ตอน บทที่ 1672 ภายนอกดูเป็นเพื่อน จาก เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 1672 ภายนอกดูเป็นเพื่อน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยาย จีน เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ที่เขียนโดย สือหวู เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
บทที่ 1672 ภายนอกดูเป็นเพื่อน
“ทำไมเหรอ? แกไม่ใช่ว่าชอบพี่ชายของแกมาตลอดอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันเปล่า ...”
“อย่าปฏิเสธไปเลย ทุกคนก็เป็นผู้หญิงกันทั้งนั้น พวกเราดูออก”
“ใช่สิ ใช่สิ ต่อไปถ้าแกต้องการให้พวกเราช่วยเหลืออะไร ก็บอกมาทันที”
ปีนี้จางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันดูเปลี่ยนไปมาก ถางหยวนหยวนตกใจกับอาการกระตือรือร้นของพวกเธอ ทว่าการที่ทั้งสองคนคอยมาประกบสอพลออยู่ด้านข้างแถมพูดพร่ำไปเรื่อยกับตนเองอยู่นั้น จนสามารถทำให้ถางหยวนหยวนลืมเรื่องของเมิ่งเข่อเฟยไปได้เสียสนิท
การที่อยากจะลืมเรื่องราวไปเรื่องหนึ่ง ก็แค่การมีอีกเรื่องเข้ามาทดแทนมันเท่านั้นเอง การทำแบบนั้นมันก็สามารถเบี่ยงเบนความสนใจไปได้ทันที
“กินอิ่มมาก อีกเดี๋ยวตอนกลับไปเราจะปอกส้มกินกันดีไหม?”
“อื้อ ดี”
ทั้งสามคนเดินเกาะแขนเดินมุ่งหน้าไป ตอนที่กำลังเลี้ยงนั้นพอดีกับเมิ่งเข่อเฟยที่กำลังจะลงจากตึกพอดี ตอนที่ถางหยวนหยวนเดินผ่านไปนั้น พลันสบตาเมิ่งเข่อเฟยทันที
ถางหยวนหยวนผงะไปชั่วครู่ ฝีเท้าก็ชะงักทันที
ส่วนเมิ่งเข่อเฟยนั้น แม้ว่าสายตาจะสบตากับเธอก็ตาม ทว่าทำเหมือนไม่เห็นเธอเช่นนั้น สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์พลันเดินตรงดิ่งไปทันที
จางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันสบตากัน จากนั้นก็อ้าปากพูดทันที “ไอ้หยา ตรงนี้ก็มีคนอยู่นะ ช่างใจจืดใจดำเสียจริง ก่อนหน้านี้ก็อยู่ห้องพักเดียวกัน จะพูดยังไงก็เป็นเพื่อนห้องพักห้องเดียวกันมาตั้งสองปี อยู่ดีๆ ก็ไปเฉยเลย ขนาดเจอหน้ากันยังไม่ทักทายสักนิด ไม่รู้จริงๆ ว่านี่คนหรือหมากันแน่”
“ไม่ใช่คน แม้แต่หมายังไม่เทียบเท่าได้เลย ถึงอย่างไรการที่อยู่กับหมามาสองปีแล้ว มันจะอยู่กับแกตลอด เพราะมันภักดีกว่าคนบางคน”
คำพูดส่อเสียดที่ออกมาจากปากของคนสองคน ถางหยวนหยวนไม่ชอบใจเลยจนถึงขั้นขมวดคิ้วงามทันที “พวกแกอย่าพูดแล้ว”
“หยวนหยวน แกอย่ากลัว ต่อไปพวกเราปกป้องแกเอง คนเนรคุณอย่างเธอ แค่พูดต่อว่าเธอไปไม่กี่ประโยคก็เท่าไหร่เอง”
“ใช่ หยวนหยวน แกดูตอนที่เธอเห็นแกตอนนั้นสิ ทำเหมือนว่าไม่เห็นแกแบบนั้น คนพรรค์นี้แกยังจะไปปกป้องมันทำไม?”
เมิ่งเข่อเฟยไม่ได้แค่ทำมองไม่เห็นถางหยวนหยวน จนถึงขั้นทำเป็นว่าไม่ได้ยินคำสบถด่าที่จางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันด่าทอพวกนั้นด้วย พร้อมทั้งเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เธอตัดขาดไร้เยื่อใยได้ขนาดนี้ จนเบ้าตาของถางหยวนหยวนแดงแจ๋
“หยวนหยวน แกอย่าโกรธเลย”
“ใช่ หยวนหยวน คนพรรค์นี้ไม่คุ้มค่า”
ถางหยวนหยวนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลันอดกลั้นน้ำตาที่กำลังเอ่อล้น “ทำไมพวกแกอยากจะเป็นเพื่อนกับฉัน?”
เมื่อได้ยินแล้ว ทั้งสองคนตะลึงทันที จากนั้นก็พูดอธิบายทันควัน “ก็ต้องเป็นเพราะว่า ....”
“เพราะว่าทางบ้านของเรามีฐานะมีทั้งอำนาจ ใช่ไหม?”
ถางหยวนหยวนมองมาทางพวกเขาสองคน แววตาของเธอทอเป็นประกายราวกับสามารถอ่านพวกเธอสองคนทะลุปรุโปร่ง “เริ่มแรก ที่พวกแกเข้ามาตีสนิทฉันก็เพราะชอบพี่ชายของฉัน จากนั้นก็รู้แล้วว่าพี่ชายของฉันไม่ได้ชอบพวกแก เลยทิ้งจุดประสงค์นี้ไป งานวันพิธีบรรลุนิติภาวะในวันนั้น พวกแกแอบอ้างเอาชื่อว่าเป็นเพื่อนของฉัน จนได้รู้จักกับคนอื่นตั้งมากมาย ใช่ไหม?”
“หยวนหยวน มันไม่ใช่แบบที่แกคิดแบบนั้น เริ่มแรกจุดประสงค์หลักเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ว่าหลังจากนั้นแล้วเราสองคนก็คิดได้แล้ว อีกอย่างเวลาผ่านไปสองปีแล้ว พวกเราก็โตๆ กันแล้ว ทุกคนต่างบรรลุนิติภาวะกันแล้ว เมื่อก่อนความคิดต่างๆ นานายังไม่บรรลุนิติภาวะดังนั้นถึงได้มีความคิดที่ปัญญาอ่อนแบบนั้นออกมา ซึ่งตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว”
เธอมองไปทางสองคนนั้นพร้อมทั้งถามกลับ “ถ้าฉันไม่ใช่ถางหยวนหยวน ถางหยวนหยวนไม่ใช่ฉัน วันนี้พวกแกจะคุกเข่าต่อหน้าฉัน แล้วจะพูดคำพูดนี้กับฉันไหม?”
หยวนเย่าหันกับจางเสี่ยวลู่ตะลึงไปชั่วครู่ พลางจ้องมองเธออย่างเงียบงัน
“ความจริงแล้วไม่ต้องพูดก็ได้ ฉันก็รู้คำตอบอยู่แล้ว” ถางหยวนหยวนหลุบตาต่ำ ถ้าเธอไม่ใช่ถางหยวนหยวน ก็คงไม่มีคนสนใจเธอ ขนาดโอกาสที่จะเติบโตมาพร้อมกับพี่ชายก็คงไม่มี
ทว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ถางหยวนหยวนยังรู้สึกว่า การที่คนมีคอยเป็นห่วงเป็นใยมีคนคอยอยู่เป็นเพื่อนมันช่างดีจริงๆ เธอนึกถึงความอบอุ่นแบบนี้มาก เพราะว่าตั้งแต่เด็กก็ถูกคนคอยเอาใจจนเสียนิสัยมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเมื่อไม่มีคู่หูแล้ว พลันรู้สึกโดดเดี่ยวพร้อมทั้งหนาวเหน็บมาก
“ความจริงแล้วฉันก็ไม่ต้องคิดให้มันยาวเหยียด ถึงแม้ว่าเพราะว่าพวกแกที่ทำตัวตีสนิทก็เพราะว่าฉันคือถางหยวนหยวนมันก็ดี นั่นก็หมายความว่าฉันยังมีคุณค่ามี ใช่ไหม?”
ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะว่าพูดจนมาถึงขั้นนี้แล้ว ราวกับไม่มีอธิบายได้อีกแล้ว
พวกเธอพูดเสริมให้มากขึ้น ถางหยวนหยวนก็จะไม่เชื่อใจอยู่แล้ว
สุดท้ายแล้วหยวนเย่าหันก็เป็นคนพูด “พูดเยอะก็ไม่มีความหมายอื่นอีกแล้ว เพราะยังไงก็โตๆ กันแล้ว มีเรื่องราวมากมายที่ในใจย่อมรู้ ส่วนการแสดงออกนั้นรับไหวก็โอเคแล้ว เป็นเพื่อนกันดีกว่าเป็นศัตรูกันใช่ไหม? วันนี้แกไปอาบน้ำก่อน แล้วเข้านอนซะ พรุ่งนี้ตื่นเช้ามาทุกคนมานั่งกินข้าวด้วยกัน”
พูดจบ หยวนเย่าหันก็ลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งเดินไปที่เตียงของตนเองแล้วเริ่มเก็บของทันที
จางเสี่ยวลู่ก็ไม่ทันคิดว่าเธอจะพูดได้ตรงขนาดนี้ แต่ว่าคิดแล้วคิดอีกก็ถือว่าไม่เลวเลย เพื่อนเพิ่มอีกคนดีกว่าเพิ่มศัตรูอีกคน แสดงออกว่าเป็นเพื่อนกันมันจะทำไม? อย่าทะเลาะกันก็พอแล้ว เมื่อคิดถึงตรงนี้ได้ เธอจึงลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
“งั้นฉันขอตัวไปเก็บของก่อน แกไปอาบน้ำอุ่นก่อนเลย จะได้สบายตัว”
ถางหยวนหยวนนั่งอยู่ขอบเตียงอยู่นาน ท่าทางการแสดงออกมานั้นก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่เช่นกัน ผ่านไปชั่วครู่ 10-20นาทีเห็นจะได้ เธอก็ยอมลุกขึ้นยืนแล้วหยิบเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำไป
“คำพูดของพวกเรา มันจะดังเข้าหัวเธอไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่