เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า นิยาย บท 1351

ลำแสงห้าธาตุแปรเปลี่ยนไปมา แววตาดุจดั่งคมดาบ พลังปราณโหมกระหน่ำ

เสียงของผู้คนโดยรอบค่อย ๆ เบาลง เมื่อกระบี่หนักอยู่ในมือ ก็เกิดรอยยิ้มที่มุมปากขึ้น

สถานการณ์ได้คุกรุ่นขึ้น ลู่ฝานกับเทียนชิงหยาง ทั้งสองคนต่างก็ไม่ได้ปลดปล่อยเกราะปราณของตนเองออกมา

พลังอานุภาพปะทะก่อตัวขึ้นต่อเนื่อง ราวกับว่าเงาลางขนาดใหญ่ทั้งสองร่าง กำลังต่อสู้กันในอากาศ ในแต่ละครั้งต่างก็แฝงไปด้วยเสียงพลังที่ระเบิดขึ้น

กระบี่มังกรคำรามในมือของเทียนชิงหยาง เริ่มส่งเสียงคำรามขึ้นบ้างแล้ว จากเสียงเบาไปถึงเสียงดัง ค่อย ๆ เพิ่มระดับความแข็งแกร่งขึ้น

คลื่นเสียงที่สอดแทรกอยู่ท่ามกลางพลังอานุภาพของเทียนชิงหยาง ได้เริ่มพุ่งเข้าจู่โจมพลังอานุภาพของลู่ฝานอย่างดุเดือด

“กระบี่มังกรฟ้าคำราม! ”

คนในครอบครัวตระกูลเทียนที่สนิทคุ้นเคย ไม่มีผู้ใดไม่รู้จักวิชากระบี่ชุดนี้ และยิ่งไม่มีใครที่จะไม่รู้จักกระบวนท่าของวิชากระบี่นี้

การแข่งขันประลองยุทธหลายรอบก่อนหน้านี้ ไม่มีผู้ใดที่จะสามารถทำให้เทียนชิงหยางต้องแสดงทักษะวิชาบู๊และวิชากระบี่ที่ตนเองเป็นออกมาทั้งหมด

แต่ในวันนี้ เมื่อขึ้นมาบนสังเวียน เทียนชิงหยางก็แสดงวิชาท่าไม้ตายที่สืบทอดกันของตระกูลเทียนแล้ว

ด้านการปะทะพลังอานุภาพ ตระกูลเทียนไม่มีทางพ่ายแพ้ให้กับนักบู๊คนไหนอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเทียนชิงหยางที่ถือกระบี่มังกรคำรามอยู่ในมือ ยิ่งจะสามารถใช้วิชากระบี่กระบวนท่านี้ ได้ถึงขั้นสุดยอด!

ลู่ฝานสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง พลังอานุภาพเริ่มที่จะเคลื่อนย้ายหลบหลีก แวบหนึ่งเปลี่ยนเป็นก้อนพลัง แวบหนึ่งเปลี่ยนเป็นเส้นพลัง แวบหนึ่งก็แผ่กระจายเป็นวงกว้าง

ชี่กระบี่คำรามของเทียนชิงหยาง แข็งแกร่งทรงพลังอย่างมาก แต่ลู่ฝานกลับแสดงให้ทุกคนเห็นว่าอะไรที่เรียกว่าพลังอานุภาพที่ยืดหยุ่นคล่องแคล่ว อะไรที่เรียกว่าพลังอานุภาพที่สามารถควบคุมได้อย่างพลังปราณ

การกระทำดังกล่าว ในสายตาของพวกยอดฝีมือแล้ว ยิ่งน่าตกตะลึงมากขึ้น

แม้วิชาของเทียนชิงหยางจะทรงพลัง แต่นั่นก็เป็นแค่วิชา ไม่ใช่การควบคุมพลังฟ้าดิน ไม่ใช่การควบคุมพลังอานุภาพ

ลู่ฝานในฐานะที่เป็นนักบู๊ ไม่นึกว่าจะสามารถแปรเปลี่ยนเคลื่อนย้ายพลังอานุภาพได้ตามอำเภอใจอย่างกับผู้ฝึกชี่ได้

ภาพเหตุการณ์นี้ เมื่อไอ้หลิวมองเห็นแล้ว ก็ตื่นตกใจอย่างมาก และพูดพึมพำขึ้นว่า: “ลู่ฝานได้ฝึกฝนวิชาสรรพสิ่งไร้รูปร่างถึงขั้นนี้แล้วเหรอเนี่ยะ? ”

จากที่เขารับรู้ มีเพียงแต่นักบู๊ที่ฝึกฝนวิชาสรรพสิ่งไร้รูปร่างมาก่อนถึงจะสามารถขับเคลื่อนพลังอานุภาพได้อย่างง่ายดาย แต่ลู่ฝานเพิ่งจะฝึกฝนได้ไม่นาน รูปร่างภาพลักษณ์ก็ยังไม่ได้ฝึกฝนจนถึงขั้นเปลี่ยนแปลงได้มากสักเท่าไร แล้วทำไมถึงสามารถฝึกฝนไปถึงขั้นขับเคลื่อนพลังอานุภาพ จากภายในออกสู่ภายนอกได้แล้ว

อริยปราชญ์ดวงดาวและคนอื่น ๆ ที่เป็นผู้ฝึกชี่ ต่างก็รู้สึกตื่นตกใจกันอย่างมาก

พลังควบคุมที่ลู่ฝานแสดงออกมานั้น มันเหนือกว่าผู้ฝึกชี่ทั่วไปแล้ว

ไอ้หนุ่มนี้ หากว่าไม่ใช่นักบู๊แล้วล่ะก็ พวกเขาก็คงจะช่วงชิงเป็นอาจารย์และลูกศิษย์กันอย่างแน่นอน!

พลังควบคุมที่แข็งแกร่ง เป็นตัวแทนสื่อถึงความแกร่งกล้าของจิตญาณ หมายความว่ามีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมในด้านการฝึกฝนพลังชี่

เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ อริยปราชญ์หลายคนก็เกิดนึกคิดอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว

โดยภายในม่านลำแสงนั้น เงาร่างของลู่ฝานกับเทียนชิงหยางที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ได้แบ่งแยกปรากฏขึ้นออกเป็นสิบกว่าส่วน

ท่านแปดที่ยืนอยู่นอกสนาม ก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า การต่อสู้ระดับนี้ ผู้ชมทั่วไปนั้นไม่สามารถที่จะดูชมอย่างเข้าใจได้ ดังนั้นเขาจึงยอมเสียเงินจำนวนมาก เพื่อจัดทำเขตวิถีห้าธาตุขึ้น

นอกจากจะเพิ่มความยากลำบากในการต่อสู้แล้ว เขตวิถีห้าธาตุยังจะมีประสิทธิภาพความสามารถที่ยิ่งใหญ่อีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือสามารถใช้พลังห้าธาตุ ถ่ายบันทึกเงาร่างการต่อสู้ของสองคนได้ จากนั้นก็ฉายภาพไปบนม่านน้ำสรวงสวรรค์

เพียงแต่การเคลื่อนไหวของลู่ฝานกับเทียนชิงหยางนั้นรวดเร็วอย่างมาก จำเป็นต้องใช้ม่านน้ำสรวงสวรรค์สิบกว่าฉากฉายภาพพร้อมกันอย่างช้า ๆ ถึงจะสามารถมองเห็นในทุกกระบวนท่า ทุกลีล่าท่าทางการต่อสู้ของทั้งสองคนได้อย่างชัดเจน

ต่อให้เป็นเช่นนี้ ภาพของทั้งสองคนบนม่านน้ำสรวงสวรรค์ ที่ปรากฏออกมานั้น ก็ยังรวดเร็วมากอยู่ดี

ผู้ชมทั้งเมืองหลวง ต่างก็เบิกตา มองดูภาพเหตุการณ์ในอากาศ และสัมผัสได้ถึงพลังความน่ากลัวที่แฝงอยู่ในทุกกระบวนท่า ทุกวิชากระบี่ของทั้งสองคน จนถึงขั้นตกตะลึงไปตาม ๆ กัน

ตึ่งง! ตึ่งง! ตึ่งง!

ลู่ฝานฟาดฟันลงไปบนกระบี่มังกรคำรามของเทียนชิงหยาง ติดต่อกันสิบกว่าครั้ง

โดยในแต่ละครั้งจะฟาดฟันไปยังจุดตำแหน่งเดิม อย่างไม่คลาดเคลื่อน จนเงาร่างของเทียนชิงหยางถึงกับโซเซไปมา และความเร็วก็ลดลงไปเล็กน้อย

การต่อสู้อันรวดเร็วแบบประชิดตัว จะต่อสู้กันด้วยปฏิกิริยาและพลังความสามารถขั้นพื้นฐาน