Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 671

บทที่ 671 : วิชาหยางพิสุทธิ์ และขั้นปรับร่างกาย-9!
  หลิงหยุนไม่ได้อยู่กับเหยาลู่นานนักเขากลับไปยังบ้านเลขที่-1 ในราวเที่ยงคืน และเมื่อไปถึงก็ขึ้นไปที่ระเบียงด้านบนทำการดูดซับเอาพลังจันทราและพลังดวงดาว เพื่อให้สามารถผ่านเข้าสู่ดาราคุ้มกายขั้นที่-3 ให้ได้
  และดูเหมือนสวรรค์จะเป็นใจอย่างมากเพราะหลายวันมานี้ท้องฟ้าเปิด และอากาศแจ่มใส แต่เพราะพรุ่งนี้จะเป็นเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง ดวงจันทร์บนท้องฟ้าจึงยังไม่เผยตัว แต่บนท้องฟ้ายามนี้กลับมีทางช้างเผือกส่องสว่างไสว พลังดวงดาวจากดวงดารานับล้านๆดวงต่างก็พากันทอแสงพุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงหยุน
  รุ่งขึ้นเป็นวันที่ห้าเดือนห้าตามปฏิทินจันทรคติและตรงกังเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างของทุกๆปี แต่หลิงหยุนกลับไม่ใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้ เขารีบกลับไปยังบ้านเลขที่-9 ในอ่าวจิงฉูตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อพาไป๋เซียนเอ๋อกลับมา
  เพราะวันนี้เป็นวันที่สมุนไพรชีฉียู่จะเติบโตเต็มวัยแล้วจึงได้เวลาที่หลิงหยุนจะต้องลงมือฝึกวิชาหยางพิสุทธิ์ และเพื่อไม่ให้มีผู้ใดเข้ามารบกวนระหว่างฝึก หลิงหยุนจึงต้องให้ไป๋เซียนเอ๋อมาทำหน้าที่คอยคุ้มครองเขา
  หลิงหยุนขอให้เสี่ยวเม่ยหนิงกลับไปอยู่ที่บ้านของตนเองในระหว่างที่เขาทำการฝึกวิชาเสี่ยวเม่ยหนิงกระเง้ากระงอดเล็กน้อยแต่ก็ยอมกลับไปแต่โดยดี และแน่นอนว่าเหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็ตามน้องสาวของเธอไปด้วยเช่นกัน
  ในยามใกล้บ่ายที่แสงอาทิตย์สาดส่องอย่างเจิดจ้านั้นหลิงหยุนกับไป๋เซียนเอ๋อยืนอยู่ข้างต้นสมุนไพรชีฉียู่ และกำลังรอคอยให้มันโตเต็มวัยเสียที
  “เซียนเอ๋อ..เมื่อสมุนไพรชีฉียู่เติบโตเต็มวัยแล้ว ข้าจะจัดการทำลายค่ายกลหลุมพลังที่อยู่รอบๆ จากนั้นข้าจะเข้าไปนั่งฝึกวิชาอยู่ตรงโน้น..” หลิงหยุนบอกพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปทางสนามหญ้าที่อยู่ห่างไกลออกไป และเป็นจุดที่เขาได้สร้างค่ายกลหลุมพลังขึ้นมาใหม่
  “เจ้าต้องใช้วิชาลวงตาพรางตัวข้าไว้อย่าให้คนข้างนอกมองเห็นข้าอย่างเด็ดขาดอย่าให้มีใครเห็นว่าข้ากำลังฝึกวิชาอยู่.. เข้าใจหรือไม่”
  ไป๋เซียนเอ๋อพยักหน้า“เซียนเอ๋อเข้าใจดี..”
  หลิงหยุนพูดต่อ..“และในการฝึกฝนครั้งนี้จะกินเวลานานถึงสิบสองวัน ข้าเองจะนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ลุกไปใหน ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ตาม เจ้าต้องไปหาน้าหญิง ถังเมิ่ง หรือตี้เสี่ยวอู๋ก็ได้ ให้ทั้งสามคนเป็นคนจัดการ และหากมีใครกล้าบุกรุกเข้ามาภายในบ้าน เจ้าก็จัดการสังหารมันได้เลย!”
  “หลังจากที่ข้าฝึกฝนผ่านไปเจ็ดวัน ในบ่ายของวันที่เจ็ดนั้น สมุนไพรชีฉียู่จะปล่อยพลังชีวิตออกมาจนหมด เจ้าต้องจัดการถอนต้นสมุนไพรชีฉียู่ทั้งเจ็ดต้นไปเก็บตามวิธีที่ข้าบอกอย่างระมัดระวัง อย่าปล่อยให้มันเหี่ยวเฉาไปได้ เพราะข้ายังต้องใช้ประโยชน์จากมันอีกมาก..”
  หลังจากที่สมุนไพรชีฉียู่โตเต็มวัยแล้ว..มันก็จะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงแค่เจ็ดวันเท่านั้น เมื่อพลังชีวิตถูกปลดปล่อยออกมาจนหมด หากไม่มีผู้ใดเก็บไปด้วยวิธีที่ถูกต้อง มันก็จะตายลง และเมื่อถึงตอนนั้นหลิงหยุนก็ไม่สามารถนำไปปรุงยาเม็ดชีฉียู่อย่างที่ตั้งใจได้
  “เจ้าเข้าใจดีแล้วนะเซียนเอ๋อ!”
  เมื่อถึงเวลาบ่ายโมงตรงซึ่งเป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจรัสที่สุดนั้นในที่สุดสมุนไพรชีฉียู่ก็เติบโตเต็มวัยเสียที และหลิงหยุนก็สามารถเก็บพลังชีวิตที่เข้มข้นเป็นของเหลวได้ถึงห้าขวด และหลิงหยุนก็ได้เก็บเข้าไปไว้ในแหวนพื้นที่
  หลิงหยุนจัดการทำลายค่ายกลหลุมพลังรอบๆต้นสมุนไพรชีฉียู่และไม่วางขวดหยกเพื่อเก็บพลังชีวิตเข้มข้นอีก แต่ครั้งนี้เขาปล่อยให้มันปลดปล่อยพลังชีวิตออกมา เพื่อที่เขาจะได้ดูดซับเข้าไปในร่างกาย และฝึกวิชาหยางพิสุทธิ์เพื่อให้สามารถเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-9 ได้
  ตอนนี้สมุนไพรชีฉียู่โตเต็มวัยแล้วมันจึงปลดปล่อยพลังชีวิตได้มากขึ้นกว่าเดิมถึงสิบเท่า และตอนนี้ภายในบ้านเลขที่-1 ของเขาก็เต็มไปด้วยพลังชีวิตเข้มข้นในปริมาณมากมาย!
  พลังชีวิตที่พวยพุ่งออกมาอย่างมากมายและรวดเร็วนั้นค่อยๆไหลเข้าสู่ค่ายกลหลุมพลังที่หลิงหยุนเพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่..
  จากนั้นหลิงหยุนจึงหันไปสั่งไป๋เซียนเอ๋อว่า“เอาล่ะเซียนเอ๋อ.. เจ้าเริ่มใช้วิชาลวงตาพรางตัวข้าไว้ได้แล้ว!”
  ทันทีที่พูดจบ..ร่างของหลิงหยุนก็พุ่งเข้าไปนั่งขัดสมาธิอยู่ในค่ายกลหลุมพลังที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่..
  เรือนร่างงดงามของไป๋เซียนเอ๋อวิ่งวนไปวนมาระหว่างด้านหน้าและด้านหลังภายในบ้านอยู่ครู่หนึ่ง ฝ่ามือที่สวยงามของนางนั้นก็วาดลวดลายลึกลับบางอย่างไปพร้อมกันด้วย
  ส่วนหลิงหยุนก็เริ่มเรียกวัตถุพลังต่างๆที่เก็บไว้ในแหวนพื้นที่ออกมารวมถึงหินพลังชีวิตมากมายที่กว้านซื้อมาจากตลาดค้าของเก่าในเมืองจิงฉู และวางทุกอย่างไว้รอบๆตัว
  ในการฝึกวิชาหยางพิสุทธิ์นั้นจำเป็นที่ผู้ฝึกจะต้องดูดซับเอาพลังชีวิตธาตุทอง และพลังชีวิตธาตุไฟ รวมทั้งพลังหยางเข้าไป! และต้องไม่ดูดซับเอาพลังชีวิตอย่างอื่นเข้าไปด้วย เพราะเหตุผลนี้หลิงหยุนจึงได้สร้างค่ายกลกักเก็บพลังหยินจากหญ้าหยินไว้ เพื่อไม่ให้ความเย็นของพลังหยินหลุดรอดออกมาได้!
  ส่วนปราณมังกรนั้นโดยธรรมชาติแล้วมีความเป็นหยางอยู่ หลิงหยุนจึงเรียกน้ำเต้าวิเศษออกมาวางไว้ข้างตัว เพราะหากพลังหยางมีไม่เพียงพอ เขาก็จะได้ดื่มน้ำลายมังกรเข้าไปเสริม
  กล่องหยกทั้งสิบห้ากล่องพร้อมด้วยขวดหยกที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตเข้มขนจนเป็นของเหลวนั้นถูกนำมาวางเรียงรายไว้ด้านหน้าในรัศมีที่หลิงหยุนสามารถหยิบขึ้นมาดื่มได้ทันที
  จากการเตรียมพลังชีวิตจำนวนมากนั้นทำให้เห็นว่าการฝึกวิชาหยางพิสุทธิ์นั้นต้องอาศัยพลังหยางที่บริสุทธิ์ในปริมาณมากมายเพียงใด และนี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นฝึกฝนเท่านั้น
  หลิงหยุนสำรวจไปรอบๆตัวและเมื่อเห็นว่าทุกอย่างได้ตระเตรียมไว้พร้อมแล้ว เขาก็สงบจิตใจ และเริ่มฝึกวิชาหยางพิสุทธิ์ทันที..
  หลิงหยุนเริ่มต้นด้วยการขับพลังหยินที่อยู่ตามเส้นลมปราณต่างๆกลับไปผนึกไว้ที่จุดตันเถียนของตนเองให้เหลือเพียงแค่พลังหยางบริสุทธิ์ไว้ตามเส้นลมปราณต่างๆเท่านั้น
  จากนั้นจึงเริ่มดูดซับเอาพลังชีวิตเข้มข้นซึ่งถูกปลดปล่อยออกมาจากต้นสมุนไพรชีฉียู่อย่างต่อเนื่องเข้าไปและในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของการฝึกนั้น หลิงหยุนต้องการพลังชีวิตในปริมาณที่มากจนต้องหยิบพลังชีวิตที่เป็นของเหลวที่เตรียมไว้นั้นขึ้นดื่มเข้าไป
  หลิงหยุนเลือกที่จะดื่มพลังชีวิตเข้มข้นจนเป็นของเหลวนั้นเข้าไปโดยตรงมากกว่าที่จะดื่มน้ำลายมังกรแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าน้ำลายมังกรมีคุณสมบัติไม่ดีพอ แต่เพราะพลังชีวิตเข้มข้นจนเป็นของเหลวนี้ มีพลังอมตะจากพู่กันจักรพรรดิอยู่ด้วยนั่นเอง และนั่นคือการตระเตรียมการมาตั้งแต่ต้นของหลิงหยุนแล้ว
  วันคืนผ่านไป..ทุกนาทีของการฝึกฝนเป็นไปอย่างเชื่องช้า ทางด้านไป๋เซียนเอ๋อนั้น เพื่อดูแลคุ้มครองหลิงหยุน นางถึงกับไม่ยอมฝึกฝนวิชาเพื่อจะได้สามารถดูแลคุ้มครองความปลอดภัยให้หลิงหยุนอย่างเต็มที่
  ผ่านไปห้าวัน..ไป๋เซียนเอ๋อจึงเห็นว่าพลังชีวิตในกล่องหยกทั้งสิบห้าใบ และขวดหยกอีกห้าใบที่วางอยู่รอบตัวหลิงหยุนนั้น ถูกดื่มเข้าไปจนหมดแล้ว
  หลิงหยุนจึงต้องใช้พลังชีวิตจากหินพลังชีวิตแทนเขากำก้อนหินไว้ในมือทั้งสองข้างระหว่างฝึกฝน และเมื่อผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง พลังชีวิตจากหินทุกก้อนก็ถูกหลิงหยุนดูดซับเข้าไปจนหมดเช่นกัน
  ผ่านไปอีกสองวัน..หินพลังชีวิตที่มีอยู่ก็ถูกหลิงหยุนดูดซับไปจนหมด ในเวลานี้พลังชีวิตจากต้นสมุนไพรชีฉียู่ก็ถูกปลดปล่อยออกมาจนหมดแล้วเช่นกัน และไป๋เซียนเอ๋อก็ได้จัดการเก็บต้นสมุนไพรชีฉียู่ตามวิธีที่หลิงหยุนบอก..
  ตอนนี้หลิงหยุนจึงเหลือเพียงพลังชีวิตจากหญ้าหยางและน้ำลายมังกรเท่านั้นเขาจึงยกน้ำลายมังกรขึ้นดื่ม
  เวลาผ่านไปเจ็ดวัน..หลิงหยุนฝึกวิชาหยางพิสุทธิ์มาจนถึงช่วงสำคัญ เหลือเวลาอีกเพียงแค่สองวันเท่านั้น เขาต้องเข้าสู่ระดับหนึ่งของวิชาหยางพิสุทธิ์ให้ได้ ไม่เช่นนั้นทุกอย่างที่พยายามมาก็จะสูญเปล่า
  ช่วงเวลานั้น..ไป๋เซียนเอ๋อก็สัมผัสได้ว่าอุณหภูมิภายในบ้านเลขที่-1 นั้นเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และตอนนี้อุณหภูมิภายในบ้านก็สูงกว่านอกบ้านถึง 20 องศา ภายใต้ความร้อนสูงระดับนี้ ทำให้ต้นไม้ดอกไม้ภายในสวนล้วนแล้วแต่เหี่ยวเฉา และตายจนหมด
  และนี่เป็นผลพวงจากพลังหยางบริสุทธิ์ที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างของหลิงหยุนแต่ถึงกระนั้นความร้อนเช่นนี้ก็ไม่สามารถทำอะไรไป๋เซียนเอ๋อได้ เพราะเธอฝึกวิชาจิ้งจอกระเริงไฟ ตรงข้ามพลังหยางบริสุทธิ์นี้กลับเป็นประโยชน์กับไป๋เซียนเอ๋ออย่างมากเลยทีเดียว
  วันที่เก้า..
  ในเวลานี้..เริ่มมีแสงสีขาวประหลาดเปล่งประกายสว่างไสวออกมาจากร่างของหลิงหยุน แสงสีขาวนี้มีประกายเจิดจ้าจนสามารถส่องทะลุค่ายกลลวงตาที่ไป๋เซียนเอ๋อสร้าขึ้นได้ แม้ในยามค่ำคืนก็ยังคงเปล่งประกายสว่างไหวไม่หยุด
  และนี่คือสาเหตุที่หลิงหยุนต้องให้ไป๋เซียนเอ๋อสร้างค่ายกลลวงตาขึ้นมาเพราะเขารู้ว่าในการฝึกวิชาหยางพิสุทธิ์นั้น จะต้องเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
  “ปัง!”
  ในเวลาบ่ายของวันที่เก้า..ในที่สุดหลิงหยุนก็สามารถเข้าสู่ระดับที่หนึ่งของวิชาหยางพิสุทธิ์ได้ นับว่าหลิงหยุนเตรียมตัวมาดีพอสมควร และดื่มน้ำลายมังกรเข้าไปถึงสองกิโลกรัมภายในสองวัน จึงสามารถเข้าสู่ระดับที่หนึ่งได้ในที่สุด!
  หลิงหยุนลืมตาขึ้นช้าๆเขายิ้มพร้อมกับระเบิดพลังหยางในร่างกายออกมาเสียงดัง และสามารถเข้าสู่ระดับที่หนึ่งของวิชาหยางพิสุทธิ์ได้!
  “ฮ่า..ฮ่า.. ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จ! ใช้เวลาเพียงแค่เก้าวันเท่านั้น ไม่เลวเลยทีเดียว!”
  หลิงหยุนร้องตะโกนออกมาด้วยความดีใจแต่ยังคงนั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิพร้อมกับส่งกระแสจิตบอกไป๋เซียนเอ๋อว่า
  -เซียนเอ๋อ..ตอนนี้เจ้าไปที่ค่ายกลหลุมพลังของหญ้าหยินได้แล้ว-
  ไป๋เซียนเอ๋อทำตามอย่างว่าง่าย..นางกระโดดไปยังตำแหน่งของหญ้าหยิน และจัดการทำลายค่ายกลหลุมพลังตามคำสั่ง
  ทันทีที่ค่ายกลถูกทำลายพลังหยินเยือกเย็นที่กักเก็บไว้นานถึงเก้าวัน ก็พุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนในทันที
  ตอนนี้ร่างกายของหลิงหยุนมีเพียงพลังหยางเท่านั้นเมื่อพลังหยินเยือกเย็นพุ่งเข้าใส่ร่างของเขา จึงทำให้หยิน-หยางภายในร่างกายเริ่มสมดุล และเขาก็เริ่มเดินวิชาพลังลับหยินหยางทันที
  จุดตันเถียนที่น่าอัศจรรย์ของหลิงหยุนเริ่มหมุนช้าๆและในที่สุดเขาก็ได้เข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-9 ทันที และดูเหมือนจะไร้ซึ่งอุปสรรคใดๆ หลิงหยุนจึงสามารถเข้าสู่ระดับกลางของขั้นปรับร่างกาย-9 ได้ต่อจากนั้น!
  หลิงหยุนไม่พูดอะไร..เขาเริ่มฝึกเดินพลังลับหยินหยางต่ออีกสามวัน ระหว่างนั้นก็ไม่ลืมที่จะฝึกวิชาดาราคุ้มกายทั้งเช้าและเย็นไปด้วยเช่นกัน เพราะหลังจากวันที่ 15 เดือน 5 ตามปีจันทรคตินั้น พระจันทร์จะเต็มดวง และเป็นวันที่ท้องฟ้าทอประกายเจิดจรัสที่สุด จึงเหมาะสมที่จะฝึกวิชาดาราคุ้มกายอย่างยิ่ง
  ระหว่างสามวันที่ฝึกฝนอยู่นั้น..กำลังภายในในขั้นปรับร่างกาย-9 ของหลิงหยุนก็เริ่มเสถียร หลิงหยุนเองก็ไม่รีบร้อนที่จะเข้าสู่ขั้นพลังชี่เร็วนัก เพราะขั้นพลังชี่เป็นขั้นที่สำคัญ หลิงหยุนต้องการเข้าสู่ขั้นนี้ด้วยความมั่นคง
  ส่วนการฝึกวิชาดาราคุ้มกายนั้นแม้ว่าหลิงหยุนจะพยายามอย่างหนัก แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าสู่ขั้นที่สามได้เสียที เขาจึงได้แต่ต้องยอมแพ้ชั่วคราว
  การฝึกวิชาหยางพิสุทธิ์สำเร็จนั้นจะทำให้หลิงหยุนมีพลังจู่โจมที่ทรงพลังขึ้นมาก เขาจึงไม่รีบร้อนที่จะรีบพัฒนาวิชาที่ใช้ป้องกันตัวมากนัก
  “ผ่านไปสิบสองวันแล้ว..ในที่สุดข้าก็สามารถฝึกวิชาหยางพิสุทธิ์ผ่านระดับที่หนึ่ง และเข้าสู่ระดับสูงสุดของขั้นปรับร่างกาย-9 ได้ นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว!”
  ในขณะที่ก้าวหน้าไปมากหลิงหยุนก็ใช้พลังชีวิตไปจำนวนมากเช่นกัน เพราะพลังชีวิตที่เขาได้สะสมมานั้นถูกใช้ไปจนไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว
  แต่นั่นนับว่าคุ้มค่า..คุ้มค่ากับผลที่ได้รับอย่างมากจริงๆ!
  หลิงหยุนกระโดดออกมาจากค่ายกล..จากนั้นจึงเปิดจิตหยั่งรู้ของตนเองขั้นสุด และพบว่าจิตหยั่งรู้ของเขานั้นขยายกว้างกว่าเดิมถึงเท่าตัว และตอนนี้จิตหยั่งรู้ของเขาก็สามารถรับรู้ได้ในรัศมีไกลถึง 80 เมตร!
  ทันทีที่เท้าของหลิงหยุนแตะพื้นเขาก็ก้มลงหยิบก้อนอิฐที่ความหนาราวเจ็ดหรือแปดเซ็นติเมตรที่ขึ้นมา ปรากฏว่าเขาสามารถมองทะลุหินนั่นได้อย่างสบายๆ!
  และนั่นย่อมหมายความว่าเนตรหยิน-หยางของหลิงหยุนเวลานี้ สามารถมองทะลุสิ่งกีดขวางที่มีความหนาถึง 10 เซ็นติเมตรได้แล้ว
  หลิงหยุนหัวเราะอย่างอารมณ์ดีและมือขวาของเขาก็จัดการบีบก้อนหินในมือจนแตกละเอียดเป็นผงและร่วงหล่นลงไปที่พื้น
  “เซียนเอ๋อ..แสดงความยินดีกับข้าเร็วเข้า!”
  ร่างของไป๋เซียนเอ๋อพุ่งไปยืนอยู่หน้าหลิงหยุนทันทีและใบหน้างดงามของนางก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างไม่สามารถปกปิดไว้ได้ นางดีอกดีใจราวกับการฝึกฝนของตนเองนั้นก้าวหน้า
  “ฮ่า..ฮ่า.. แต่นี่ก็เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น หนทางของข้ายังอีกยาวไกลนัก!”
  หลิงหยุนร้องบอกพร้อมกับเอื้อมมือไปโอบร่างของไป๋เซียนเอ๋อไว้..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร