สรุปเนื้อหา บทที่ 2258 หินแหล่งกำเนิดนิรนาม(2) – เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า โดย โอหยางวิ่น
บท บทที่ 2258 หินแหล่งกำเนิดนิรนาม(2) ของ เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย โอหยางวิ่น อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ใบหน้าคนที่ลอยอยู่ ถูกปั้นกลับเป็นก้อนกลมในมือของไอ้บอดหลัวอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าคนรู้สึกถึงพลังของไอ้บอดหลัว จึงคำรามออกมาอย่างดุเดือดว่า “พวกผู้กบฏต่อเทพน่าตาย เทวทูตปีศาจล้วนสิ้นอายุขัยกันไปหมดแล้ว ทำไมพวกคุณถึงได้ยังมีชีวิตอยู่อีก!”
ฝ่ายผู้อาวุโสใหญ่ก็เดินไปใกล้ไอ้บอดหลัวด้วย ไอ้บอดหลัวจึงสะบัดมือโยนใบหน้าคนให้ผู้อาวุโสใหญ่
ท่าทางเดียวกัน แต่แรงต่างกัน ผู้อาวุโสใหญ่บีบมันแรงขึ้น เกือบจะขยี้จนทำให้ใบหน้าคนแทบร้องโอดครวญออกมาแล้ว
ขณะที่บีบอยู่ ผู้อาวุโสใหญ่ก็เอ่ยว่า “ฉันควรเรียกแกว่าอะไรดีล่ะ ความโหยหา? ไม่สิไม่ แกน่าจะเป็นกลุ่มรวมแห่งความโหยหาที่ทูตแห่งเทพทิ้งไว้ ถ้าเช่นนั้นก็เรียกว่าความโหยหาแห่งทูตแห่งเทพก็พอแล้วล่ะ!”
ไอ้บอดหลัวและลู่ฝานเกือบจะหัวเราะเมื่อได้ยินคําพูดของผู้อาวุโสใหญ่
ใบหน้าคนก็คร่ำครวญว่า “เราไม่ได้ชื่อกลุ่มรวมทูตแห่งเทพอะไรนั่น! ช่างฟังดูค่ำครึ!”
ผู้อาวุโสไม่สนใจเสียงครวญครางของมัน บีบมันให้เป็นรูปทรงต่าง ๆ ต่อไป แล้วพูดต่อว่า “งั้นหรือ เช่นนั้นเรียกว่าความตายแห่งความโหยหาเป็นไง ตายที่แปลว่าความตาย แกคิดว่าเข้าท่าดีไหมล่ะ?”
ครั้งนี้ใบหน้าคนร้องครวญครางไม่ไหวแล้ว สีหน้าหดหู่เอ่ยว่า “เอาเถิด พวกคุณมีปัญหาอะไรก็ถามมาเถอะ เทพวิญญาณน่ะตายไปแล้ว ที่นี่เองก็เป็นแค่ซากปรักหักพังสุดท้ายของยุคเทพโบราณ หวังแต่ว่าพวกคุณจะไม่ทำลายที่นี่”
ผู้อาวุโสใหญ่หัวเราะว่า “ทำลายที่นี่? ไม่หรอก ไม่แน่นอน พวกแกยังมีทูตแห่งเทพที่ยังไม่ตายหนึ่งคนนี่ ไม่ช้าก็เร็วเธอคงกลับมา ฉันจะไม่ทำลายที่นี่ แต่ฉันจะเอามันไป และรอให้ทูตแห่งเทพนั่นมาตามหาฉันเอง จากนั้นก็จะเก็บกวาดพวกแกให้สิ้นซาก!”
ใบหน้าคนถึงกับคร่ำครวญว่า “คุณมันเป็นมารน่ารังเกียจ คุณมาจากอเวจีขุมลุกใต้พิภพแห่งชูร่า กบฏเช่นคุณจะต้องจมลงไปในธรณีหลังจากคุณตาย คุณต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสมแน่!”
ผู้อาวุโสใหญ่หัวเราะฮ่า ๆ และพูดว่า “แกรู้ไหม คําพูดแบบนี้ ฉันเคยได้ยินมาเป็นหมื่นครั้งแล้ว แต่ฉันก็ยังมีชีวิตอยู่ดี และมนุษย์ที่มันพูดประโยคนี้กับฉัน หรือพวกสิ่งที่มีชีวิตอยู่แบบแก ต่างก็ตายไปหมดแล้ว ต้องให้ฉันสาธยายสภาพที่น่าสังเวชในการตายของพวกมันไหม ฉันสัญญาว่าจะเล่าให้เฉพาะเจาะจงอย่างละเอียดเลยล่ะ!”
ใบหน้าคนนั้นสั่นไปหมดแล้ว ผู้อาวุโสใหญ่จึงสบโอกาสถามเสียงดังว่า “บอกมา! เทพบู๊เสินเซียวเคยมาที่นี่ใช่หรือไม่ แล้วมีใครทิ้งอะไรไว้ที่นี่บ้างไหม!”
เสียงคํารามนี้ทำเอาแสงบนใบหน้าคนสะเทือนกระจายออกไปหลายจุด
ทันใดนั้น ใบหน้าคนก็ตอบกลับว่า “มี...... หลายร้อยปีก่อน มีชายคนหนึ่ง เคยมาที่นี่ด้วย ทุกสรรพสิ่งที่นี่ไม่สามารถหยุดยั้งเขาได้ และเขาก็ได้ทิ้งหินไว้ที่นี่!”
ครั้นได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น ผู้อาวุโสใหญ่กับไอ้บอดหลัวก็พลันตกใจ
“มันอยู่ที่ไหน?”
ไอ้บอดหลัวพุ่งเข้ามาถามเสียงดัง
ใบหน้าคนเปล่งแสงออกมา ชี้ตรงไปยังด้านหลัง ที่เป็นรูปปั้นหินที่เหลือเพียงครึ่งเดียว
ลู่ฝานก็ลุกขึ้นอย่างช้า ๆ และเงยหน้าขึ้นมองไปที่รูปปั้นหินนั้น
รูปปั้นหินนี้ไม่ค่อยเหมือนกับรูปปั้นหินอื่นจริง ๆ ดูสูงกว่า แม้ว่าจะเหลือเพียงครึ่งตัว แต่ก็สูงกว่ารูปปั้นหินอื่น ๆ เกือบสามสิบกว่าเมตร
ส่วนอีกครึ่งหนึ่งของรูปปั้นหิน ก็ล้มลงกับพื้น ลักษณะดูแตกร้าว ดูเหมือนไม่น่าจะแตกตอนที่ลู่ฝานทุบ แต่เหมือนมันจะแตกมาก่อนหน้านั้นนานมากแล้ว
เพียงแต่ว่า รอยตัดของรูปปั้นหินนั้นเรียบเกินไป ดูราวกับเป็นรูปปั้นหินที่มีความแตกต่างกันสองรูปยืนอยู่ตรงนั้น เมื่อลู่ฝานเข้ามาใกล้ ก็ไม่เห็นความผิดปกติใด ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะใบหน้าคนชี้ให้เห็นอย่างเจาะจง เกรงว่าผู้อาวุโสใหญ่กับไอ้บอดหลัวก็ไม่พบความแตกต่างนี้เช่นกัน
ไม่นานนัก ผู้อาวุโสใหญ่กับก็มาถึงไอ้บอดหลัวส่วนใต้เท้าของรูปปั้นหิน
เมื่อมองขึ้นไป ทันใดนั้น ผู้อาวุโสใหญ่และไอ้บอดหลัวก็อยู่ภายใต้ก้าวขาของรูปปั้นหิน พลันมองเห็นก้อนหินขนาดใหญ่ก้อนหนึ่ง
กลมราวหยก ดำสนิทราวน้ำหมึก ทันทีทันใดที่เห็นหินนั่นผู้อาวุโสใหญ่กับไอ้บอดหลัวก็พลันมีอาการตื่นเต้น
ผู้อาวุโสใหญ่สะบัดมือโยนใบหน้าคนลงบนพื้น เขาและไอ้บอดหลัวต่างเหาะตรงขึ้นไป เพื่อเอื้อมมือไปคว้าก้อนหินนั้นไว้
ลู่ฝานเองก็ลงไปด้านล่างของรูปปั้นหิน เอื้อมมือไปหยิบใบหน้าคนขึ้นมาแล้วพูดว่า “สิ่งนี้ คือสิ่งที่เทพบู๊เสินเซียวทิ้งไว้จริง ๆ หรือ?”
ใบหน้าคนตอบว่า “เราไม่รู้ว่าคนคนนั้นชื่ออะไร แต่เขาทิ้งมันไว้จริง ๆ”
มีรอยบุบของกระบี่ รอยบุบของแหวน รอยบุบของมุก และสิ่งอื่น ๆ ที่ดูปะปนเต็มไปหมดอยู่บนแผ่นหิน
ลู่ฝานที่กําลังขบคิดอยู่ จู่ ๆ ก็มีพลังแผ่ออกมาจากตัวเขาเองโดยไม่ได้ควบคุม
ทันทีเมื่อมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ลู่ฝานพบว่าพลังเหล่านั้นกลายเป็นรูปเป็นร่าง มันคือแหวนนิรนาม กระบี่อู๋หมิง ทั้งยังมีหินอู๋หมิงได้ลู่ฝานซึมซับมาจากประเทศตันเซิ่งเมื่อนานมาแล้ว
ในบรรดาของหล่านั้น แหวนนั้นกลายเป็นหินที่รูปร่างผิดแผกอย่างรวดเร็วเพื่อซ่อมแซมช่องว่างของแผ่นหิน ส่วนกระบี่อู๋หมิงก็เข้าไปในรอยบุบของกระบี่ ก่อนจะแนบติดกันแน่น
ส่วนหินอู๋หมิงที่ได้จากประเทศตันเซิ่งนั้น กลับถูกแบ่งออกเป็นสิ่งของมากมาย
ข้างในนั้นมีแหวน น้ำเต้า หยก และพัดพับ
สิ่งของเหล่านี้ฝังปะปนอยู่ภายในแผ่นหิน
ผู้อาวุโสใหญ่และไอ้บอดหลัวที่อยู่ข้าง ๆ ต่างก็ยิ้มยิงฟัน
ผู้อาวุโสใหญ่หัวเราะเสียงดังว่า “เจ้าสำนักลู่ ที่แท้คุณเองก็ได้รวบรวมสิ่งของนิรนามไว้มากมายขนาดนี้เชียว ฮ่าฮ่า ดูสิ หินแหล่งกำเนิดนี้ใกล้จะรวมตัวกันแล้ว!”
ลู่ฝานมองแผ่นหินและยิ้มบาง ๆ ไม่หยุด แท้จริงแล้ว สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งของที่บ้านิรนามทิ้งเอาไว้ทั้งนั้น
บางสิ่งบางอย่างที่ปนเปื้อนด้วยพลังของบ้านิรนาม
ผู้อาวุโสใหญ่ถูมือและพูดว่า “อย่ามัวเสียเวลาเลย ลู่ฝาน ลองซึมซับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเถอะ กลืนพวกมันทั้งหมดพร้อมรอยจิตวิญญาณ ความโหยหาของเจ้านาย แล้วให้เจ้านายของเราฟื้นคืนชีพเถอะ ฉันจะช่วยกระตุ้นพลังภายในให้นายออกมาอย่างทั่วถึงก่อน ไอ้บอดหลัวมาช่วยกันลงมือเร็ว!”
เอ่ยจบแล้ว ผู้อาวุโสใหญ่กับไอ้บอดหลัวก็ยื่นมือออกไปทางก้อนหิน
ลู่ฝานรู้สึกได้ทันทีว่ามันไม่ถูกต้อง จึงเดินถอยหลังหนีไปหลายก้าว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า
อ่านถึง 2276 แล้ว อยากอ่านต่อช่วยแนะนำหน่อยครับ ว่าอ่านต่อได้ทางช่องทางไหน...
รอนานมากครับเมื่อไรจะแปลต่อครับ...
มีใครรู้วิธีอ่านต่อมั้ยครับ ผมอ่านถึง2276เป็นรอบที่3แล้ว ก็ยังไม่มีต่อเลย จะหาอ่านต่อได้างช่องทางไหนบ้างครับ...
เจ้าของนิยายเนี่ยมันวิปริตหรือเปล่าวะเขียนๆอยู่แล้วก็จบแบบงงหลายเรื่องแล้ว...
ปู่เชี่ยไรเรียกหลานตัวเองว่านาย นิยายย้อนยุคมึงแปลซะ ทันสมัยเลย ไอ้เวร...
ช่องทางซื้ออ่านก็ไม่มี...
2276จบค้างเลยมาต่อเร็วๆนะ...
รออ่าน2277...
เสียดายมาก อ่านมาถึงหน้า 2276 มา2รอบแล้ว กำลังสนุกเลย ช่วยแปลตาอให้หน่อยนะครับ...
ถ้าไม่แปลต่อเรื่องต่อไปก็คงเหมือนเรื่องนี้หรือเปล่าครับไม่จบสักเรื่อง...