บทที่ 556 คนที่นึกถึงคนแรกคือใคร
เสี่ยวเหยียนครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะถอดผ้ากันเปื้อนแล้วเดินออกมา
“เดี๋ยวฉันไปกับเธอด้วย ฉันกลัวว่าข้างนอกมันจะไม่ปลอดภัย”
หานมู่จื่อเหลือบมองเวลา “ตอนนี้ยังไม่ดึกเลย ไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ข้างล่างนี้เอง เธอรอฉันอยู่นี้ก็ได้”
เสี่ยวเหยียนครุ่นคิดอีกครั้งก่อนจะพูดออกมาว่า “งั้นเธอก็กลับมาเร็วๆ นะ”
“อืม”
หลังจากที่หานมู่จื่อเดินออกไป ภายในห้องก็เหลือเพียงเสี่ยวเหยียนเพียงคนเดียว บรรยากาศโดยรอบก็เงียบสงัดขึ้นมา เธอเหลือบมองผ้าม่านที่ถูกลมพัดตรงหน้าต่าง ทันใดนั้นเธอก็อดที่จะตัวสั่นเทาไม่ได้
ถ้ารู้เร็วกว่านี้เธอควรจะลงไปกับหานมู่จื่อ การที่ต้องอยู่ในห้องนี้คนเดียวมันเป็นความรู้สึกที่น่าหวาดกลัวมาก
หานมู่จื่อเดินออกจากลิฟต์ไปทางประตูเพื่อเดินไปซุปเปอร์มาร์เก็ต ในตอนที่เดินผ่านประตูเล็กออกมา จุดที่โดนรั้วกั้นในตอนกลางวันในตอนนี้ก็ไม่มีใครเข้าใกล้แล้ว
เมื่อคิดว่าเมื่อเช้ามีคนเสียชีวิตอยู่ตรงนี้ หานมู่จื่อจึงรู้สึกกลัวขึ้นมา จึงรีบเร่งฝีเท้าให้เดินเร็วขึ้น
หลังจากไปถึงซุปเปอร์มาร์เก็ต เธอก็รีบซื้อเกลือให้เสี่ยวเหยียนก่อน หลังจากนั้นจึงเลือกซื้อของที่จำเป็น ก่อนจะไปชำระเงิน อยากรีบกลับบ้านเร็วๆ
ทว่าคิดไม่ถึงว่าตอนเข้ามามีคนน้อยๆ เมื่อออกไปชำระเงินกลับมีคนต่อแถวรออย่างเหยียดยาว
หานมู่จื่อก้มมองเวลาก็พบว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่คนเยอะ
เมื่อไร้ทางเลือก หานมู่จื่อจึงได้แต่ต่อแถวอย่างไม่เต็มใจนัก รอจนชำระเงินเสร็จแล้วเดินออกจากซุปเปอร์มาร์เก็ต ท้องฟ้าด้านนอกก็แปรเปลี่ยนเป็นสีดำแล้ว
หานมู่จื่อหอบหิ้วของรีบเร่งก้าวเท้าเร็วๆ เพราะฟ้ามืดแล้ว ดังนั้นในตอนที่ไปถึงประตูเล็ก ก็มองเห็นไฟเล็กๆ ตอนจุดเกิดเหตุอยู่ไกลๆ เมื่อมองดูก็รู้สึกกลัวขึ้นมา
ไม่ว่าจะเป็นคนกล้าหาญขนาดไหน ถ้าต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ก็ต้องมีลำบากใจกันบ้าง ยิ่งไม่ต้องพูดไปถึงหานมู่จื่อ
ดังนั้นเมื่อต้องผ่านตรงจุดเกิดเหตุ หานมู่จื่อจึงเผลอรีบก้าวเท้าให้เร็วกว่าเดินอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเดินออกมาไกลแล้วเธอก็รู้สึกโล่งอก
เมื่อคิดอยากจะหันกลับไปมองตรงจุดเกิดเหตุที่อยู่ด้านหลัง ทว่าจู่ๆ ก็มีเงาอยู่ตรงด้านหลังตัวเอง
หานมู่จื่อถึงกลับหายใจกระตุก ใบหน้าขาวซีด ความคิดที่อยากจะหันกลับไปมองได้หยุดกึกลง
เธอหายใจเข้าออกลึกๆ ก่อนจะค่อยๆ ก้าวเท้าเดิน เพราะนอกจากนี้ยังไม่มีที่ลับดังนั้นเธอจึงได้แค่เอาโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรออกหาเบอร์เสี่ยวเหยียนอย่างรวดเร็ว
สายตามองทางมืดๆ ที่อยู่ตรงหน้า ทว่าเสี่ยวเหยียนก็ไม่ได้รับโทรศัพท์เธอเลย หานมู่จื่อกังวลเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าวันนี้มันวันอะไรของเธอ เมื่อวางสายไป หลังจากนั้นเธอก็กดเบอร์โทรศัพท์ที่เก็บเอาไว้ในใจตลอดหลายปีโดยที่เธอไม่รู้ตัว
หนึ่งวินาที สองวินาที สามวินาที.....
หลังจากนั้นก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก ในเวลาเดียวกันเบอร์โทรศัพท์ที่เธอกดออกไปก็ทำการเชื่อมต่อ
เมื่อได้ฟังว่าสายได้ทำการเชื่อมต่อแล้ว คำพูดขอความช่วยเหลือกำลังพรั่งพรูออกมาจากปากของหานมู่จื่อ
เธอเหลือบไปเห็นเงาด้านหลังที่กระโจมเข้ามาหาตัวเธอ ในเวลานั้นเธอตกใจกลัวสุดขีดจนอยากจะกรีดร้องออกมา ทว่าเธอกลับถูกปิดปากเอาไว้ หลังจากนั้นก็ถูกลากไปฝั่งที่มืดสนิท
“หื้ม!” หานมู่จื่อเบิกตากว้าง รู้สึกว่ามือและเท้าของเธอถูกคนควบคุมเอาไว้ เธอตกใจกลัวมากซะจนหัวใจจะพุ่งออกมา เธอพยายามใช้แรงที่มีอยู่ดิ้นรนอย่างหนัก ก่อนจะอ้าปากงับมือของอีกฝ่าย
“อือ...” อีกฝ่ายที่ถูกเธองับมือไปเต็มแรงก็ครวญครางออกมาด้วยความเจ็บ ทว่ามือกลับไม่ยอมถอยห่างออกไปสักนิด มีเพียงเสียงกระซิบที่ดังขึ้นมา “ผมเอง!”
เสียงทุ้มต่ำด้วยมาจากความมืด เป็นน้ำเสียงที่ฟังดูลึกลับทั้งยังมีความโกรธจากการที่ถูกกัดอยู่
หานมู่จื่อหยุดชะงักไป เสียงนี้มันฟังดูคุ้นเคย.... ในวินาทีถัดมาดวงตาของเธอก็ร้อนผ่าว น้ำตาแทบจะร่วงหล่นออกมา
แต่ทว่าเธอรีบพยายามห้ามตัวเองเอาไว้ก่อน โชคดีที่ตอนนี้พวกเขาอยู่ในมุมมืด อีกฝ่ายจึงยังไม่เห็นว่าสีหน้าของเธอตอนนี้เป็นอย่างไร
ท่ามกลางความมืด
โทรศัพท์ในมือของหานมู่จื่อ หน้าจอสว่างจ้าปรากฏชื่อของเย่โม่เซินให้เห็นอย่างชัดเจน
เย่โม่เซินจับเธอเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว โดยอีกมือหนึ่งก็เอาโทรศัพท์แนบหูอยู่ตรงหน้าเธอ ก่อนเอ่ยปากพูดขึ้นช้าๆ น้ำเสียงทุ้มต่ำราวกับไหลผ่านหัวใจทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่