เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า นิยาย บท 2004

สรุปบท บทที่ 2004 ความบ้าสุดท้าย: เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า

สรุปตอน บทที่ 2004 ความบ้าสุดท้าย – จากเรื่อง เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า โดย โอหยางวิ่น

ตอน บทที่ 2004 ความบ้าสุดท้าย ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า โดยนักเขียน โอหยางวิ่น เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

การพังทลาย เริ่มต้นจากด้านข้างของซูตง และแผ่ออกเป็นรูปวงกลม

ทุกที่ที่แสงสีขาวผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็พังทลายลงราบเป็นหน้ากลอง ราวกับว่ามันถูกสัตว์อสูรนับพันตัวเข้าโจมตี

หลุมดำที่อยู่ข้างหลัง เปล่งประกายด้วยเปลวไฟดำ

เปลวไฟดำค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ

ลู่ฝานที่กำลังจะหลบหนีก็ถูกดวงตาสีดำคู่นั้นจับจ้อง

ลู่ฝานหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมดในทันใด ราวกับว่าวิญญาณได้ถูกจับไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น

ช่างเป็นดวงตาที่น่ากลัวคู่หนึ่ง มองเพียงแวบเดียว ลู่ฝานก็สามารถรู้สึกถึงความบ้าคลั่ง และพลังอันโหดร้าย

ราวกับว่าสัตว์อสูรทรงพลังอยู่ในร่างของซูตง

ด้วยพลังของซูตง ทำให้เขาลืมตา และแสดงพลังของเขาให้โลกเห็น

หน้าผากของลู่ฝานปกคลุมไปด้วยเหงื่อเย็น

ในขณะนี้ เขากำลังดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่พลังนี้เพียงแค่ยับยั้งเขา และทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

ลู่ฝานทำได้เพียงเฝ้าดูอย่างหมดหนทาง เมื่อแสงสีขาวกระทบร่างของเขา

เพียงแต่ในเวลาเพียงพริบตา แสงสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้าใส่เขา

พลังที่น่าสะพรึงกลัวดูเหมือนจะเตรียมพร้อมที่จะกลืนกินทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเขาเข้าไป

“ช่วยด้วย! ผู้หญิงคนนี้มันบ้าไปแล้ว!”

“แม่มด เธอมันนังแม่มด ไม่มีใครหยุดเธอได้เลยเหรอ?”

“ฉันจะหยุดเธอ การแข่งขันนี้ไปต่อไม่ได้แล้ว!”

......

ผู้คนที่แต่เดิมเฝ้าดูการต่อสู้ก็ได้รับผลกระทบจากพลังของซูตงเช่นกัน

ถ้ามันแค่แพร่กระจายก็ไม่เป็นไร แต่เพียงชั่วครู่ จำนวนคนที่เสียชีวิตด้วยน้ำมือของซูตงก็ไม่รู้ว่ามีมากกี่คน

การแข่งขันคือการแข่งขัน แต่การฆ่าผู้อื่นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

เช่นเดียวกับซูตง ในสายตาของคนอื่น มันไม่ใช่การแข่งขันอีกต่อไป มันเป็นการเข่นฆ่าอย่างบ้าคลั่ง!

สิ่งที่เธอทำนั้นกระตุ้นเซียนบู๊มากกว่าสิบคน อริยปราชญ์ต่างเหาะขึ้นสูง

ผู้คนมากกว่าสิบคนมองไปที่ซูตงด้วยความโกรธ

พวกเขาตะโกนอย่างฉุนเฉียวว่า “นังแม่มด ตกลงเธอจะทำอะไรกันแน่?”

“ฆ่าคนตายต้องชดใช้ด้วยชีวิตรู้ไหม?”

ไม่ไกล เมื่อคุณชายเฟิงเทียนเห็นฉากนี้ ด้วยใบหน้าไม่พอใจ เขาโบกมือ และกล่าว่า “ปล่อยคนเหล่านี้ไป มันจะส่งผลต่ออารมณ์ของฉันในการดูการต่อสู้!”

ทันใดนั้น ผู้อาวุโสคนหนึ่งโบกแสงสีดำสนิทออกไปด้านนอก

ประมุขของประเทศฉิงเทียนเมื่อเห็นลำแสงนี้ เขาก็ชี้ไปที่เหล่าเซียนบู๊และอริยปราชญ์ “องครักษ์เกราะทองคำรีบไล่คนพวกนั้นออกไปซะ!”

เสียงลมแหวกดังขึ้นจากทุกทิศทุกทาง กลุ่มองครักษ์บินขึ้นไปบนท้องฟ้า ยืนอยู่ต่อหน้าเหล่าเซียนบู๊และอริยปราชญ์ จากนั้นถืออาวุธและตะโกนออกมาอย่างดุร้ายว่า “ถอยไป!”

คราวนี้ ไม่มีใครหรือเซียนบู๊คนไหนที่กล้าออกมาอีกเลย

แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกไม่พอใจอย่างมากกับการกระทำของซูตง แต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อต่อต้านประเทศฉิงเทียน

แน่นอนว่าคนเหล่านี้ยังไม่รู้ว่าซูตงที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาเป็นผู้ฝึกชั่วร้ายเหมือนกับองครักษ์ของประเทศฉิงเทียน

พวกเขาเป็นพวกเดียวกัน!

ดวงตาที่เยือกเย็นของซูตงเหลือบมองเหล่าเซียนบู๊ และไม่สนใจพวกเขาเลย

ความสนใจทั้งหมดของเธอยังคงอยู่ที่ร่างของลู่ฝาน

เมื่อบินไปข้างหน้า ซูตงโบกมือเบาๆ ไปยังซากปรักหักพัง

ก้อนหินกลายเป็นผง และกระจัดกระจายออกไป เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายใน

ซูตงคิดว่าเป็นลู่ฝานที่ถูกฝังอยู่ข้างใน แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเธอคือ กระบี่หนักไร้คม

แสงบนกระบี่ยังคงส่องแสงสว่าง แต่ร่างของลู่ฝานกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย

รูม่านตาหดตัวเล็กน้อย ใบหน้าครึ่งหนึ่งของซูตงซึ่งยังไม่ยุบกลับบิดเบี้ยวขึ้นมาอีกครั้ง

ในขณะนี้ ตัวตนผู้ฝึกชั่วร้ายของซูตงก็ถูกเปิดเผยอย่างไม่ต้องสงสัย

เหล่าผู้แข็งแกร่งจากแดนอริยปราชญ์ที่เพิ่งถูกเหล่าองครักษ์เกราะทองขับไล่ออกไป ต่างก็พากันเดือดดาลขึ้นมา!

พวกเขาชี้ไปที่ซูตง และตะโกนว่า “ไม่แปลกใจเลยที่พวกมันไม่มีเหตุผลกันขนาดนี้ มีแต่จะฆ่าคน!”

“นางแม่มดเป็นปีศาจจริงๆ ด้วย ฆ่าเธอซะ!”

ฝูงชนโกรธมาก ผู้คนจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนต่างตะโกนเสียงดังออกมา

มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หลายคนเหาะขึ้นไปบนท้องฟ้า มองไปที่ซูตงด้วยเจตนาฆ่า

เมื่อธิดาเทพแห่งความมืดเห็นฉากนี้ เธอก็กล่าวออกมาว่า “ประมุข ดูเหมือนว่าการอแข่งขันจะดำเนินต่อไปไม่ได้แล้ว เรามาเริ่มกันได้แล้วใช่ไหม!”

คุณชายเฟิงเทียนยกมือขึ้น แล้วพูดว่า “รออีกหน่อย การแสดงเพิ่งเริ่ม จะรีบร้อนไปทำไมกัน?”

ในขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง ภายในบ้านที่ปลอดภัย

ผู้นำของทุกประเทศต่างมองไปที่สามอริยบุคคลที่นั่งอยู่ด้านบนสุด

เทพเงินแปดทิศกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “การแข่งนานาประเทศเป็นแค่เรื่องตลก พอสู้กันถึงตอนสุดท้าย กลับกลายเป็นผู้ฝึกชั่วร้ายไปซะอย่างนั้น!”

จนถึงตอนนี้ เทพเงินแปดทิศก็ยังไม่มองว่าลู่ฝานนั้นเป็นคนดีเลย

ด้วยการโบกมืออย่างแรง บ้านที่ปลอดภัยทั้งหลังก็ระเบิดเสียงดังกึกก้อง และคฤหาสน์หลังใหญ่ก็ลอยขึ้นมาจากพื้นดินทันใด

ในขณะเดียวกัยก็เริ่มเปล่งแสงแห่งพลังแห่งอวกาศออกมาอย่างรวดเร็ว

เห็นได้ชัดว่า คฤหาสน์หลังนี้ไม่ได้เป็นเพียงบ้านที่ปลอดภัย แต่ยังเป็นสิ่งที่สามารถใช้เดินทางได้

เทพเงินแปดทิศกล่าวว่า “ปล่อยให้พวกเขาเล่นกันต่อไปเถอะ พวกเราไปก่อนละ”

เมื่อพูดเช่นนั้น เทพเงินแปดทิศก็โบกมืออีกครั้ง คราวนี้คฤหาสน์ทั้งหลังก็เริ่มบินออกไปกลางท้องฟ้า

บนใบหน้าของสามอริยบุคคลมีรอยยิ้ม ผู้ฝึกชั่วร้ายต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ สู้ไม่ได้ยังจะหนีไม่ได้อีกงั้นเหรอ?

เห็นได้ชัดว่าสามอริยบุคคลและผู้นำแต่ละประเทศต่างมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ ดังนั้นพวกเขาจะไม่เลือกที่จะเผชิญหน้ากับผู้ฝึกชั่วร้าย

ทันใดนั้น ทุกคนต่างมองที่คฤหาสน์หลังใหญ่อยู่บนท้องฟ้ากลางประเทศฉิงเทียน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า