ลู่ฝานหัวเราะออกมาเบา ๆ เทพเงินแปดทิศผู้นี้กำลังแสดงออกต่อเขาอย่างเปิดเผย!
เพียงแต่วิธีการแบบนี้จะมีความหมายอะไร?
นอกจากนี้ยังนึกไม่ถึงเลยว่าข่าวเรื่องหุ้นตุ้นจะแพร่ไปถึงหูเทพเงินแปดทิศด้วย ดูท่าเรื่องของสายเลือดเสินหวง เทพเงินแปดทิศก็คงรู้เรื่องแล้วเช่นกัน
ความแค้นระหว่างเขากับสำนักจิ่วเซียวมีมากเกินไป สายเลือดเสินหวงทำให้สำนักเงินปาฟางอดทนอดกลั้นได้ถึงขนาดนี้เชียวเหรอ?
นี่เป็นเรื่องที่ยากจะจินตนาการจริง ๆ
แค่เพียงเสี้ยววินาที ความคิดในหัวของลู่ฝานหมุนวนไปมาจนนับไม่ถ้วน
เมื่ออ่านต่อไปอีก ลู่ฝานพบว่าน้ำเสียงของเทพเงินแปดทิศค่อย ๆ แสดงความเย่อหยิ่งมากขึ้น
“เด็กน้อยลู่ฝาน นายอย่าคิดว่าหลังจากได้เจอพลังส่วนสุดท้ายของสำนักจิ่วเซียว นายจะทำอย่างไรก็ได้ ความจริงแล้วการเคลื่อนไหวทั้งหมดของนาย ล้วนอยู่ในการควบคุมของฉัน ยามนี้ใต้หล้าเกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย ฉันและอริยบุคคลแห่งจักรวาลไม่มีเวลาไปจัดการนายแค่ชั่วคราว นายกลับแอบก้าวเข้าไปในหุ้นตุ้นเองเสียก่อน ช่างน่าขันจริง ๆ เซียนบู๊ทะลวงชั้นฟ้าผู้สง่างามอย่างลู่ฝาน คาดไม่ถึงว่ายามเผชิญหน้ากับผู้ฝึกชั่วร้ายจะมีท่าทีขลาดกลัวเช่นนี้ ช่างน่าเศร้าและน่าทอดถอนใจ”
ลู่ฝานชี้ไปที่จดหมาย จากนั้นก็หันไปพูดกับไอ้อ้วนตงและเฟิงเสี่ยวชี่ว่า “ดูท่าเทพเงินแปดทิศจะต้านไม่ไหวแล้ว ไม่นึกเลยว่าเขาจะเขียนจดหมายมายั่วยุฉันแบบนี้ เขาคิดว่าทำเช่นนี้แล้วฉันจะยกพวกไปสู้กับพวกผู้ฝึกชั่วร้ายเดี๋ยวนี้เลยรึไง? ตลกชะมัด”
เฟิงเสี่ยวชี่โน้มตัวเข้าไปอ่าน ก่อนจะขมวดคิ้วพร้อมพูดว่า “ลู่ฝาน นายดูจากตรงไหนเหรอ ที่ว่าเทพเงินแปดทิศต้านไม่ไหวแล้ว!”
ลู่ฝานชี้ไปที่ย่อหน้าหนึ่งตอบกลับ “ตรงนี้ไง เขาเป็นถึงเทพเงินแปดทิศผู้สูงสง่า จะมีเวลาว่างมาเขียนจดหมายเยาะเย้ยฉันรึไง? นอกเสียจากว่าการเผชิญหน้าต่อสู้กับพวกผู้ฝึกชั่วร้ายเกิดปัญหาใหญ่ เป็นไปได้ถึงแปดส่วนที่เขาเริ่มต้านไม่ไหวแล้ว ด้านหนึ่งคงกำลังล่าถอย ส่วนอีกด้านคงอยากให้ฉันลงมือ จะได้ลดทอนความพ่ายแพ้ของเขา! ทำให้เทพเงินแปดทิศต้องลำบากแล้ว แค่จดหมายขอความช่วยเหลือใบเดียว ยังต้องเขียนวางอำนาจขนาดนี้”
ไอ้อ้วนตงหรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาที่เขามองลู่ฝานยามนี้มีบางส่วนที่ต่างออกไป
เดิมทีเขาคิดว่าลู่ฝานเป็นแค่เด็กหนุ่มที่แข็งแกร่ง กล้าหาญและละเอียดรอบคอบเท่านั้น
ด้านกลอุบายล่ะก็ ไม่มีทางเทียบจิ้งจอกเฒ่าอย่างเจ้าสำนักหลีได้แน่นอน
ทว่าตอนนี้ไอ้อ้วนตงกลับเห็นกลิ่นอายเจ้าแผนการบางส่วนอยู่บนตัวลู่ฝาน
หากเปลี่ยนเป็นเด็กอย่างเฟิงเสี่ยวชี่ได้รับจดหมายล่ะก็ คงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่นอน
แต่คาดไม่ถึงว่าลู่ฝานจะวิเคราะห์เนื้อหาของจดหมายออกมาได้ภายในเสี้ยววินาที ทั้งสถานการณ์ปัจจุบันของเทพเงินแปดทิศอีก ความสามารถเช่นนี้ บางทียังสำคัญมากกว่าวิทยายุทธเสียอีก
คนแบบนี้สิถึงเหมาะจะเป็นเจ้าสำนัก!
ลู่ฝานกระแอมออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มอ่านต่อ “เด็กน้อยลู่ฝาน ตอนนี้ความพ่ายแพ้ของพวกผู้ฝึกชั่วร้ายได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ฉันกับอริยบุคคลแห่งจักรวาลสกัดผู้ฝึกชั่วร้ายไว้ที่เขตเหนือได้อย่างสมบูรณ์ หนึ่งเดือนหลังจากนี้ พวกเราจะโจมตีผู้ฝึกชั่วร้ายอย่างเต็มรูปแบบ หากนายอยากพิสูจน์ตนเองสักหน่อย ก็อย่าได้ทำตัวเป็นคนขี้ขลาด แสดงให้คนทั่วหล้าได้เห็นว่านายไม่ใช่พวกตาขาว ทางที่ดีจงนำกำลังพลมาด้วย ลงมือไปพร้อมกับพวกเรา โจมตีผู้ฝึกชั่วร้ายไปด้วยกัน หากเป็นเช่นนี้ บางทีพวกเราอาจจะยอมนั่งคุยเรื่องในปีนั้นก็ได้กับนายดี ๆ ก็ได้ เพราะถึงอย่างไรนายก็ไม่ใช่บรรพบุรุษ ไม่ได้มีความแค้นใด ๆ กับฉัน และบางทีพวกเราอาจจะสามารถทำข้อตกลงบางอย่างให้สำเร็จด้วย เรื่องสำคัญล้วนกล่าวไปหมดแล้ว อย่าทำให้คนทั่วหล้าต้องผิดหวัง!”
ลู่ฝานเผยรอยยิ้มออกมาอย่างหยุดไม่อยู่ เขาวางจดหมายลงบนโต๊ะเบา ๆ
เขายกสองมือประสานกัน หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็หันไปพูดกับเฟิงเสี่ยวชี่ว่า “สหายเฟิง ยังไงก็รบกวนนายให้ช่วยส่งคนนำจดหมายฉบับนี้ไปให้ประมุขประเทศตันเซิ่งกับเจ้าสำนักหลีด้วย ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ล้วนอยู่ในประเทศตันเซิ่ง แล้วก็เอาให้ผู้อาวุโสใหญ่อ่านไปด้วยเลย ให้พวกเขาได้รู้สถานการณ์ของโลกภายนอกบ้าง ดูท่าสถานการณ์เร่งด่วนขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว!”
เฟิงเสี่ยวชี่พยักหน้ารับ ก่อนจะเก็บจดหมายฉบับนั้นไว้
เรื่องใหญ่เช่นนี้ คำพูดของเขาถ้าถูกต้องเจ้าสำนักหลีก็คงจะรับฟัง ทั้งอาจจะตีตราไว้ในนามของเขาอย่างยิ่งใหญ่ด้วย
ทว่าหากเจ้าสำนักหลีคิดว่าเขาตัดสินใจผิด เช่นนั้นก็คงจัดการยากแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ไม่สู้เงียบไปเลยดีกว่า ปล่อยให้เจ้าสำนักหลีจัดการกันเอง
ลู่ฝานหันไปพูดกับเฟิงเสี่ยวชี่ต่อ “ดังนั้นคำพูดนี้จึงจำเป็นต้องส่งคนลอบไปบอกกับเจ้าสำนักหลีต่อหน้า ห้ามให้คนอื่น ๆ รู้เด็ดขาด ฉันเองก็จะไม่เก็บจดหมายไว้ สหายเฟิงต้องช่วยจัดคนส่งจดหมายให้ฉันดี ๆ นะ”
เฟิงเสี่ยวชี่คิดไปคิดมา ก่อนจะตอบกลับ “งั้นไม่สู้ให้ฉันไปเองล่ะ ฉันยังไม่เคยไปประเทศตันเซิ่งเลย”
นัยน์ตาไอ้อ้วนตงเป็นประกายขึ้นทันที “ได้สิ เฟิงเสี่ยวชี่ งั้นนายเป็นคนไป จำไว้นะ หลังไปถึงแล้วต้องให้เจ้าสำนักหลีจัดหาตำแหน่งให้นาย จะปล่อยให้นายเป็นแขกตลอดไปไม่ได้!”
เฟิงเสี่ยวชี่พยักหน้ารับ จากนั้นก็หยิบจดหมายขึ้นมา “งั้นฉันไปหาผู้อาวุโสใหญ่ก่อน แล้วค่อยออกเดินทาง”
ลู่ฝานยืดตัวขึ้นส่งเฟิงเสี่ยวชี่ออกไป พลางมองตามเฟิงเสี่ยวชี่ที่เดินออกจากภัตตาคารไปอย่างรีบร้อน ก่อนที่ลู่ฝานจะพูดขึ้นว่า “ผู้อาวุโส นี่คุณวางแผนจะให้เฟิงเสี่ยวชี่ไปยึดตำแหน่งมาไว้ก่อนงั้นเหรอ?”
ไอ้อ้วนตงยิ้มพร้อมตอบกลับ “ใช่น่ะสิ ลู่ฝาน นายคงไม่ยอมเป็นแค่ฉากหน้าจริง ๆ หรอกใช่ไหม นี่เป็นโอกาสของนายนะ แล้วก็เป็นโอกาสของสำนักจิ่วเซียวด้วย พวกเราเองก็ควรเตรียมตัวไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ”
ลู่ฝานเอ่ยต่อ “ผู้อาวุโสมั่นใจในตัวฉันจริง ๆ ดูท่าเก้าด่านสุกยากทั้งเก้าต่อให้ไม่ผ่านก็ต้องเอาให้ผ่านให้ได้ ผู้อาวุโส ช่วยไปคุยกับผู้อาวุโสที่เหลือให้ฉันหน่อย อีกไม่กี่วันหลังจากนี้ ฉันจะผ่านด่านสุดยากติดต่อกันทั้งห้าครั้ง”
ไอ้อ้วนตงขมวดคิ้วถาม “รีบขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ลู่ฝานตอบกลับอย่างทอดถอนใจ “เวลาไม่เคยคอยใคร!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า
อ่านถึง 2276 แล้ว อยากอ่านต่อช่วยแนะนำหน่อยครับ ว่าอ่านต่อได้ทางช่องทางไหน...
รอนานมากครับเมื่อไรจะแปลต่อครับ...
มีใครรู้วิธีอ่านต่อมั้ยครับ ผมอ่านถึง2276เป็นรอบที่3แล้ว ก็ยังไม่มีต่อเลย จะหาอ่านต่อได้างช่องทางไหนบ้างครับ...
เจ้าของนิยายเนี่ยมันวิปริตหรือเปล่าวะเขียนๆอยู่แล้วก็จบแบบงงหลายเรื่องแล้ว...
ปู่เชี่ยไรเรียกหลานตัวเองว่านาย นิยายย้อนยุคมึงแปลซะ ทันสมัยเลย ไอ้เวร...
ช่องทางซื้ออ่านก็ไม่มี...
2276จบค้างเลยมาต่อเร็วๆนะ...
รออ่าน2277...
เสียดายมาก อ่านมาถึงหน้า 2276 มา2รอบแล้ว กำลังสนุกเลย ช่วยแปลตาอให้หน่อยนะครับ...
ถ้าไม่แปลต่อเรื่องต่อไปก็คงเหมือนเรื่องนี้หรือเปล่าครับไม่จบสักเรื่อง...