บทที่ 649 : รักษาซันยู่วเจียว!
“โอ๊ะ..!”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเจ็บปวดหรือเป็นเพราะความรู้สึกสบายกันแน่ ทำให้ซันยู่วเจียวถึงกับส่งเสียงร้องออกมา
หน้าอกทั้งสองข้างของซันยู่วเจียวนั้นช่างงดงามนักไม่เพียงขาวกลมกลึง แต่ยังนุ่มมือมากเมื่อได้สัมผัส และก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความประหม่ากังวลเขิน หรือว่าอายกันแน่ ทำให้หน้าอกทั้งสองข้างของเธอชูชัน และอุณหภูมิภายในร่างกายก็สูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
‘โอ้โห..ใหญ่จนฝ่ามือของข้าปิดไม่มิดเลยรึนี่!’
ฝ่ามือทั้งสองข้างของหลิงหยุนที่กดลงไปบนหน้าอกของซันยู่วเจียวนั้นค่อยๆกำแน่นขึ้นมากเรื่อยๆ สัมผัสของเขานั้นช่างชำนิชำนาญจนยากที่หญิงสาวคนใดจะต้านทานต่อสัมผัสเช่นนี้ได้
“เอ่อ..คุณช่วยรีบๆรักษาได้มั๊ยคะ” ซันยู่วเจียวร้องบอกอายๆ เพราะไม่อาจต้านทานต่อสัมผัสจากฝ่ามือทั้งสองข้างของหลิงหยุนได้อีก
หลิงหยุนไม่มีจรรยาบรรณแพทย์งั้นหรือไม่เลย.. แต่จรรยาบรรณของหลิงหยุนนั้นมีมากเกินร้อยต่างหาก!
หากไม่เกี่ยวกับอาชีพแพทย์แล้วแน่นอนว่าหลิงหยุนต้องการสัมผัสอย่างแน่นอนหากมีโอกาส
แต่ที่หลิงหยุนสัมผัสหน้าอกของซันยู่วเจียวอยู่ในเวลานี้นั้นเป็นเพราะเขากำลังถ่ายเทพลังชีวิตในร่างกายของตนเองลงไปที่หน้าอกทั้งสองข้างของเธอ เพื่อขจัดก้อนเนื้องอกที่ยังมีขนาดเล็กอยู่นี้ออกไป และเป็นเพราะก้อนเนื้องอกนี้นี่เองที่ทำให้ซันยู่วเจียวรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก
เมื่อเห็นว่าหลิงหยุนยังคงสัมผัสหน้าอกทั้งสองข้างของเธออยู่เช่นนั้นร่างของเธอก็ค่อยๆอ่อนยวบ และค่อยๆเอนกายนอนลงบนเตียงคนไข้ตั้งแต่เมื่อไหร่นั้นเธอเองก็ยังไม่รู้ตัว
มีเพียงซันเทียนเจียวเท่านั้นที่รู้ตัวว่าตนเองกำลังมีความสุขกับสัมผัสจากฝ่ามือของหลิงหยุน!
แต่จะว่าไป..หลิงหยุนเองก็มีความเป็นมืออาชีพ และมีจรรยาบรรณมากพอ เพราะต่อหน้าหญิงสาวคนอื่นนอกจากไป๋เซียนเอ๋อ หลงหวู่ หลินเมิ่งหาน และเหยาลู่แล้ว เขาก็ไม่เคยใช้จิตหยั่งรู้ หรือว่าเนตรหยินหยางส่องดูเรือนร่างของหญิงอื่นเลย
หลิงหยุนต้องการหญิงงามที่ยินยอมพร้อมใจไปกับเขาเท่านั้นและไม่จำเป็นต้องใช้กลอุบายที่สกปรกและน่ารังเกียจเช่นนั้น!
‘สบายจัง..ทำไมสัมผัสของเขาถึงทำให้รู้สึกสบายแบบนี้นะ.. ’ ซันยู่วเจียวเคลิบเคลิ้มไปและหมดแรงที่จะต่อต้านในที่สุด
แน่นอนว่าสัมผัสของหลิงหยุนนั้นยากที่ใครจะต้านทานและขัดขืนได้! หากตอนนี้หลิงหยุนเลื่อนฝ่ามือของเขาไปสัมผัสที่ส่วนอื่นในร่างกายของซันยู่วเจียวแล้วล่ะก็.. รับรองว่าเธอจะยินยอมและไม่ดิ้นรนขัดขืนอย่างแน่นอน
เพียงแต่หลิงหยุนไม่ทำเช่นนั้นแน่!เพราะเขากำลังรักษาอาการเจ็บป่วยให้กับเธออยู่..
‘ฮ่าๆท่าทางเคลิบเคลิ้มเช่นนี้ ดูท่าเจ้าคงจะยังไม่มีชายในดวงใจสินะ! แต่ทางทางของเจ้าเย็นชาเช่นนี้ คงยากที่จะรักใครได้!’
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่หลิงหยุนก็พูดราวกับเหมือนไม่มีอะไร “คุณหายดีแล้วนะ! เอาล่ะ.. พักผ่อนในห้องนี้ไปก่อน แล้วก็ค่อยสวมเสื้อผ้าออกไปด้านนอก..”
หลิงหยุนบอกกับซันยู่วเจียวอย่างอ่อนโยน..
ซันยู่วเจียวที่นอนเคลิบเคลิ้มอยู่บนเตียงคนไข้นั้นเกือบลืมไปแล้วว่าเธอกำลังรับการรักษาจากหลิงหยุนอยู่ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเขา เธอจึงรีบลืมตาขึ้นมา และพบว่าหลิงหยุนไม่อยู่ในห้องตรวจแล้ว
ซันยู่วเจียวกัดฟันแน่นและค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง หน้าอกใหญ่โตทั้งสองข้างของเธอนั้นตั้งชูชัน และได้แต่พึมพำอยู่ในใจ
‘เฮ้อ..สมบัติล้ำค่าที่อุตส่าห์ถนอมมายี่สิบกว่าปี แต่กลับต้องให้หลิงหยุนสัมผัสเป็นคนแรก นี่ล่ะนะชีวิต!’
แต่เมื่อคิดถึงว่าตนเองก็ได้เคลิบเคลิ้มไปกับการสัมผัสของหลิงหยุนเมื่อครู่ซันยู่วเจียวก็รู้สึกโมโหและเกลียดตัวเองขึ้นมาทันทีพร้อมกับคิดในใจว่า เหตุใดการรักษาของหลิงหยุนจึงได้รวดเร็วเช่นนี้ นี่เขาโง่? หรือเป็นเพราะหน้าอกของเธอไม่น่าดึงดูดกันแน่น?
“เฮ้อ..ช่างน่าอายจริงๆ!”
ซันยู่วเจียวรำพึงรำพันจบก็รีบลุกขึ้นจากเตียงและใส่เสื้อผ้าทันทีแต่เมื่อพบว่ามีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นในร่างกายของเธอ เธอก็ยิ่งรู้สึกละอายมากขึ้น!
หลังจากใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วซันเทียนเจียวก็รีบเดินออกมาจากห้องตรวจ ใบหน้าของเธอแดงก่ำและร้อนผ่าว และเมื่อพบว่าหลี่จินเหลียนกับชางเสี่ยวเหมิงยังคงยืนรออยู่ ใบหน้าของเธอก็ยิ่งแดงมากขึ้น
แต่เมื่อเห็นว่าหลิงหยุนกับคนอื่นๆไม่อยู่แล้วซันยู่วเจียวก็รีบแสร้งถามเพื่อปกปิดความผิดปกติของตนเองทันที
“คนอื่นๆไปใหนกันหมด”
“เจ้านายออกไปแล้วและให้พวกเราสามคนลาพักร้อนได้ ก่อนไปก็สั่งให้ปิดคลินิกได้เลย! แล้วยังกำชับว่าจากนี้ไปค่ารักษาของคลินิกคือสามแสนหยวนต่อครั้ง! และจะรับรักษาเฉพาะโรคที่คนอื่นไม่สามารถรักษาได้เท่านั้น!”
“ยังมีอีกนะ..ดูนี่สิ! เจ้านายยังจ่ายโบนัสให้คนละห้าหมื่นหยวนเป็นเงินสดด้วยนะ!”
ชางเสี่ยวเหมิงร้องบอกด้วยความตื่นเต้นและมือสองข้างก็กำเงินจำนวนห้าหมื่นไว้แน่น!
หลี่จินเหลียนมองไปทางโต๊ะของซันยู่วเจียวที่มีเงินจำนวนห้าปึกวางอยู่และแน่นอนว่ามันเป็นโบนัสของซันยู่วเจียว
แต่หลี่จินเหลียนนั้นไม่สนใจเงินมากเท่าไหร่แต่กลับจ้องมองใบหน้าที่แดงก่ำของซันยู่วเจียวพร้อมกับถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“นี่..เธอป่วยเป็นอะไร แล้วเจ้านายรักษาให้เธอด้วยวิธีใหนเหรอ?”
ซันยู่วเจียวเห็นหลิงหยุนเดินออกไปแล้วจึงได้แต่พูดโกหกไปว่า“ฉันปวดแขนมากน่ะสิ! เจ้านายก็เลยจัดการฝังเข็มให้..”
“จริงเหรอ..!”น้ำเสียงของหลี่จินเหลียนลากยาวอย่างตั้งใจจะบอกว่าเธอไม่เชื่อในคำตอบของซันยู่วเจียว
………..
ทั้งสี่คนเดินออกมาจากคลินิกเหยาลู่กระซิบบอกหลิงหยุนให้เลิกดุเสี่ยวเม่ยหนิงได้แล้ว จากนั้นจึงหาข้ออ้างขอตัวกลับไปที่บ้านของเธอ
“เสี่ยวเหมา..ผมขอยืมอะไรจากคุณหน่อยจะได้มั๊ย”
หลิงหยุนมาที่คลินิกในวันนี้ก็เพื่อที่จะมาคุยกับเหมี่ยวเสี่ยวเหมา และขอยืมพิษบางชนิดจากเธอ เพราะเขาต้องการปรุงผงละลายศพให้เสร็จก่อนที่จะออกเดินทางไปเมืองหลวง
ใช่แล้ว..มันคือผงละลายศพ! และมันเป็นสิ่งที่หลิงหยุนจำเป็นต้องมีไว้สำหรับการเดินทางในครั้งนี้!
หลิงหยุนเพิ่งจะฉีกหน้าเธอกับเสี่ยวเม่ยหนิงมาสดๆร้อนๆเขาทำให้เธอถึงกับเถียงอะไรไม่ได้แม้แต่คำเดียว เหมี่ยวเสี่ยวเหมาจึงยังคงโมโหหลิงหยุนอยู่มาก เธอจึงไม่สนใจว่าหลิงหยุนต้องการจะยืมอะไรจากเธอ แต่กลับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก
“เชอะ..ปกติก็ไม่เคยคิดจะเข้าคลินิก แต่วันนี้เข้ามาเพราะมีจุดประสงค์ ฉันไม่มีอะไรให้นายยืมทั้งนั้น!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาทำหน้าเฉยเมยพร้อมกับพูดต่อว่า“ถ้านายอยากจะยืมอะไรจากฉัน นายต้องทำให้หนิงน้อยยิ้มได้ก่อน!”
พูดจบเหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็ยกมือขึ้นโบกเรียกแท็กซี่และบอกคนขับให้ไปส่งที่บ้านเลขที่-1 ทันที!
“หนิงน้อย..”
หลิงหยุนไม่มีทางเลือกจึงได้แต่เดินตรงเข้าไปหาหนิงน้อย เสี่ยวเม่ยหนิงเองก็เอาแต่ก้มหน้ากัดริมฝีปากแน่น และไม่ยอมพูดอะไรแม้แต่คำเดียว
“หนิงน้อย..นี่คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอว่าทำไมผมถึงสอนวิชาเก้าเข็มปลุกชีพและวิชาหลิงซีให้กับคุณ”
หลิงหยุนนิ่งไปครู่หนึ่งก็โอดครวญต่อ“หนิงน้อย.. คุณรู้มั๊ยว่าพอผมเข้ามาเห็นคุณต้องฝังเข็ม แล้วก็ถ่ายเทพลังชีวิตให้กับคนไข้ที่น่าเบื่อพวกนั้นจนไม่มีเวลากินข้าวกินน้ำ ผมรู้สึกเจ็บปวดใจแค่ใหนกัน!”
“คุณมีค่าสำหรับผมมากนะรู้มั๊ยวันข้างหน้าคุณก็จะต้องเป็นภรรยาของผม หากผมปล่อยให้คุณทำงานหนักจนใบหน้าซูบเซียว ก็ต้องนับว่าเป็นความผิดของผมที่ดูแลคุณไม่ดี! ผมคงต้องกลายเป็นคนบาปแน่ๆ!”
และดูเหมือนจะได้ผลหลิงหยุนเห็นเสี่ยวเม่ยหนิงที่ทำเหมือนจะหัวเราะออกมา แต่ก็พยายามเก็บซ่อนไว้ เขาจึงค่อยรรู้สึกโล่งใจมากขึ้น
หลิงหยุนเข้าใจสุภาษิตที่ว่า‘ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน’ ดี จึงรีบพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย
“หนิงน้อย..ผมรู้ว่าคุณเป็นคนจิตใจอ่อนโยนมีเมตตา และทนเห็นความลำบากของผู้คนบนโลกใบนี้ไม่ได้ แต่มีใครบ้างที่เกิดมาโดยปราศจากความทุกข์ ดูอย่างผมสิ.. วันนี้หนิงน้อยโกรธผม ผมก็รู้สึกเป็นทุกข์อย่างมาก..”
“ งั้นเหรอ..” ในที่สุดเสียวเม่ยหนิงก็อดรนทนไม่ได้จนต้องพูดออกมา
เมื่อเป็นเช่นนี้หลิงหยุนจึงรีบพูดต่อ “ไปกันเร็วหนิงน้อย ผมจะพาคุณไปหาสมบัติ!”
หลิงหยุนนั้นรู้จักนิสัยของเสี่ยวเม่ยหนิงดีเธอเป็นเด็กสาวที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อน เสียใจก็ร้องไห้ ดีใจก็หัวเราะ ความคิดหรือการกระทำไม่ซับซ้อน และไม่ทำอะไรที่ตรงข้ามกับความรู้สึกของตนเอง
ครึ่งชั่วโมงต่อมาหลิงหยุนก็พาเสี่ยวเม่ยหนิงไปถึงเขามังกรที่อยู่ทางด้านตะวันออกของทะเลสาบจิงฉู หลิงหยุนกอดเอวเสี่ยวเม่ยหนิงไว้ แล้วพาเธอปีนขึ้นไปสูงสิบกว่าเมตร หลิงหยุนนั้นปีนเก่งกว่าลิงหลายร้อยเท่านัก
“พี่หลิงหยุน..สมบัติอะไรกันเหรอ” เสี่ยวเม่ยหนิงที่อยู่ในอ้อมกอดของหลิงหยุนถามออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หลิงหยุนยิ้มบาง“ไปถึงก็จะรู้เอง..”
ไม่นาน..หลิงหยุนก็พาหนิงน้อยปีนขึ้นไปบนหน้าผาที่สูงราวสามร้อยเมตรได้
“โอ้โห..สูงจังเลย! น่ากลัว!”
หลิงหยุนจะวางร่างของเสี่ยวเม่ยหนิงลงแต่เมื่อเห็นพื้นด้านล่าง ขาทั้งสองข้างของเธอก็หนีบเอวหลิงหลิงหยุนไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
หลิงหยุนต้องใช้เวลานานกว่าจะปลอบให้เธอหายหวาดกลัวได้ต่อให้หนิงน้อยตกลงไปข้างล่างจริงๆ รับรองว่าหลิงหยุนก็ช่วยเธอได้ทันอยู่ดี
เขาชี้ไปทางหญ้าหยางที่แทงขึ้นมาจากพื้นดินราวกับหน่อไม้ไผ่สด“นั่นคือหญ้าหยาง..”
ค่ายกลมังกรหยินหยางถูกทำลายไปนานแล้วและถึงเวลาที่หลิงหยุนจะต้องย้ายหญ้าหยางไปปลูกไว้ที่อื่นแล้ว
หลิงหยุนจัดการใช้กระบี่มังกรขาวขุดหญ้าหยางออกมาทั้งรากและเรียกเข้าไปเก็บไว้ในแหวนพื้นที่
จากนั้นหลิงหยุนกับเสี่ยวเม่ยหนิงก็ปีนลงหน้าผาไปข้ามหุบเขา และมุ่งหน้าไปทางผาหยกด้านใต้ซึ่งเป็นที่อยู่ของหญ้าหยิน
“ที่นี่มีหญ้าหยิน..”หลิงหยุนร้องบอกเสี่ยวเม่ยหนิง และจัดการขุดหญ้าหยินเข้าไปเก็บไว้ในแหวนพื้นที่เช่นกัน
“ยังเหลือหญ้าน้ำลายมังกร..”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร