บทที่1133 รอผม
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว ซูจิ่วลอบถอนหายใจอยู่ในใจ
ถ้าผลที่ออกไปเมื่อวานมันไม่สมดั่งหวังล่ะก็ งั้นต่อไป...
การคาดเดานี้ได้ยืนยันจากการที่ในตอนที่เที่ยงแล้วแต่เสี่ยวเหยียนก็ยังปรากฏตัวที่บริษัทเลย
คนที่อยากรอไม่มา ดูเหมือนว่าเมื่อวานที่หานชิงออกไปรอบนั้นก็ยังไม่ได้จัดการเรื่องราวให้เรียบร้อย อีกทั้งยังร้ายแรงมากด้วย?
ซูจิ่วอดไม่ได้ที่จะคาดเดาขึ้นมา วันนั้นหลังจากที่เธอสอบถามหน้าเคาน์เตอร์แล้ว เห็นท่าทางพนักงานหน้าเคาน์เตอร์แล้วก็คงไม่ได้โกหก และในตอนนั้นพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ก็ได้เล่าบทสนทนาของทั้งสองฝ่ายให้กับซูจิ่ว ซูจิ่วเองก็คิดว่าตามลักษณะนิสัยที่ร่าเริงของเสี่ยวเหยียนแล้ว จะถูกพวกผู้หญิงพวกนั้นพูดเพียงไม่กี่คำแล้วโกรธจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ได้ยังไงกัน?
และถึงแม้ว่าจะถูกผู้หญิงพวกนั้นทำให้โกรธขึ้นมาจริงๆ อย่างนั้นแล้วถึงพวกเธอจะโกรธ ก็ไม่เกี่ยวกับหานชิง
ถึงแม้ว่าซูจิ่วกับเสี่ยวเหยียนจะไม่ได้สนิทสนมกันมากมายนัก แต่จะว่ายังไงก็รู้จักกันมานาน ไม่ถึงกับว่าแม้แต่เรื่องจำพวกที่ว่าเสี่ยวเหยียนเป็นคนที่ไม่เคยโกรธใครแล้วจะไม่รู้เลย
ลบอันนี้ออกไป อย่างนั้นแล้วก็จะมีเพียงงานเลี้ยงคืนวันนั้นแล้ว
งานเลี้ยงคืนนั้นเป็นซูจิ่วที่เป็นคนไปส่งเสี่ยวเหยียน ต่อมาในตอนที่เธอออกไปนั้นความจริงแล้วไม่ได้ไปไหนเลย แต่ได้หลบอยู่ตรงที่ไกลๆ มองหานชิงรับเธอมาก็ถึงจะกลับไปอย่างสบายใจ ในตอนที่เห็นภาพนั้นแล้ว ซูจิ่วยังรู้สึกว่าหานชิงกำลังหึงหวงอยู่
ซูจิ่วยังคิดเลยว่า คงอีกไม่กี่วันสองทั้งสองคนก็คงได้สมหวังกันล่ะมั้ง~
คบกันก็ดี หานชิงอยู่คนเดียวมานาน สมควรจะหาสาวน้อยสักคน~
แต่ใครจะรู้ เพียงคืนเดียว เรื่องมันก็กลายมาเป็นอย่างนี้ไปเสียได้
ดังนั้นแล้วปัญหามาแล้ว ในคืนวันนั้น ตกลงแล้วมันเกิดเรื่องอะไรกันแน่? คิดไปคิดมา ซูจิ่วก็คิดไม่ออกเลยสักที คืนวันนั้นเกิดเรื่องอะไรกันถึงได้ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนถึงได้แย่ลงขนาดนี้?
ในตอนบ่าย ซูจิ่วก็เคาะประตูห้องทำงานของหานชิง
“เข้ามา”
เสียงของหานชิงเยือกเย็น คาดเดาอารมณ์ใดๆไม่ออก
ซูจิ่วผลักประตูเข้าไป ยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงาน มือเปิดเอกสารไปพลาง เอ่ยพูดออกมาพลาง “เกี่ยวกับโครงการชิงสุยเหอนี้ ฉันคิดว่ายังมีตกหล่นอยู่หลายจุด ดังนั้นแล้ว...”
“คุณตัดสินใจแล้วก็ดี” คำพูดของเธอยังไม่ทันได้พูดจบ ปลายนิ้วของหานชิงก็เคาะอยู่บนผิวโต๊ะอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นักขึ้นมาขัดเธอ
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูจิ่วเห็นหานชิงมีท่าทีไม่สบอารมณ์อย่างนี้ ถึงขนาดที่แม้แต่คำพูดก็ยังไม่รอให้คนอื่นได้พูดจบ ดูเหมือนว่าเรื่องครั้งนี้จะร้ายแรงจริงๆ
เสียงเธอปิดแฟ้มเอกสารดังขึ้น
“ท่านประธานหาน ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าฉันไม่มีสิทธิ์อะไรมาถามเรื่องส่วนตัวของคุณ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำในช่วงสองวันนี้มันส่งผลกับงานอย่างหนักแล้ว ฉันก็เลยจะไม่ถามเลยสักคำก็ไม่ได้ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันคะ?”
เอ่ยถึงประเด็นนี้ขึ้นมา หานชิงก็ขมวดคิ้ว สีหน้าเหมือนกับว่าจะไม่สบอารมณ์นัก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อาละวาดออกมา เพียงเอ่ยเสียงเย็นออกมา “ออกไปเถอะ” ซูจิ่วยืนนิ่งไม่ขยับ มุมปากก็ได้ประดับไปด้วยรอยยิ้มจางๆ
“ท่านประธานหาน จะยังไงฉันก็เป็นผู้หญิง ผู้หญิงก็ควรจะเข้าใจผู้หญิงด้วยกันดีกว่าหน่อย ไม่อย่างนั้นแล้วคุณก็ลองเล่าเรื่องให้ฉันฟังดู บางทีฉันอาจจะช่วยคุณได้?”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว ภายในใจของหานชิงก็กระตุกขึ้นมาเล็กน้อย แววตานิ่งๆมองผ่านไปจากใบหน้าของซูจิ่วอย่างรวดเร็ว
เธอพูดถูก ผู้หญิงเหมือนกัน บางทีเธออาจจะเข้าใจผู้หญิงด้วยกันมากกว่า
แต่...
ดวงตาของหานชิงมืดครึ้มลงหลายส่วน เสียงลอยๆฟังดูเหนื่อยหน่ายอย่างมาก “ออกไปเถอะ”
“...” ซูจิ่วนึกว่าตนจะสามารถพูดให้เขาใจอ่อนได้ นึกไม่ถึงว่าเขาจะปฏิเสธข้อเสนอของเธอ “เอาเถอะค่ะ ในเมื่อท่านประธานหานดื้อด้านขนาดนี้ งั้นก็ให้เป็นอย่างนี้ต่อไปเถอะ แต่ในเมื่อฉันเป็นเลขาของท่านประธานหานแล้ว งั้นฉันก็จะเชื่อฟังคำสั่งของท่านประธานหาน ขอเพียงแค่คุณต้องการ ก็ถามฉันได้ตลอดเวลานะคะ”
หลังจากที่ออกไปจากห้องทำงาน ซูจิ่วก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตาไม่พอใจไปทางห้องทำงาน
สมแล้วที่ต้องครองโสดอยู่อย่างนี้
*
ในตอนที่เซียวซู่มาที่ร้าน เห็นเสี่ยวเหยียนดูไร้ชีวิตชีวา ก็เอ่ยถามออกไป แต่เสี่ยวเหยียนก็บอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร ยังบอกเขาว่าต่อไปอย่ามาอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่