เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า นิยาย บท 2199

เวลาสิบวันจะว่านานก็นาน แต่จะว่าสั้นก็สั้น ลู่ฝานใช้เวลาไปกับการสร้างความเสถียรของเคล็ดวิชาเต๋าสูญสิ้นและตื่นรู้ในพลังของมุกหกเต๋าหุ้นตุ้นสองสามเม็ดนั้น ไม่นานเวลาก็ค่อย ๆ ผ่านไป

ผู้คนมากมายรวมตัวกันอยู่บนเขาชิงเซียว วันนี้เป็นวันที่เก้าด่านสุดยาก ด่านที่ห้าจะเริ่มขึ้นตามที่ตกลงกันไว้

ผู้อาวุโสทุกท่าน เหล่าศิษย์สายเลือดเสินหวงทุกคน รวมถึงลู่ฝานต่างก็มาถึงกันแต่เช้า

วันนี้ไม่มีเวที ไม่มีโต๊ะเก้าอี้ มีเพียงผืนฟ้าสีครามและก้อนเมฆสีขาว แสงแดดที่แสนอบอุ่นกับสายลมอันบางเบา

ในวันนี้ผู้อาวุโสบางส่วนเองก็ไม่คิดจะนั่งแล้ว พวกเขาลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า จ้องมองลู่ฝานที่อยู่ด้านล่าง

เหล่าศิษย์สายเลือดเสินหวงที่อยู่โดยรอบต่างก็ให้ความสนใจกันอย่างคึกคัก

ตามหลักทั่วไปพวกเขาเห็นลู่ฝานผ่านด่านสุดยากสี่ครั้งก่อนหน้ามาแล้ว ความรู้สึกแปลกใหม่ควรจะหายไปตั้งนานแล้ว

แต่ตอนนี้พวกเขากลับตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนเห็นลู่ฝานทำด่านที่หนึ่งเสียอีก

เหตุผลไม่มีอะไรมากก็แค่เพราะข่าวลือเรื่องหนึ่งเท่านั้น

นั่นก็คือลู่ฝานจะผ่านด่านทั้งห้าครั้งติดต่อกันในวันนี้

สำนักจิ่วเซียวไม่เคยมีความท้าทายเช่นนี้มาก่อน สำเร็จหรือไม่สำเร็จ เท่านี้ก็นับได้ว่าเป็นประวัติการณ์แล้ว

ทุกคนชื่นชมความกล้าหาญชาญชัยของลู่ฝาน แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็เป็นกังวลเกี่ยวกับเส้นทางในอนาคตของชายหนุ่มด้วย

เห็นได้ชัดว่าเขาผ่านด่านทั้งสี่มาอย่างยากลำบาก เสี่ยงชีวิตตั้งกี่ครั้ง ยังไม่เรียนรู้ที่จะค่อยเป็นค่อยไปจะได้ผ่านด่านได้มากขึ้น แต่เขากลับฝืนเล่นอะไรที่ทำให้ใจระทึกแบบนี้ เป็นเรื่องที่คนธรรมดายากจะเข้าใจและจินตนาการได้จริง ๆ

ในสายตาของทุกคน นี่ไม่ใช่การผ่านด่านสุดยาก แต่เป็นการหาเรื่องตายให้ตนเองชัด ๆ

แต่หลังจากที่ทุกคนเห็นลู่ฝานทุ่มสุดตัวในการผ่านด่านยากครั้งก่อน ๆ หน้า คำพูดเช่นนี้จึงไม่กล้าพูดออกไปตามอำเภอใจ

เด็กคนนี้สร้างความมหัศจรรย์มาหลายครั้งแล้ว

ไม่แน่ว่าคนผู้นี้อาจจะสามารถสร้างความมหัศจรรย์ต่อไปอีกก็ได้

ก่อนที่พวกเขาจะได้เห็นลู่ฝานยอมแพ้โดยสมบูรณ์หรือเสียชีวิตไปจริง ๆ ไม่มีใครกล้าเอ่ยคำพูดที่จะทำให้ตนเองขายหน้าแน่

รวมถึงผู้อาวุโสอีกสองสามท่านนั้นด้วย ไม่มีผู้ใดเอ่ยดูถูกลู่ฝานว่าไม่สามารถผ่านด่านได้อีกแล้ว

เช่นผู้อาวุโสแปด ผู้อาวุโสเก้า ที่ช่วงไม่กี่วันนี้เงียบสงบเป็นอย่างมาก

คำพูดที่พวกเขาพูดไว้หลายวันก่อน ราวกับกำลังตบหน้าพวกเขาแต่ละคนอยู่ จนตอนนี้ใบหน้าแทบจะโดนคำพูดเหล่านั้นตบจนบวมแล้ว

ตอนนี้จึงต้องเก็บปากเก็บคำไว้ราวกับทองคำเป็นธรรมดา

สายลมพัดผ่านต้นไม้ ใบไม้ปลิดปลิว

ผู้อาวุโสรองในชุดพลิ้วไหวสองมือไพล่หลังก้าวออกมาด้านหน้าช้า ๆ ก่อนจะเอ่ยกับลู่ฝานว่า

“ลู่ฝาน ด่านสุกยากทั้งเก้าผ่านมาจะถึงครึ่งทางแล้ว ในวันนี้ก่อนที่ด่านที่เหลือจะเริ่มขึ้น ฉันขอเป็นตัวแทนเหล่าสายเลือดเสินหวงทั้งหมด พูดบางอย่างกับนาย”

ลู่ฝานตอบกลับ “ผู้อาวุโสรองเชิญกล่าว”

ใบหน้าของผู้อาวุโสรองประดับรอยยิ้มเล็กน้อย ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยต่อ “ก่อนอื่นฉันต้องขออภัยแทนสายเลือดเสินหวงที่ไม่ให้เกียรติสายเลือดจิ่วเซียวของนาย สายเลือดเสินหวงและจิ่วเซียวล้วนอยู่ในสำนักเดียวกัน เดิมก็คือครอบครัว แต่เพราะหลายปีมานี้สายเลือดเสินหวงและสายเลือดจิ่วเซียวไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกัน รวมถึงข่าวลือต่าง ๆ ทำให้ช่วงเวลาก่อนหน้านี้สายเลือดเสินหวงมีการกระทำหลายอย่างที่ไม่ให้เกียรติสายเลือดจิ่วเซียว พอคิดมาถึงตรงนี้ ลู่ฝานนายเองก็คงรู้ดีว่าเหตุผลในนั้นมันมีอยู่หลายอย่าง ฉันคงไม่สามารถอธิบายทั้งหมดให้นายฟังได้ในคราวเดียว แต่ ณ เวลานี้ ลู่ฝานนายได้ใช้ความสามารถของตัวเองพิสูจน์แล้วว่าสายเลือดจิ่วเซียวยังคงแข็งแกร่งเหมือนเดิม แม้คนของสายเลือดจิ่วเซียวจะไม่ได้เฟื่องฟู แต่ก็อยู่ในระดับเดียวกับสายเลือดเสินหวงของฉัน ฉันอยากบอกนายว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สายเลือดเสินหวงจะไม่มีการดูถูกเหยียดหยามสายเลือดจิ่วเซียวอีกแล้ว ไม่ว่านายจะผ่านด่านที่เหลือไปได้รึไม่ เหล่าสายเลือดเสินหวงจะไม่มีทางหัวเราะเยาะสายเลือดจิ่วเซียวอย่างแน่นอน”

ลู่ฝานเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ในใจเข้าใจความหมายของคำพูดผู้อาวุโสรองดี

ดูท่าการแสดงออกของเขาบนเขาเสินหวงในช่วงที่ผ่านมาคงกระเทือนไปถึงเหล่าผู้อาวุโสเหล่านี้ได้จริง ๆ

สายหนึ่ง สุสานกระบี่อันไร้ที่สิ้นสุด

สายหนึ่ง พลังหยินหยางหุ้นตุ้น

ลู่ฝานมองไปที่ม่านแสงทั้งสี่สาย นัยน์ตาหดเล็กลงเล็กน้อย ดูจากสภาพการณ์บนม่านแสงแล้ว เขารู้ได้ทันทีเลยว่าด่านทั้งสี่ครั้งนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน

เหล่าศิษย์สายเลือดเสินหวงต่างก็ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน มีบางคนที่เข้าใจม่านได้หนึ่งอัน ส่วนบางคนก็สามารถเข้าใจได้สองหรือสามอัน

คนที่เข้าใจเพียงม่านเดียวเอ่ยขึ้นทันทีเลยว่า “ยาก ยาก ยาก”

ส่วนคนที่เข้าใจสองหรือสามม่านพากันเงียบไปโดยปริยาย ทั้งยังส่ายหน้าไปมาไม่หยุด เห็นได้ชัดเลยว่าไม่เชื่อว่าจะมีใครสามารถผ่านด่านที่ยากขนาดนี้ได้

ผู้อาวุโสรองชี้ไปที่ม่านแสงทั้งสี่สาย ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ลู่ฝาน ดูให้ดี ฉากที่ปรากฏบนม่านแสงทั้งสี่สายนี้ มันคือด่านทั้งสี่ นายต้องไปที่เขาชิงเซียว เขายู่เซียว เขาหั่วเซียวและเขาจื่อเซียว ทั้งสี่เขาแบ่งเป็นด่านสี่ครั้ง ด่านทั้งสี่ครั้งนี้ ฉันขอให้ชื่อว่าเด็ดหมู่ดาว ทลายค่ายกล ชิงกระบี่ ทลายความว่างเปล่า พวกเราเตรียมการทั้งหมดไว้แล้ว เริ่มจากที่เขาชิงเซียวนี้ก่อน เดี๋ยวนายไปถึงที่หมายแล้วนายก็จะรู้เองว่าต้องทำอย่างไร ทั้งหมดขึ้นอยู่กับตัวนาย หากจะผ่านด่านเหล่านี้ไปได้ ขอแค่ต้องดูความสามารถของนาย ฉันแค่อยากเตือนนายสักคำ ลู่ฝาน อย่าดื้อรั้นเกินไป!”

ลู่ฝานพยักหน้ารับด้วยความเข้าใจ หลังได้ฟังชื่อของเคราะห์ร้ายทั้งสี่ เขาก็พอจะรู้แล้วว่าต้องทำอะไร

ผู้อาวุโสรองเห็นสีหน้าลู่ฝานไร้ซึ่งความหวาดกลัว ทั้งไอพลังบนตัวยังเข้มข้นขึ้นเล็กน้อย เขาจึงยิ้มพร้อมเอ่ยต่อ “ดูท่านายคงไม่เกรงกลัวสิ่งใดเลยสินะ จะต้องทดสอบให้ได้เชียว เช่นนั้นลู่ฝาน นายเริ่มได้แล้ว ด่านที่ห้า เด็ดหมู่ดาวด้วยมือเดียว อยู่ที่แม่น้ำดาราซึ่งถูกลืมเลือน ด้านหลังเขาชิงเซียว นายไปเถอะ!”

ลู่ฝานคารวะอีกฝ่าย ก่อนที่ร่างกายจะเปล่งแสงแล้วหายไป

ผู้อาวุโสใหญ่ที่เห็นฉากนี้หันไปยิ้มกับผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “คาดไม่ถึงเลยว่าพวกท่านจะออมมือกันเป็นด้วย”

ใบหน้าของผู้อาวุโสรองและผู้อาวุโสสามต่างเผยรอยยิ้มออกมา

ผู้อาวุโสรองยิ้มพร้อมตอบกลับไปว่า “ผู้อาวุโสใหญ่ พวกเราไม่ได้ออมมือ ก็แค่ไม่อยากฆ่าเด็กหนุ่มที่ค่อนข้างเก่งกาจคนนี้เท่านั้น ทั้งหมดนั้นต้องรอดูว่าเขาจะทำอย่างไร”

ผู้อาวุโสใหญ่ยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า