เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ นิยาย บท 110

บทที่109 เพราะว่าพวกเราเคยนอนด้วยกัน

“ไอ้เด็กเวร! นายไปทำร้ายคนอื่นเค้าอย่างไร้สาเหตุแบบนั้น คำอธิบายสักคำก็ไม่มี นายคิดจะทำลายตระกูลเย่รึไง!?”

เย่หลิ่นหานที่ยืนอยู่ข้างๆนายท่านเย่ที่กำลังโกรธจัดเข้ามาพูดเตือน “คุณปู่ โม่เซินจะทำอะไรก็ล้วนแต่มีเหตุผลเป็นของตัวเอง แต่ก่อนก็ไม่เคยเห็นเขาไปทำอะไรใครเค้าก่อน อาจจะเป็นเพราะว่าครั้งนี้ลู่สุนฉางน่าจะไปทำอะไรให้โม่เซินไม่พอใจจริงๆ โม่เซิน อย่างน้อยนายควรจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับคนในบ้านได้ฟัง ตกลงลู่สุนฉางไปทำเรื่องอะไรให้นายต้องขุ่นเคืองใจ?”

“หึ พวกนายมีสิทธิ์อะไรมารู้เรื่องของฉัน?” ท่าทีของเย่โม่เซินดูหยิ่งผยองอย่างเต็มที่ เขาไม่ได้มองนายท่านเย่และเย่หลิ่นหานไว้ในสายตาเลยสักนิด แต่เสิ่นเฉียวที่ยืนอยู่ข้างๆเขากลับรู้ดี เขาไม่อยากดึงตัวเธอเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

ในครั้งที่แล้วตอนที่เสิ่นเฉียวออกมาพูดแล้วโดนเขาเข้ามาขัดขวางเอาไว้ เธอก็รู้ดีว่าเย่โม่เซินไม่อยากจะดึงเธอเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

แต่ว่า....มันก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องมารับเรื่องเหล่านี้แทนตัวเธอรึเปล่า?

มันคือเวลาที่เธอควรจะยืดอกออกมา เธอไม่ต้องการที่จะให้เย่โม่เซินต้องมารับเรื่องแทนตัวเองทุกครั้ง

เมื่อนึกถึงจุดนี้ เสิ่นเฉียวจึงยืดอกออกมาพูดก่อนที่นายท่านเย่จะโมโหอีกครั้ง

“เป็นเพราะเรื่องของฉันเองค่ะ” เสิ่นเฉียวยืดอกออกมาพูด ถึงแม้ว่าร่างของเธอจะผอมบางแต่เธอกลับยืนบังร่างของเย่โม่เซินได้

เย่โม่เซินอึ้งทันที จากนั้นขมวดคิ้วแน่น

“ฉันให้เธอเปิดปากพูดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเสิ่นเฉียวจึงขาวซีด เขาต้องการจะพูดข่มเธอเพื่อให้เธอกลายเป็นคนนอกอีกแล้วใช่มั้ย? แต่ครั้งนี้เสิ่นเฉียวไม่อยากให้เขาต้องมารับกรรมแทนตัวเองอีก ดังนั้นเธอจึงรีบพูด “เป็นเพราะว่าลู่สุนฉางมาลักพาตัวฉัน!”

“อะไรนะ?” เย่หลิ่นหานตกใจทันที “น้องสะใภ้ คุณบอกว่าลู่สุนฉางลักพาตัวคุณ? นี่....”

ดวงตาที่เฉียบคมของนายท่านเย่จ้องมองมาที่เธอ “ลักพาตัวคุณ? เกิดเรื่องขึ้นเมื่อไหร่?”

เขาไม่รอให้เสิ่นเฉียวเปิดปากพูด เย่โม่เซินเคลื่อนรถเข็นเข้ามา เสิ่นเฉียวกลัวว่าเขาจะถูกตำหนิเพราะเข้ามาปกป้องตัวเธออีก ในจังหวะก่อนที่เขาจะพูด เธอรีบพูดแทรกออกมาก่อน “เกิดขึ้นเมื่อคืน เขาลักพาตัวฉันตอนที่ไปร่วมงานเลี้ยง”

เย่โม่เซินขมวดคิ้ว “เชี่ยเอ๊ย!”

ผู้หญิงคนนี้มาออกหน้าเพื่ออะไร? คนอย่างเขาเย่โม่เซินต้องการให้คนอื่นมาออกหน้าแทนเพื่อปกป้องเขาด้วยรึไง?

“นายท่านคะ ฉันรู้ดีว่าสิ่งที่ฉันพูดมันอาจจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อสำหรับคุณ แต่ลู่สุนฉางลักพาตัวฉันไปจริงๆ อีกทั้งเขายังพูดจาไม่ดีต่อเย่โม่เซิน มุ่งทำร้ายร่างกาย ถ้าหากว่าเป็นนายท่านละก็คงไม่อยากเห็นคนอื่นมาทำร้ายหลานชายของตัวเองเช่นนี้รึเปล่า? ” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวเหลือบไปมองดูเย่โม่เซิน ไม่ใช่ว่าเธอไม่รับรู้ถึงสายตาที่เย็นชาของเย่โม่เซิน แต่เธอไม่อาจจะทนมองเย่โม่เซินที่ต้องเข้ามารับเรื่องทุกอย่างแทนเธออีกแล้ว

“ฉันอยากจะพูดมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้พูดมาตลอด ครั้งนี้ฉันพูดออกมาแล้วนายท่านคงจะไม่โทษโม่เซินแล้วสินะ?”

นายท่านเย่หรี่ตาลงแล้วจ้องมองไปที่เธอ เขาไม่ได้พูดอะไร

มีแต่เย่หลิ่นหานที่ถามเธอด้วยความกังวลว่า “ลู่สุนฉางลักพาตัวคุณ? คุณบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า?”

เสิ่นเฉียวก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว เธอถอยมายืนอยู่ข้างๆเย่โม่เซิน จากนั้นตอบด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา “ไม่ได้บาดเจ็บ เย่โม่เซินช่วยฉันเอาไว้”

เสิ่นเฉียวเหลือบไปมองนายท่านอีกครั้ง เธอเห็นเขายังคงมองดูตัวเอง ไม่ได้มีความหมายอื่น

เสิ่นเฉียวจึงยกเรื่องทั้งหมดที่เย่โม่เซินเคยพูดกับตัวเองมาอธิบายให้กับนายท่านเย่ “อีกอย่าง หากจะพูดในด้านของการร่วมธุรกิจ ลู่สุนฉางคนนี้เป็นคนที่มีความคิดไม่เหมือนคนปกติทั่วไปจึงทำอะไรเข้ากับผู้อื่นยาก ไม่สามารถมองทะลุวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของเขาได้ ในครั้งนี้โครงการที่บริษัทตระกูลเย่และบริษัทตระกูลลู่ต้องร่วมมือทำคือโครงการที่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการเป็นเวลานาน ฉันตรวจสอบมาแล้ว การร่วมธุรกิจกับบริษัทแบบเดียวกัน หากร่วมงานกับบริษัทตระกูลฟางจะคุ้มค่ามากกว่าบริษัทตระกูลลู่!”

เมื่อฟังจบ เย่โม่เซินอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้นแล้วหันไปมองที่เสิ่นเฉียว

ผู้หญิงคนนี้....ดูฉลาดกว่าที่เขาคิดซะอีก แม้แต่จุดเล็กๆนี้เธอก็ยังมองออก

เห้อ~ สมกับเป็นผู้หญิงของเย่โม่เซินคนนี้

ดังนั้นภายใต้แววตาที่มืดมนดวงนั้นแฝงไปด้วยความพึงพอใจ

“หวังว่านายท่าน จะลองพิจารณาดู” เสิ่นเฉียวพูดเสริมอีกหนึ่งประโยค

“ได้ยินรึยังตาแก่?” เย่โม่เซินพูดเสริม

สีหน้าของเสิ่นเฉียวเปลี่ยนไปเล็กน้อย มือที่อยู่ด้านในของเสื้อสูทค่อยๆกำแน่นโดยไม่รู้ตัว ไอ้สารเลวคนนี้ ไม่ง่ายเลยที่เธอจะพูดออกมาได้ขนาดนี้ สุดท้ายเขากลับมาพูดจาแบบนี้ ต้องการจะยั่วโมโหคนอื่นรึไง?

ดังนั้นเสิ่นเฉียวจึงเข็นเย่โม่เซินไปด้านหลัง จากนั้นวิ่งกลับมา

“นายท่านคะ ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ แต่ในการร่วมธุรกิจในครั้งนี้หากว่าการเจรจาระหว่างบริษัทตระกูลลู่กับบริษัทตระกูลเย่ไม่สำเร็จ จะไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่พวกเราเสียหายอะไร แต่กลับตรงกันข้ามมันคือชัยชนะอย่างหนึ่ง ขอแค่เราสามารถร่วมงานกับบริษัทตระกูลฟางได้ก็พอ”

เสิ่นเฉียวรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่เธอก็เชื่อฟังคำพูดของเขาแล้วเดินเข้ามาใกล้ๆ

“คุณจะทำ…อะไร…….” เธอยังพูดไม่จบ มือใหญ่ๆของเย่โม่เซินยื่นเข้ามา จากนั้นดึงเธอเข้ามาในอ้อมอกของตัวเอง เสิ่นเฉียวนึกไม่ถึงว่าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เธอนั่งอยู่บนขาของเขา

“ฟังนะ ไม่ว่าจะเป็นตอนไหนห้ามเธอมายืนบังอยู่ข้างหน้าฉัน”

เสิ่นเฉียวจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ตกตะลึง

“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลู่สุนฉางเมื่อคราวก่อน หรือว่าตอนที่ฉันกำลังทะเลาะกับตาแก่นั่น ผู้หญิงของเย่โม่เซินแค่ยืนอยู่ข้างหลังฉันก็พอ”

อะไรนะ? ดวงตาของเสิ่นเฉียวเบิกกว้าง

นึกว่าตัวเองฟังผิดไป....เธอเอามือปิดปากตัวเองเอาไว้

เขาบอกว่า เธอคือผู้หญิงของเย่โม่เซิน?

จริง…..ใช่มั้ย?

“สีหน้าอะไรของคุณ?” เย่โม่เซินจ้องมองเธอด้วยสายตาที่ไม่พอใจ เขาหรี่ตาแล้วพูด

เสิ่นเฉียวพูดอย่างตะกุกตะกัก “คุณ เมื่อตะกี้คุณพูด.....ฉันคือผู้หญิงของคุณ?”

เย่โม่เซินรู้สึกไม่สบอารมณ์ เขาบีบคางของเธอแล้วถามเธอกลับ “นอนก็นอนด้วยกันแล้ว คุณยังอยากจะปฏิเสธ? หรือจะบอกว่า คุณยังอยากจะกลับไปอยู่เคียงข้างสามีเก่าของคุณคนนั้น?”

เสิ่นเฉียวอึ้งอยู่กับที่ “ฉัน.....”

“ไม่อนุญาต!”

แววตาของเย่โม่เซินแลดูมืดมน ราวกับค่ำคืนอันเงียบสงบ น้ำเสียงเย็นชาแต่มีความดึงดูดน่าฟัง “จากนี้ไปห้ามคุณไปติดต่อข้องเกี่ยวกับผู้ชายคนอื่นอีก ได้ยินมั้ย?”

เสิ่นเฉียวอึ้งทันที ริมฝีปากของเธอขยับ “เพราะว่า....พวกเราเคยนอนด้วยกัน ดังนั้นคุณเลยยอมรับว่าฉันคือผู้หญิงของคุณอย่างนั้นหรอ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่