บทที่ 674 : น้ำตาลูกผู้ชาย!
“โธ่เว้ย!เจ้างั่งสองคนนั่นปล่อยให้เหยื่อหนีไปจนได้ ถ้าเป็นฉันไล่ตาม มันไม่มีทางรอดแน่!”
เจสเตอร์ที่ขับรถตามมานั้นได้แต่บ่นพึมพำด้วยความโมโหเขาขับตรงไปรอจิมกับพอลอยู่ที่สามแยกด้านหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ตามที่ต่างๆ และทันทีที่จิมกับพอลขึ้นรถมา เขาก็ตะโกนด่าอย่างไม่พอใจ
“เจ้างั่งเอ๊ย!ตอนนี้พวกแกสองคนจะทำยังไง”
“ที่ปั๊มนั่นมีกล้องวงจรปิดอยู่แกจะให้ฉันตามมันเข้าไปได้ยังไง แต่มันคงยังหนีไปได้ไม่ไกลนักหรอกน่า และต่อให้มันหนีเข้าไปในตัวเมืองจิงฉูได้ พวกเราก็มีวิธีที่จะตามหามันเจออยู่ดี ถึงตอนนั้นค่อยไล่ล่ามันใหม่ได้!” จิมพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
ทางด้านเกาเทียนหลงนั้นเขาได้วิ่งหนีการไล่ล่าของแวมไพร์ทั้งสองตัวมาอย่างกระหืดกระหอบ และเวลานี้แทบไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออยู่อีกเลย แม้แต่แรงที่จะเหยียบคันเร่งยังแทบไม่มีด้วยซ้ำไป แต่ด้วยความมุ่งมั่นและเชื่อว่าตนเองจะต้องมีชีวิตรอดไปถึงตัวเมืองจิงฉูให้ได้ จึงได้รวบรวมเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้าย!
ในเมื่อยังคงเป็นเวลาค่ำคื่น..เกาเทียนหลงจึงต้องอาศัยกล้องวงจรปิดตามสถานที่ต่างๆ เป็นเครื่องป้องกันและเฝ้าระวังแวมไพร์ทั้งสามตัว
เพียงแค่สองสามนาทีต่อมาเกาเทียนหลงก็ขับรถมาถึงแยกถนนกู่เฟิง และตามท้องถนนก็มีผู้คนเดินกันขวักไขว่ อีกทั้งยังมีกล้องวงจรปิดอยู่แทบทุกหนทุกแห่ง และนั่นทำให้เกาเทียนหลงค่อยรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาได้อย่างมาก
“บ้านของหลิงหยุนอยู่โครงการสี่..คงจะอยู่ไม่ห่างจากบ้านของน้องเฉินเฉินมากนัก..”
เกาเทียนหลงครุ่นคิดอยู่เงียบๆคนเดียวและแน่นอนว่าเขาต้องรู้ว่าน้องสาวของตนเองนั้นอยู่ที่ใหน
ไม่ช้า..เกาเทียนหลงก็ขับรถมาถึงสี่แยกถนนกู่เฟิงที่ตัดกับถนนจิงฉี เขาเหลือบมองป้ายบอกทางก่อนจะขับตรงไปด้านหน้า
อีกเพียงสามหรือสี่กิโลเมตรก็จะถึงหมู่บ้านที่หลิงหยุนอยู่แล้ว..
เมื่อเกาเทียนหลงขับรถมาถึงหน้าหมู่บ้านเขาก็ขับเข้าไปหาพนักงานรักษาความปลอดภัยที่อยู่หน้าหมู่บ้าน และเลือกที่จะไม่ลงจากรถ
“สวัสดีครับ..ไม่ทราบว่าบ้านเลขที่-1 ในโครงการสี่ของหมู่บ้านไปทางใหนเหรอครับ”
ที่เกาเทียนหลงไม่กล้าลงจากรถนั้นก็เพราะชุดเครื่องแบบทหารของเขาเปื้อนไปด้วยเลือดและขาดรุ่งริ่ง หากพนักงานรักษาความปลอดภัยเห็นเข้า เขาอาจะถูกต้องสงสัยว่าเป็นขโมย และความจริงแล้วเขาเองก็เพิ่งจะเป็นขโมยที่ฉกชิงรถคันนี้มาหมาดๆ
“ทำไมใบหน้าของคุณถึงได้มีรอยขีดข่วนเต็มไปหมดไม่ทราบว่าคุณจะเข้าไปทำอะไรที่บ้านเลขที่-1 เหรอครับ? ที่นั่นเป็นบ้านของคุณหลิงหยุน ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าไป..”
ทุกๆวันจะมีคนมาถามหาบ้านเลขที่-1ของหลิงหยุนไม่เว้นแต่ละวัน ตอนนี้บ้านเลขที่-1 จึงเป็นที่โด่งดัง และแน่นอนว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยต่างก็รู้กฎของบ้านเลขที่-1 ดี..
เกาเทียนหลงรีบตอบกลับไปทันที“หลิงหยุนเป็นน้องเขยของผมเอง!”
เมื่อได้ยินว่าหลิงหยุนที่อยู่บ้านเลขที่-1เป็นผู้ที่โด่งดังถึงเพียงนี้! แม้แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยยังรู้จัก ในใจของเกาเทียนหลงก็เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น และคิดว่าตนเองคงตัดสินใจถูกต้องแล้วที่รีบมาพบหลิงหยุน
เมื่อพนักงานรักษาความปลอดภัยได้ฟังก็ได้แต่คิดในใจว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นพี่ชายของหญิงสาวคนใหนกันแน่ เพราะรอบตัวหลิงหยุนมีผู้หญิงอยู่มากมาย แต่เมื่อเห็นหน้าตาหล่อเหลาของชายหนุ่ม ก็คิดว่าเขาคงจะไม่พูดโกหก..
เมื่อคิดได้เช่นนั้นพนักงานรักษาความปลอดภัยจึงเปิดเครื่องกั้นพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ขับตรงไปทางทะเลสาบนะครับ แล้วบ้านหลังที่ใหญ่ที่สุดนั่นล่ะเป็นบ้านของคุณหลิงหยุน..”
เกาเทียนหลงเอ่ยขอบคุณแล้วรีบเหยีบคันเร่งขับตรงเข้าไปยังบ้านเลขที่-1 ทันที!
เสียงดังของเครื่องยนต์ทำให้ตี้เสี่ยวอู๋นึกประหลาดใจเขากำลังฝึกวิชาดาราคุ้มกายอยู่ที่สวนในบ้าน จึงรีบลุกขึ้นมาดูทันทีว่าใครกันที่มาที่นี่..
“นั่นใคร!”ตี้เสี่ยวอู่ร้องถาม
“ผม..ผมมาหาหลิงหยุน ช่วยผมด้วย! ผมเป็นพี่ชายของเกาเฉินเฉิน! ผม…”
ในที่สุดเกาเทียนหลงก็มาถึงบ้านของหลิงหยุนแต่หลังจากที่อ้าปากพูดกับตี้เสี่ยวอู๋ได้เพียงแค่สองสามประโยค เขาก็เป็นลมหมดสติ และล้มฟุบลงกับพื้นต่อหน้าตี้เสี่ยวอู๋!
ภายใต้แรงกดดันระหว่างความเป็นความตายและภายใต้วิกฤติของตระกูลเกา เกาเทียนหลงต้องหนีตายออกมา และสามารถยืนหยัดมาได้จนถึงตอนนี้ ก็นับว่าเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มากแล้ว และตอนนี้ด้วยความดีใจสุดขีด เขาถึงกับเป็นลมล้มฟุบไปในทันที!
“อะไรกัน!พี่ชายของเกาเฉินเฉินงั้นเหรอ?!”
ตี้เสี่ยวอู๋ได้ฟังก็ถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจเขารู้ว่าเหตุการณ์ไม่น่าจะดีอย่างแน่นอน และแทนที่จะรีบพาเกาเทียนหลงที่ล้มฟุบอยู่กับพื้นเข้าไปด้านในก่อน แต่กลับรีบกดโทรศัพท์หาหลิงหยุนแทน
พรุ่งนี้หลิงหยุนต้องออกเดินทางจากจิงฉูแล้วเขาจึงมีเรื่องต้องปรึกษาหารือกับเหล่ากุ่ยมากมาย ระหว่างที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น หลิงหยุนจึงหยิบออกมาดู ในใจได้แต่คิดว่าเป็นภรรยาคนใหนของเขาโทรมากันแน่ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นตี้เสี่ยวอู๋ เขาก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้
‘อะไรกันข้าก็บอกเจ้าแล้วว่าข้าออกมาหารือธุระกับเหล่ากุ่ย เจ้าจะโทรมารบกวนข้าทำไมกัน?!’
หลิงหยุนขมวดคิ้วพร้อมกับกดรับสายแล้วตอบกลับไปเสียงดัง“เดี๋ยวฉันก็จะกลับแล้ว.. นี่นายมีอะไรนักหนา”
ทันทีที่หลิงหยุนรับสายตี้เสี่ยวอู๋ก็ไม่รออะไรทั้งนั้น และรีบร้องตะโกนใส่โทรศัพท์ “พี่หยุน.. มีผู้ชายคนหนึ่งขับรถมาหาที่พี่บ้าน เขาบอกว่าเขาเป็นพี่ชายของเกาเฉินเฉินชื่อว่าเกาเทียนหลง! เขาบอกให้พี่ช่วยเขาด้วย!”
“อะไรนะ!”
หลิงหยุนได้ยินถึงกับใจหล่นไปที่ตาตุ่มและรีบตอบกลับไปว่า “ฉันจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้ล่ะ!”
เกิดเรื่องไม่ดีกับตระกูลเกาอย่างที่เขาจริงๆด้วย!
หลิงหยุนไม่แม้แต่จะบอกเหล่ากุ่ยเขาถือโทรศัพท์และวิ่งกลับไปที่บ้านทันทีโดยไม่สนใจรถที่จอดทิ้งไว้ ในเมืองที่การจราจรติดขัดเช่นนี้ การใช้วิชาตัวเบานั้นจะรวดเร็วกว่าการขับรถมากนัก
หลิงหยุนใช้มังกรพรางร่างขั้นสูงสุดมุ่งหน้ากลับไปยังบ้านเลขที่-1ทันที และเหล่ากุ่ยเองก็วิ่งตามหลังมา เพียงแค่สี่นาที หลิงหยุนก็มาปรากฏตัวอยู่ที่หน้าประตูบ้าน และรีบเปิดประตูเข้าไปในบ้านทันที
“เขาอยู่ที่ใหน”หลิงหยุนร้องถามขึ้นทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน
“พี่หยุน..เขาหมดสติไปแล้ว ฉันก็เลยพาเข้าไปในบ้าน..” ตี้เสี่ยวอู๋ร้องบอกหลิงหยุน
หลิงหยุนพุ่งเข้าไปในบ้านอย่างไม่รีรอระหว่างนั้นก็เปิดจิตหยั่งรู้สำรวจดูโดยรอบ และพบร่างของเกาเทียนหลงที่นอนหมดสติอยู่ ในใจได้แต่คิดว่าที่แท้ชายผู้นี้ก็คือพี่ชายของเกาเฉินเฉินหรือนี่!
ในคืนที่หลิงหยุนแอบเข้าไปสำรวจบ้านของเกาเฉินเฉินนั้นเขาก็ได้พบรูปถ่ายของเกาเทียนหลงในห้องนอนของเกาเฉินเฉินด้วย
“เขาไม่เป็นอะไรมาก!แค่ได้รับบาดแผลภายนอกเท่านั้น..” หลิงหยุนพูดเสียงเบา
หลิงหยุนดูออกว่าเกาเทียนหลงเป็นยอดฝีมือขั้นโฮ่วเทียน-8จึงได้แต่นึกสงสัยว่าใครกันนะที่ทำให้ยอดฝีมือระดับนี้มีสภาพที่หมดเรี่ยวหมดแรงเช่นนี้ได้ และเกิดเรื่องใหญ่โตอะไรขึ้นกับตระกูลเกากันแน่?
หลิงหยุนเดินไปยืนอยู่ข้างกายของเกาเทียนหลงจากนั้นจึงเอื้อมมือออกไปสัมผัสมือขวาของเขาไว้ และได้ถ่ายเทพลังหยางบริสุทธิ์ลงไปในร่างกายของเขา
ในไม่ช้า..เกาเทียนหลงก็ถอนหายใจพร้อมกับลืมตาตื่นขึ้น เขาจ้องมองหลิงหยุนที่อยู่ตรงหน้าครู่ใหญ่ จากนั้นจึงร้องถามออกมาเพื่อให้แน่ใจ
“คุณ..คุณคือหลิงหยุนใช่มั๊ย”
เกาเฉินเฉินเคยส่งรูปของหลิงหยุนให้เกาเทียนหลงดูทำให้เกาเทียนหลงสามารถจดจำหลิงหยุนได้ในทันที!
“ใช่..แต่ตอนนี้คุณอย่าเพิ่งพูดอะไร.. พักผ่อนอีกสักครู่ก่อน..” หลิงหยุนบอกเกาเทียนหลงด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่สงบนิ่ง ในขณะที่ยังคงถ่ายเทพลังหยางเข้าไปในร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง
การรักษาด้วยการถ่ายเทพลังหยางบริสุทธิ์โดยตรงนั้นแน่นอนว่าย่อมดีกว่ายาวิเศษใหนๆ และเพียงไม่นานเกาเทียนหลงก็ฟื้นตัว จากนั้นหลิงหยุนก็เรียกยันต์บำบัดระดับสี่ออกมาจากแหวนพื้นที่ และจัดการรักษาบาดแผลตามร่างกายและใบหน้าให้กับเขา
บาดแผลน้อยใหญ่ภายนอกร่างกายของเกาเทียนหลงหายไปในพริบตาและไม่เหลือแม้แต่รอยแผลเป็น!
“นี่..นี่มัน..”
หลิงหยุนตอบไปว่า“คุณรู้สึกดีขึ้นแล้วใช่มั๊ยครับ! ถ้าหายตกใจแล้ว ก็ค่อยๆเล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และตอนนี้เฉินเฉินเป็นยังไงบ้าง?”
หลังจากนั้น..หลิงหยุนก็หันไปสั่งตี้เสี่ยวอู๋ “นายไปหาน้ำมาให้เขาดื่มก่อน! แล้วก็ไปหยิบเสื้อผ้าในตู้ของฉันมาให้เขาเปลี่ยนด้วย”
ตี้เสี่ยวอู๋เดินออกไปทำตามคำสั่งส่วนเกาเทียนหลงลุกขึ้นนั่งนิ่ง เขาทั้งตกใจและประหลาดใจที่พบว่าตอนนี้ตามร่างกายของตนเองนั้นไม่เหลือร่องรอยของบาดแผลเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังมีเรี่ยวมีแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขารู้ได้ทันทีว่าตนเองเลือกคนช่วยเหลือได้ถูกต้องแล้ว! และในใจก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก..
“เกิดเรื่องร้ายแรงกับตระกูลเกา..นับเป็นความเลวร้ายอย่างที่สุด!”
เกาเทียนหลงพูดต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ตอนนี้คนในตระกูลเกาต่างก็ถูกพวกแวมไพร์ควบคุมไว้หมดแล้ว.. ตอนนี้ทุกคนตกเป็นทาสของพวกมันแล้ว..”
“แวมไพร์งั้นรึ!”
จากนั้นหลิงหยุนก็ถามต่อด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง“แล้วเฉินเฉินล่ะ.. ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง!”
แน่นอนว่าคนที่หลิงหยุนเป็นห่วงที่สุดก็คือเกาเฉินเฉิน..
ดวงตาของเกาเทียนหลงเริ่มมีน้ำตาไหลออกมาและร่างของเขาก็เริ่มสั่นเทิ้มขณะที่ตอบหลิงหยุน
“ผม..ผมไม่พบเฉินเฉินแล้ว! ผมกลับไปถึงบ้านก็พบว่าบรรยากาศภายในบ้านดูแปลกไป และผิดปกติอย่างมาก ทุกคนมีใบหน้าที่ซีดขาว ท่าทางเย็นชา และพูดด้วยน้ำเสียงที่เนิบนาบราวกับคนไม่มีชีวิต..”
“ตอนแรกผมก็ไม่รู้สึกเอะใจอะไร..แต่ท่านปู่ที่ปกติจะต้องออกมารับผมทุกครั้งที่กลับบ้าน ครั้งนี้กลับไม่ยอมออกมา..”
“นั่นเพราะตอนที่ผมกลับไปถึงบ้านนั้นเป็นเวลากลางวันแสงอาทิตย์ยังส่องแสงเจิดจ้าอยู่ เมื่อผมเริ่มสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงได้พยายามชวนท่านปู่ออกไปนอกบ้าน แต่ไม่ว่ายังไงท่านปู่ก็ไม่ยอมออกไป! ผมจึงมั่นใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น และรีบหาข้ออ้างหนีออกมา..”
หลิงหยุนที่นั่งนิ่งฟังเกาเทียนหลงเล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นได้แต่คิดในใจว่า ‘เกาเฉินเฉินอาจจะยังปลอดภัย และอาจจะหลบซ่อนตัวอยู่ที่ใหนสักแห่งก็เป็นได้..’
“คุณไม่พบเฉินเฉินเลยงั้นเหรอแล้วทำไมคุณถึงได้รับบาดเจ็บตามร่างกายแบบนี้?”
หลิงหยุนไม่สนใจพวกแวมไพร์เขาต้องการรู้ว่าตอนนี้เกาเฉินเฉินเป็นอย่างไร และอยู่ที่ใหนมากกว่า..
“ผมถูกแวมไพร์สามตัวไล่ล่ามาตลอดทางถ้าผมถูกแวมไพร์ดูดเลือดเข้าอีกคนแล้วล่ะก็.. ตระกูลเกาก็คงต้องสิ้นชื่อ และไม่เหลือใครอีกแล้ว!”
“หลิงหยุน..ผมรู้ว่าคุณมีทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศ ได้โปรดหาทางช่วยตระกูลเกาด้วย.. ช่วยท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านแม่ และน้องสาวของผมด้วย.. ได้โปรด!”
และน้ำตาของลูกผู้ชายอย่างเกาเทียนหลงก็ไหลพรากเขาไม่ลังเลที่จะลุกจากเตียงและทรุดตัวลงคุกเข่าขอร้องหลิงหยุนทันที!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร