บทที่ 670 : สาบาน!
“อามิตตาพุทธ..กุฏินี้ล่ะประสก!”
ใบหน้าของหลวงจีนเฉวียนจื้อเปลี่ยนเป็นเศร้าหมองระหว่างที่บอกกับหลิงหยุนว่ากุฏิที่พวกเขาทั้งสองคนกำลังนั่งอยู่นี้ก็คือกุฏิที่หลวงจีนเฉวียนหมิงเคยพำนักอาศัยอยู่นั่นเอง
หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้สำรวจดูไปทั่วทั้งห้องภายในกุฏิมีเพียงความเงียบสงบ หลิงหยุนค่อยๆหันร่างของตนเองไปทางเตียงที่วางอยู่ จากนั้นจึงค่อยๆโน้มตัวลงโค้งคำนับไปทางเตียงที่ว่างเปล่าถึงสามครั้งเพื่อเป็นการแสดงความเคารพ..
สีหน้าของหลิงหยุนเคร่งขรึมและดูจริงจังขึ้นอย่างมากราวกับว่าหลวงจีนเฉวียนหมิงกำลังนั่งอยู่บนเตียงที่ว่างเปล่านั่น
‘ข้าขอบคุณท่านอาจารย์สำหรับความช่วยเหลือของท่านในครั้งนั้น!’หลิงหยุนได้แต่นึกขอบคุณอยู่ในใจเงียบๆ
แม้ว่าฉินจิวยื่อจะเป็นผู้ที่พบหลิงหยุนก่อนที่หลวงจีนเฉวียนหมิงจะไปถึงก็จริงแต่หากไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือจากหลวงจีนเฉวียนหมิง ซือกงถูที่มีทั้งวรยุทธและกำลังภายในที่สูงส่ง ก็อาจหาหลิงหยุนพบ และจัดการสังหารเขาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วก็ได้ และในครั้งนั้นแม้แต่ฉินจิวยื่อเองก็อาจได้รับอันตรายไปด้วยเช่นกัน
ดังนั้นหลิงหยุนจึงรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของหลวงจีนเฉวียนหมิงจากใจ!
“ไม่ทราบว่าท่านอาจารย์ทั้งสองมาจากสำนักใด”
หลังจากที่ทำความเคารพหลวงจีนเฉวียนหมิงเรียบร้อยแล้วหลิงหยุนก็หันไปถามหลวงจีนเฉวียนจื้อ..
หลวงจีนเฉวียนจื้อตอบไปว่า“อามิตตาพุทธ.. ข้ากับศิษย์พี่เป็นศิษย์อารามเฉวียนกงที่อยู่บนเขาเหิงซันในไป่เยี่วย”
หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับตอบไปว่า“บุญคุณที่ช่วยชีวิตข้าในครั้งนั้น หลิงหยุนจะตอบแทนพวกท่านในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน!”
หลวงจีนเฉวียนจื้อส่ายหน้าเล็กน้อยพร้อมตอบกลับไปว่า“ประสกหลิงหยุน.. พระพุทธองค์กล่าวไว้ว่าการช่วยชีวิตสรรพสัตว์นั้น ยิ่งใหญ่กว่าการสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นเสียอีก ศิษย์พี่ของข้าช่วยชีวิตเจ้า เป็นเรื่องที่สมควรยิ่งแล้ว ตอนนั้นเจ้ายังเป็นเพียงทารกน้อย การที่ข้านำเรื่องนี้มาบอกกล่าวกับเจ้านั้น จุดประสงค์ก็เพียงเพื่อต้องการทำความปรารถนาของศิษย์พี่ข้าให้เป็นจริงเท่านั้นเอง เจ้าไม่จำเป็นต้องตอบแทนอะไรเลย.. ไม่จำเป็น..”
หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยและไม่พูดอะไรอีก..
“ไม่ทราบว่าท่านพอจะรู้หรือไม่ว่าหน้าผาที่ท่านป้าจินเหยียวของข้ากับซือกงถูต่อสู้กันนั้นอยู่ที่ใดข้าอยากจะไปดูด้วยตาตัวเอง..”
“อ่อ..เจ้าตามข้ามา..”
ทั้งสองคนต่างก็เดินออกจากกุฏิของหลวงจีนเฉวียนหมิงหลิงหยุนได้ส่งกระแสจิตบอกกับมู่หลงเฟยจื่อว่าให้เดินตามเขากับหลวงจีนเฉวียนจื้อไปที่ด้านนอกของวัดหลิงเจี๋วย
หลวงจีนเฉวียนจื้อพาหลิงหยุนกับมู่หลงเฟยจื่อเดินออกนอกประตูวัดหลิงเจี๋วยไปและเดินไปตามถนนหนทางขึ้นเขาทางด้านตะวันออกที่ค่อนข้างขรุขระ จากนั้นหลวงจีนเฉวียนจื้อก็ปีนนำขึ้นไปบนหน้าผาที่ค่อนข้างสูงชันแห่งหนึ่ง ซึ่งแม้แต่ผู้ที่มาเยี่ยมชมวัดยังไม่กล้าขึ้นไป
หลิงหยุนปีนตามขึ้นไปและไปยืนสำรวจหน้าผาที่จินเหยี่ยวและซือกงถูต่อสู้กันด้วยตาตัวเอง..
หน้าผาแห่งนี้ยื่นออกไปนอกเขาและมีพื้นที่เพียงแค่เก้าเมตร จากภาพที่เห็นนั้นทำให้หลิงหยุนคาดเดาเอาเองว่า ในคืนนั้นจินเหยี่ยวน่าจะถูกบีบให้จนมุมจนไม่มีหนทางหนี จึงต้องต่อสู้กับซือกงถูจนตัวตาย
‘ท่านป้าจินเหยี่ยว..ข้า-หลิงหยุนขอสาบานว่าหากพบว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ ข้าจะต้องตอบแทนบุญคุณของท่านอย่างแน่นอน แต่หากท่านโชคร้ายถูกคนโฉดสังหารตาย ข้า-หลิงหยุนขอสาบานว่าจะสังหารคนของพรรคมารทุกคนที่เกี่ยวข้องกับซือกงถู เพื่อเป็นการแก้แค้นให้กับท่านอย่างแน่นอน!’
หลิงหยุนสาบานกับตัวเองอยู่ในใจเงียบๆจากนั้นจึงหันไปมองมู่หลงเฟยจื่อ และพูดกับหลวงจีนเฉวียนจื้อว่า
“ท่านอาจารย์เฉวียนจื้อ..ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปอารามเฉวียนกงจะอยู่ในการดูแลของข้า – หลิงหยุน! ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง หรือสิ่งของเครื่องใช้ ข้าจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด ขอท่านอย่าได้ปฏิเสธ..!”
หลวงจีนเฉวียนจื้อตอบกลับมายิ้มๆ“ในเมื่อประสกมีเมตตา อาตมาก็ไม่ขัดศรัทธา..”
มู่หลงเฟยจื่อเอ่ยขอบคุณหลวงจีนเฉวียนจื้อเช่นกันแล้วจึงเดินตามหลิงหยุนออกจากวัดหลิงเจี๋วย และเดินลงเขาไป
ระหว่างทางที่กลับนั้นมู่หลงเฟยจื่อเห็นว่าหลิงหยุนอารมณ์ไม่สู้ดี จึงไม่ยอมให้เขาขับรถกลับ เธอจึงให้หลิงหยุนไปนั่งข้างคนขับ ส่วนเธอเป็นคนขับรถกลับเอง
“หลิงหยุน..ฉันไม่คิดว่าเธอจะ..” มู่หลงเฟยจื่อพูดได้เพียงแค่ครึ่งเดียวก็ต้องกล้ำกลืนประโยคสุดท้ายไว้ในลำคอ
“ถูกเก็บมาเลี้ยง..”หลิงหยุนตอบยิ้มๆอย่างไม่ใส่ใจ
“พี่มู่หลง..ผมมีบางเรื่องอยากจะบอกกับคุณ แต่คุณต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ..” หลิงหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงหันไปพูดกับมู่หลงเฟยจื่อ
เมื่อได้ยินว่าหลิงหยุนต้องการจะบอกเล่าความลับของตนเองให้เธอได้ล่วงรู้ในใจก็ถึงกับอึ้งไป เธอจ้องมองหลิงหยุนตาโตก่อนจะร้องถามออกไปทันที
“ความลับอะไร”
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“คุณเคยได้ยินชื่อตระกูลหลิงแห่งปักกิ่งบ้างมั๊ย”
“ฉันได้ยินตอนที่จูหย่งหวังพูดถึง!”มู่หลงเฟยจื่อรำพึงรำพันออกมาในขณะที่สมองของเธอดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
หลิงหยุนหัวเราะหึหึพร้อมกับตอบไปว่า“นั่นล่ะ.. ผมเป็นทายาทของตระกูลหลิง! พ่อแท้ๆของผมก็คือคุณชายสามแห่งตระกูลหลิง – ชื่อว่าหลิงเสี่ยว!”
มู่หลงเฟยจื่อถึงกับกระทืบเบรกหยุดรถอย่างแรงจากนั้นใบหน้าสวยงามก็หันไปมองหลิงหยุนด้วยความตกใจพร้อมกับถามเสียงดัง
“อะไรนะ!”
ถึงแม้ว่ามู่หลงเฟยจื่อจะไม่ใช่ผู้ที่ฝึกวรยุทธและกำลังภายในแต่ด้วยฐานะของตระกูลมู่หลง แน่นอนว่าเธอต้องเคยได้ยินเรื่องราวของเจ็ดตระกูลใหญ่แห่งปักกิ่งอย่างแน่นอน!
“นี่เธอ..เธอเป็นทายาทตระกูลหลิงจริงๆเหรอ!” มู่หลงเฟยจื่อถามย้ำอย่างไม่อยากจะเชื่อ น้ำเสียงของเธอบ่งบอกว่ากำลังตกใจสุดขีด
หลิงหยุนพยักหน้ายิ้มๆ“ถ้าคุณจะเปลี่ยนใจตอนนี้.. ก็บอกผมได้นะ!”
ใบหน้าของมู่หลงเฟยจื่อซีดเผือดเธอจ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ใครบอกล่ะว่าฉันคิดอะไรแบบนั้น ฉันเคยได้ยินมาว่าในอดีตตระกูลหลิงเคยเกิดเรื่อง และตั้งแต่นั้นมาตระกูลหลิงก็ตกต่ำมาจนถึงตอนนี้ แล้วนี่เธอ.. เธอ..”
แน่นอนว่า..มู่หลงเฟยจื่อรู้สึกเป็นห่วงหลิงหยุน!
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า“คุณไม่ต้องห่วง! คุณคอยดูไปก็แล้วกัน ผมจะทำให้ตระกูลหลิงกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งในไม่ช้า และจะต้องขึ้นมาเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศนี้!”
น้ำเสียงของหลิงหยุนนั้นแม้จะเบาแต่ก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ และภาคภูมิใจซึ่งมู่หลงเฟยจื่อสามารถสัมผัสได้
“ฉันเชื่อมั่นในตัวเธอ!แต่เธอก็ต้องระวังตัวด้วย..”
มู่หลงเฟยจื่อเหยียบคันเร่งอีกครั้งและรถก็เคลื่อนไปข้างหน้าทันที จากนั้นเธอก็พูดต่อว่า
“หลิงหยุน..ที่เธอต้องไปจากจิงฉูครั้งนี้ก็เพราะต้องการไปปักกิ่งใช่มั๊ย”
หลิงหยุนพยักหน้า“ถูกต้อง! เมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว.. พ่อกับลุงของผมได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย จนถึงตอนนี้ยังหาตัวไม่พบ! ตอนนี้ก็สอบเอนทรานซ์เสร็จแล้ว ผมจึงต้องการไปปักกิ่งเพื่อตามหาพวกเขา..”
หลิงหยุนนึกถึงเกาเฉินเฉินและครั้งนี้หลิงหยุนเริ่มรู้สึกว่าภาระต่างๆที่เขาแบกรับอยู่นั้นช่างหนักอึ้งเสียเหลือเกิน!
รถแลนด์โรเวอร์มุ่งหน้าสู่ศาลาเทียนสี่ในตลาดค้าของเก่ามู่หลงเฟยจื่อกลับไปทำงานต่อ ส่วนหลิงหยุนก็ขับรถของตนเองกลับไปยังบ้านเลขที่-1
เวลานี้พระอาทิตย์เริ่มตกดินแล้วหลิงหยุนจอดรถไว้และตรงเข้าไปหาต้นสมุนไพรชีฉียู่ทันที เขาพบว่ากล่องหยกทั้งสามใบที่วางอยู่นั้นตอนนี้เต็มไปด้วยพลังชีวิตที่เข้มข้นจนเป็นของเหลว หลิงหยุนจัดการเรียกกล่องหยกทั้งสามเข้าไปเก็บ และจัดการวางขวดที่ทำจากหยกอีกห้าขวดไว้แทน
ทั้งกล่องหยกและขวดหยกนั้นล้วนทำมาจากหยกจักรพรรดิของหลิงหยุน ภายในได้ถูกสร้างเป็นค่ายกลหลุมพลังขนาดเล็กไว้ ทำให้สามารถกักเก็บพลังชีวิตเข้มข้นจนเป็นของเหลวไว้ได้โดยที่พลังชีวิตจะไม่ระเหยกระจายออกมาด้านนอกอย่างแน่นอน
“ดูท่าพรุ่งนี้บ่ายสมุนไพรชีฉียู่ของข้าก็จะโตเต็มวัยเสียที!ครั้งนี้คงจะไม่ใช่เก็บได้แค่ห้าขวด แต่น่าจะได้ถึงยี่สิบขวด และนั่นก็น่าจะเพียงพอแล้ว!”
หลิงหยุนจ้องมองใบของสมุนไพรชีฉียู่ที่ตอนนี้จุดทั้งเจ็ดนั้นเริ่มเห็นเด่นชัดมากขึ้นเรื่อยๆเขาจึงค่อนข้างมั่นใจ..
เมื่อใดที่สมุนไพรชีฉียู่โตเต็มวัยหลิงหยุนก็จะสามารถฝึกวิชาหยางพิสุทธิ์ได้ และสามารถเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-9 ได้เสียที
จากนั้นหลิงหยุนก็ได้ทำการสอนวิชาเท้าทองคำหมื่นลี้ให้กับตี้เสี่ยวอู๋และสอนการจี้จุดให้กับเขาด้วย และสั่งให้ตี้เสี่ยวอู๋ฝึกฝนอยู่ในบ้านหลังนี้
หลังอาหารเย็น..หลิงหยุนก็ขับรถไปหาหลินเมิ่งหานที่บ้าน และได้สอนวิชาฝ่ามือน้ำแข็งให้กับเธอ และตอนนี้วิชาพลังเย็นของหลินเมิ่งหานก็นับว่าก้าวหน้าขึ้นมากทีเดียว อีกทั้งกำลังภายในของเธอก็เข้าสู่ระดับสูงสุดของขั้นโฮ่วเทียน-9 แล้ว
หลิงหยุนขับรถไปหาเหยาลู่ต่อที่บ้านและได้สอนวิชา
คืนนั้น..หลิงหยุนไม่หยุด เขาขับรถไปหาเหยาลู่ที่บ้าน และได้ถ่ายทอดวิชาบางอย่างให้กับเหยาลู่ อีกทั้งยังย้ำให้เธอตั้งใจฝึกฝนและไม่ต้องสนใจเรื่องของคลินิกให้มากนัก
“หลิงหยุน..คุณ.. คุณต้องไปจากจิงฉูจริงๆเหรอ”
เมื่อเห็นหลิงหยุนรีบร้อนสอนวิชาให้กับตนเองเหยาลู่ก็พอเดาได้ว่าหลิงหยุนกำลังจะต้องไปจากจิงฉู..
หลิงหยุนพยักหน้า“นับถอยหลังตั้งแต่วันพรุ่งนี้ได้เลย หลังจากนี้อีกราวสิบกว่าวันผมก็ต้องไปจากจิงฉูแล้ว!”
“คุณไม่ต้องห่วงเรื่องคลินิกกับธุรกิจอื่นๆที่นี่ฉันจะดูแลทุกอย่างให้คุณเอง!”
ไม่ว่าจะอย่างไร..เหยาลู่ก็ยังคงทำหน้าที่ภรรยาที่ดีอยู่เสมอ!
หลิงหยุนตบไหล่เหยาลู่เบาๆพร้อมกับยิ้มให้และบอกไปว่า “เหยาลู่.. ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น! เรื่องธุรกิจต่างๆในจิงฉูผมได้จัดการไปหมดแล้ว ตอนนี้คุณอยู่ในระดับกลางของขั้นโฮ่วเทียน-8 หน้าที่ของคุณคือตั้งใจฝึกฝนให้ก้าวหน้าโดยเร็วที่สุด เพื่อว่าวันหน้าจะได้ช่วยผมได้ เข้าใจมั๊ย”
เหยาลู่พยักหน้ารับรู้..แต่ใบหน้าของเธอแดงก่ำ หลิงหยุนรู้สึกแปลกใจจึงถามออกไปว่า “คุณมีอะไรจะพูดหรือเปล่า”
เหยาลู่ยืนกัดริมฝีปากหน้าแดงก่อนจะกระซิบเสียงเบา“ฉันไม่กล้าพูด.”
หลิงหยุนลูบไล้หน้าอกของเหยาลู่พร้อมกับพูดขึ้นว่า“พูดมาเถอะน่า..”
เมื่อถูกหลิงหยุนลูบไล้หน้าอกร่างของเหยาลู่ก็ถึงกับสั่นเธอพูดอายๆว่า “สามี.. คืนนี้คุณจะบ่มเพาะเคียงคู่ให้กับฉันมั๊ย”
หลิงหยุนได้ยินถึงกับยิ้มและตอบไปว่า“หลินเมิ่งหานกำลังภายในสูงกว่าคุณนิดหน่อย ถ้าคุณอยากจะเข้าสู่ขั้นโฮ่วเทียน-9 ก็ต้องขยันฝึกเอาหน่อย”
เหยาลู่ผลักมือของหลิงหยุนออกพร้อมกับพูดเสียงสั่น“ฉันเดาว่าคุณก็ต้องบ่ม
“เหยาลู่..นี่คุณหึงเหรอ”
“รอบตัวคุณมีหญิงงามเพียบพร้อมมากมายฉันเป็นคนที่ด้อยที่สุด แต่คุณกลับเลือกที่จะเข้าหอกับฉันก่อนคนอื่น เพียงแค่นี้ฉันก็มีความสุขแล้ว จะหึงไปทำไมกัน..”
“สามี..แล้วต่อไปในวันข้างหน้า คุณจะทำแบบนั้นกับฉันอีกมั๊ย”
“ถึงเวลานั้นก็ค่อยว่ากัน..”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร