บทที่1057 ทารุณประธานเย่น้อย
“ดูยัยเด็กคนนี้สิ พูดอะไรแบบนี้? การแต่งงานสำหรับคนเรานั้นเป็นเรื่องใหญ่ ทำไมจะไม่ใช่ทางเลือกที่จำเป็นล่ะ? ฉันจะบอกแกว่าแกยังหาคนที่ชอบไม่เจอหรือยังไม่แต่งงานก็แล้วแต่แก แต่ถ้าแกกล้าไม่แต่งงานไปชั่วชีวิต ฉันจะตีแกให้ตาย”
เสี่ยวเหยียน “...”
ช่างเถอะ เธอคงต้องหยุดพูดความคิดของตัวเองต่อ
ใครบอกล่ะว่าเธอไม่อยากแต่งงาน เธออยากแต่งงาน อยากแต่งงานกับคนที่ชอบและคนคนนั้นก็ต้องชอบตัวเองด้วย แบบนี้ถึงจะเป็นการแต่งงานที่มีความสุข
แต่ว่าคนที่เธอชอบกลับไม่ชอบเธอ
เธอคิดว่าชีวิตนี้เธอคงไม่อาจชอบผู้ชายคนไหนได้อีกนอกจากหานชิง ดังนั้นเสี่ยวเหยียนจึงคิดว่าตัวเองก็จะไม่แต่งงานไปตลอดชีวิต
“ชีวิตคนเรายังอีกยาวไกล ตอนนี้แกยังอายุไม่มาก อย่าเพิ่งไปคิดถึงว่าจะมีหรือไม่มี เมื่อถึงวัยที่ควร แกก็จะพบว่าไม่มีอุปสรรคใดที่ไม่สามารถก้าวผ่านมันไปได้ ชีวิตคนเราก็มีขึ้นๆลงๆแบบนี้แหละ”
หลัวหุ้ยเหม่ยเป็นคนที่เคยผ่านโลกมาก่อนจึงเข้าใจเรื่องราวมากมายมากกว่าเสี่ยวเหยียน เสี่ยวเหยียนเป็นลูกสาวเธอ ทำไมเธอจะดูไม่ออกถึงการเปลี่ยนแปลงของเสี่ยวเหยียนหลังจากที่กลับมาคราวนี้ล่ะ แค่เพียงว่าเรื่องบางเรื่องคนเป็นแม่อย่างเธอจะถามไปชัดๆก็ไม่ได้
“เข้าใจแล้วค่ะ หนูไปดูเสี่ยวหมี่โต้วหน่อยว่าตื่นหรือยัง”
จากนั้นเสี่ยวเหยียนก็ไปเรียกเสี่ยวหมี่โต้วให้ตื่น หลายวันมานี้เสี่ยวหมี่โต้วอยู่กับเธอตลอด เมื่อพ่อจางรู้ว่าเขาพักอยู่บ้านก็โวยวายจะออกจากโรงพยาบาล
เสี่ยวเหยียนรู้ดีเป็นธรรมดาว่าทำไมพ่อจางถึงอยากออกจากโรงพยาบาล แต่เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ร่างกายของเขายังไม่หายสนิท ดังนั้นเสี่ยวเหยียนกับหลัวหุ้ยเหม่ยต่างก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้เขาออกจากโรงพยาบาล
ด้วยเหตุนี้ พ่อจางจึงมีอาการเซื่องซึมอยู่เป็นเวลานาน ทุกวันที่เสี่ยวเหยียนไปส่งอาหาร เขาก็จะจ้องมองเธออย่างเงียบๆ จากนั้นก็ถามเธอว่าตัวเองจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่?
เสี่ยวเหยียนรู้สึกขำทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เนื่องจากเธอไม่คิดว่าพ่อของตัวเองจะโมโหเหมือนเด็กแบบนี้
เนื่องจากจะต้องเปิดร้าน ดังนั้นหลัวหุ้ยเหม่ยจึงพยายามเลือกวันที่เป็นฤกษ์งามยามดี แต่พอดูแล้วดูอีก ฤกษ์ดีดีทั้งหมดก็กองไปอยู่เดือนหน้า
พูดอีกอย่างก็คือถ้าอยากดูวันเปิดร้านก็ต้องรอไปจนถึงเดือนหน้า
เสี่ยวเหยียนทนรอแทบจะไม่ไหว เธออยากทำงานยุ่งเร็วๆเพื่อที่เธอจะได้ลืมความคิดพร่ำเพ้อที่ติดอยู่ในใจของเธอ
“อย่างงั้นก็ไม่ต้องดูฤกษ์แล้ว พ่อยังต้องอยู่โรงพยาบาลอีกหนึ่งอาทิตย์ เราก็เอาวันที่เขาออกจากโรงพยาบาลแล้วกัน ถือเสียว่าเป็นวันดี”
หลัวหุ้ยเหม่ยครุ่นคิดโดยละเอียด “งั้นวันนั้นแม่จะไปรับพ่อเอง ออกจากโรงพยาบาลเสร็จก็ตรงไปหาที่ร้าน”
เสี่ยวเหยียนพยักหน้า “ค่ะ”
*
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์
ร้านของเสี่ยวเหยียนจัดเตรียมเสร็จหมดเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากเป็นวันเปิดร้าน หลัวหุ้ยเหม่ยจึงซื้อประทัดมาให้เธอ แต่เสี่ยวเหยียนคิดว่าประทัดอันตรายเกินไป เธอจึงเอามันคืนไป จากนั้นก็ทำลูกโป่งและดอกไม้สดไว้บางส่วน
เนื่องจากเซ็นสัญญาแล้ว ดังนั้นเสี่ยวเหยียนจึงไม่ได้ตระหนี่ขี้เหนียว เธอยอมจ่ายเงินจ้างลูกมือมาสองคนเพราะมีส่วนลดในช่วงเปิดร้านใหม่
ตัวอย่างเช่นหากถ่ายรูปโพสต์ไปยังกลุ่มเพื่อนและสามารถเรียกยอดไลค์ได้ถึง 88 ไลค์ก็จะได้รับคำสั่งซื้อฟรี ซึ่งค่าอาหารจำกัดอยู่ที่ 500 เท่านั้น หากเกิน 500 ต้องจ่ายเอง
นอกจากนี้หากวันนั้นบริโภคมากก็จะมีของกำนัลมอบให้เป็นกิจกรรมเล็กๆน้อยๆ เสี่ยวเหยียนต้องเร่งรีบหลายคืนเพื่อเตรียมกิจกรรมเหล่านี้ แม้จะเพิ่งเปิดร้านในวันนี้และสภาพจิตใจของเธอก็ดีมาก แต่รอยคล้ำใต้ตากลับลึกขึ้น
และหลายวันมานี้เธอผอมลงไปมาก
เสี่ยวเหยียนไม่ใช่คนหน้าเรียว แต่เป็นประเภทหน้ากลมแบบแอปเปิล พอหลังจากที่เธอผอมลง แก้มทั้งสองข้างก็ไม่มีเนื้อ จึงทำหน้าโครงหน้าเธอดูชัดขึ้นเล็กน้อย เบ้าตาลึก แม้ว่าบางส่วนจะแห้งเหี่ยว แต่ก็ดูผอมสวยกว่าเมื่อก่อนมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่