะไม่มีวันสูญสิ้น ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับเคราะห์ร้ายมากเพียงใด!
หลิงหยุนไม่ยอมนำบัตรธนาคารกลับคืนเขายัดมันลงในมือของเหล่ากุ่ยพร้อมกับตอบไปว่า
“ท่านนำไปคืนท่านปู่!ต่อให้ไม่มีเงินห้าร้อยล้านดอลล่านี้ ข้าก็สามารถนำพาตระกูลหลิงให้สามารถขึ้นมาผงาดได้อีกครั้ง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.. ตระกูลหลิงจะไม่มีวันตกต่ำล่มจม ตราบใดที่มีข้า – หลิงหยุน ตระกูลหลิงจะต้องรุ่งเรือง!
และนับจากนาทีนี้..หลิงหยุนก็นับตระกูลเก่าแก่ทั้งหมดบนโลกใบนี้ เป็นศัตรูของเขา!
ภารกิจของหลิงหยุนจากนี้ไปคือ..สังหารศัตรูเพื่อล้างแค้นให้กับพ่อแม่ที่แท้จริง และคนของตระกูลหลิงทั้งหมดที่ตายไป! ตามหาหลิงเสี่ยวพ่อของเขา และช่วยธิดาพรรคมารซึ่งเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดเขา!
หลิงหยุนไม่สนใจว่าพวกมันจะเป็นใครมีชื่อเสียงเรียงนามอะไร? ตราบใดที่พวกมันกล้าทำร้ายคนที่เขารัก เขาจะต้องเอาคืนพวกมันอย่างสาสม!
“แล้วผ้าแพรไหมดำที่ท่านมอบให้ข้าเป็นของแม่ข้าใช่หรือไม่”
หลิงหยุนถามเหล่ากุ่ยด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่เต็มไปด้วยรังสีสังหาร..
เหล่ากุ่ยถอนหายใจอย่างตื่นเต้น“ใช่แล้ว.. ผ้าแพรไหมดำผืนนี้ท่านแม่ของท่านมอบให้กับคุณชายสาม แต่ท่านพ่อของนายน้อยก็ไม่สามารถสวมใส่มันได้ จึงได้ให้ข้านำมามอบให้กับท่าน..”
“พรรคมารอยู่ที่ใหน”
“ไม่มีใครรู้หรอกนายน้อย..”
“ท่านปู่ของข้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“นายผู้เฒ่าสบายดีแต่ยังคงได้รับผลกระทบจากอาการบาดเจ็บครั้งนั้น ประกอบกับอายุที่มากขึ้น จึงสามารถฝึกฝนได้เพียงแค่ชั้นเซียงเทียน-1 ส่วนคุณชายสามนั้นตลอดสิบแปดปีมานี้ตั้งแต่ทำลายวรยุทธของตนเองไป ก็ฝึกฝนด้วยความยากลำบากมาโดยตลอด ตอนนี้ยังอยู่เพียงแค่ระดับสูงสุดของขั้นโฮ่วเทียน-5 เท่านั้น ”
“ในเมื่อพ่อของข้าแต่งงานกับหญิงอื่นเช่นนั้น.. หลิงเสี่ยวใช่น้องสาวคนละแม่ของข้าหรือไม่”
“ใช่แล้วนายน้อย..”
หลิงหยุนสามารถคาดเดาทุกอย่างได้อย่างถูกต้อง..
และในที่สุดห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบสงัดอีกครั้ง
“เหล่ากุ่ย..ให้ข้ารักษาภายในให้ท่านก่อน..”
หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งหลิงหยุนก็พูดกับเหล่ากุ่ยด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งอีกครั้ง
การล้างแค้นนั้น..อีกสิบปีก็ยังไม่สาย! คำพูดนี้หลิงหยุนเข้าใจดีกว่าใครๆ
หลิงหยุนได้รักษาอาการบาดเจ็บภายในให้กับเหล่ากุ่ยมาร่วมเดือนแล้วและเวลานี้หลิงหยุนก็เข้าสู่ระดับสูงสุดของขั้นปรับร่างกาย-8 แล้ว อีกทั้งภายในร่างกายก็มีพลังชีวิตอยู่เต็มเปี่ยม จึงเป็นโอกาสดีที่จะรีบรักษาให้กับเหล่ากุ่ย
หลิงหยุนกับเหล่ากุ่ยเดินเข้าไปในห้องนอนเหล่ากุ่ยนั่งลงบนเตียง หลิงหยุนเรียกเข็มทองออกมา และเริ่มฝังเข็มรักษาด้วยความระมัดระวัง
ครึ่งชั่วโมงต่อมาหลิงหยุนจึงจัดการถอนเข็มออกให้พร้อมกับถามยิ้มๆ “เหล่ากุ่ย ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง”
เหล่ากุ่ยร้องบอกอย่างตื่นเต้น“ทุกอย่างสมบูรณ์ดีแล้ว เส้นลมปราณไม่ติดขัดอีกแล้ว และจุดตันเถียนของข้าก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วเช่นกัน!”
“เหล่ากุ่ย..ท่านควรต้องพักฟื้นสักสองวันเพื่อฟื้นฟูกำลังของตนเอง และหลังจากนั้นอีกสองวัน ท่านก็จะสามารถเข้าสู่ระดับเริ่มต้นของขั้นเซียงเทียน-1 ได้เต็มที่ และข้าจะคอยอยู่ข้างๆท่านเอง!”
หลิงหยุนมีทั้งโสมหลายพันปีสมุนไพรเหอโชวู และน้ำลายมังกร ที่เป็นของวิเศษสามารถใช้เร่งการฝึกฝนได้ดี
“ได้ๆ!”
เหล่ากุ่ยรู้ว่าหลิงหยุนต้องการจะช่วยให้กำลังภายในของเขาพัฒนาเข้าสู่ขั้นที่สูงขึ้นจึงพยักหน้าตกลงอย่างง่ายดาย
จากนั้นหลิงหยุนก็ลุกขึ้นและเดินไปยืนอยู่หน้าเหล่ากุ่ยที่ยังคงนั่งอยู่บนเตียง เขาจ้องมองเหล่ากุ่ยด้วยแววตาสงบนิ่ง แล้วจึงทำการคาราวะเหล่ากุ่ยด้วยการโค้งคำนับ
“เหล่ากุ่ย..ข้าขอบคุณท่านที่ตลอดสิบแปดปีมานี้ไม่เคยทอดทิ้งตระกูลหลิง..”
เหล่ากุ่ยถึงกับตกใจสุดขีดเขารีบลุกจากเตียงตรงไปหาหลิงหยุนทันที..
“นายน้อย..ท่านอย่าได้ทำเช่นนี้! ที่ข้าไม่สามารถทอดทิ้งตระกูลหลิงได้ ก็เพราะนายผู้เฒ่าเป็นผู้ที่ช่วยชีวิตของข้าไว้ ทั้งชีวิตของข้าก็ตอบแทนไม่หมด ท่านอย่างได้ทำเช่นนี้อีก!”
หลิงหยุนยังคงยืนสงนิ่งและแววตาของเขาก็เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
“เหล่ากุ่ย..ท่านมั่นใจได้ว่าจากนี้ไปตระกูลหลิงจะไม่ต้องอยู่กับความขมขื่นอีกแล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร