เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า นิยาย บท 45

ตอนที่ 45 ผู้พิชิตแห่งยุคสมัยหนึ่ง + ตอนที่ 46 แหวนพิศวง
Ink Stone_Romance
ตอนที่ 45 ผู้พิชิตแห่งยุคสมัยหนึ่ง

“ร่างเทพประทับ?” เฟิ่งจิ่วมองร่างนั้นอย่างแปลกใจ แล้วถามว่า “ร่างเทพประทับที่พบได้น้อยยิ่ง?”

ขออภัยที่เธอมาโลกนี้ได้ไม่นาน ในเรื่องการฝึกฝนวิชานี้เธอยังไม่รู้อะไรมากจริงๆ ร่างเทพประทับยิ่งไม่เคยได้ยินมาก่อน

“ร่างเทพประทับคือผู้มีพรสวรรค์ในการฝึกฝน ไม่เพียงฝึกฝนพลังเร้นลับและพลังวิญญาณได้ หนำซ้ำความเร็วในการฝึกจะยิ่งมากกว่าคนอื่นๆ เป็นสิบเท่า”

ชายวัยกลางคนมองเธอพลางผุดรอยยิ้ม ก่อนจะพูดต่อ “ในทางกลับกัน คนอื่นๆ ต้องใช้เวลาสิบปีในการฝึกฝนให้ถึงระดับปรมาจารย์นักรบ หากเป็นเจ้า อาจใช้แค่ปีเดียวก็สามารถฝึกถึงระดับปรมาจารย์นักรบได้ ความเร็วการฝึกเช่นนี้เรียกกันว่าสุดยอดผู้มีพรสวรรค์”

พอได้ฟัง เฟิ่งจิ่วก็นิ่งไปสักพัก พูดว่า “เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง? ข้าเคยลองฝึกการดึงพลังเข้าร่าง ก็ไม่รู้สึกว่าร่างกายตัวเองมีอะไรแตกต่าง และยิ่งไม่มีเรื่องอย่างที่ท่านผู้อาวุโสกล่าวว่าข้าฝึกฝนได้เร็วเกิดขึ้นเลยด้วย”

ตอนดึงพลังเข้าร่างเธอใช้เวลาไปไม่น้อย และตั้งแต่เริ่มฝึกฝนมาจนถึงตอนนี้ กลิ่นอายพลังเร้นลับในร่างก็ยังไม่น่าอวดเท่าไหร่

“นั่นเพราะเส้นลมปราณพลังเร้นลับและพลังวิญญาณในตัวเจ้ายังไม่ถูกเปิด”

เขาจ้องเธอด้วยแววตาเป็นประกาย “ข้าหวังว่าเจ้าจะกราบข้าเป็นอาจารย์ แบบนี้แล้ว ข้าจะเปิดเส้นลมปราณเร้นลับและวิญญาณให้แก่เจ้า ช่วยเจ้าฝึกฝน”

หากเป็นผู้อื่น เมื่อได้ฟังผู้แกร่งกล้าเช่นนี้พูดรับตัวเองเป็นศิษย์ เดาว่าคงตอบรับอย่างไม่ต้องคิด ทว่าหลังจากเฟิ่งจิ่วได้ยินคำพูดนั้นกลับเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ ดวงตาที่กำลังครุ่นคิดก็มองผู้อาวุโสอยู่นานโดยไม่ปริปาก

“เจ้าไม่ยินยอมรึ?”

เมื่อเห็นเฟิ่งจิ่วไม่มีปฏิกิริยายินดีปรีดา เขาก็ขมวดคิ้ว แล้วปล่อยแรงกดดันออกมา กลับพบว่าแรงกดดันของเขาไม่มีผลกระทบอะไรต่อผู้ทำสัญญากับสัตว์เทวะโบราณเช่นเธอเลย ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ เขาจึงถอนหายใจ

“เจ้าไม่ต้องกังวลว่าข้าจะมีเป้าหมายอะไร ข้าแค่หวังว่าหลังจากเจ้ากลายเป็นลูกศิษย์ข้าแล้วจะสามารถช่วยข้าทำธุระสักสามเรื่อง”

ได้ยินเช่นนั้น เฟิ่งจิ่วคิดแล้วคิดอีก ก่อนจะพูดว่า “ผู้อาวุโสโปรดพูดให้ข้าลองฟังก่อน ถ้าข้าสามารถทำได้ และไม่ขัดต่อนิสัยใจคอของข้า ข้าก็รับปากได้”

ชายวัยกลางคนได้ยินคำพูดนั้นก็หัวเราะเสียงดัง “ดี! ข้าเห็นว่าเจ้าเองก็เป็นคนที่มักทำอะไรตามใจตน เทียบกับนิสัยของข้าแล้วมีส่วนที่เหมือนกันอยู่บ้าง”

เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไร

“เด็กน้อย เดิมข้าเป็นเจ้าวังแห่งวังกำเนิดสวรรค์ นามว่าฉู่ป้าเทียน เมื่อครั้งยังรุ่งโรจน์ไม่มีใครอาจหาญเป็นศัตรูกับข้า ข้าถือกระบี่ออกท่องทั่วหล้ามาตลอดชีวิต! ขอแค่เป็นเรื่องที่ข้าคิดว่าถูกต้อง ก็จะทำอย่างแน่นอน ในปีนั้น…”

เขาเล่าเรื่องชีวิตที่ผ่านมาให้เฟิ่งจิ่วฟังอย่างละเอียด เธอเองก็ตั้งใจฟัง จากคำพูดของเขา เธอรู้เลยว่าเขาเป็นคนที่มักทำอะไรตามอำเภอใจ แต่เพราะประพฤติทำตามใจตัวเองเกินไปจึงถูกสำนักเซียนมองเป็นมารนอกรีต

เขามีกระบี่ที่ตัดเหล็กได้เหมือนตัดโคลนนามว่าคมพยับ เซียนสายธรรมผู้หนึ่งจ้องจะครอบครองกระบี่คมพยับของเขา จึงกล่าวหาว่าเขาฆ่าล้างบางเหล่าสามัญชนในหมู่บ้าน เป็นเหตุให้เขาโดนผู้แกร่งกล้าจากแต่ละฝั่งฝ่ายตามฆ่า ผู้อาวุโสระดับจักรพรรดินักรบเช่นเขาหาได้หวาดกลัวเหล่าผู้ฝึกเซียนที่พละกำลังต่ำต้อยกว่าตน

ทว่าเจ้าพวกนั้นกลับจับคนในตระกูลเขามาข่มขู่ ส่วนเขาที่บาดเจ็บสาหัสก็ต้องหนีมาที่นี่ สุดท้ายสิ้นใจไปเพราะไม่ได้รับการรักษา ตลอดหลายปีมานี้เขาเฝ้ารอคนที่มีวาสนาพอจะมาถึงที่นี่ได้เพื่อรับการสืบทอดจากเขา ฟื้นฟูวังกำเนิดสวรรค์ และบรรลุเจตจำนงของเขา

“เรื่องแรกคือฟื้นฟูวังกำเนิดสวรรค์ เช่นนั้นเรื่องที่สองกับสามเล่า?”

“เรื่องที่สอง ต้องเข้าไปหากระบี่คมพยับกลับมาจากสุสานหมื่นกระบี่ ส่วนเรื่องที่สาม…”

น้ำเสียงเขาชะงักลงเล็กน้อย ก่อนถอนหายใจออกมา “ปีนั้นข้าตามใจตัวเองเกินไป จนเป็นภัยต่อครอบครัว โดยเฉพาะตอนนั้นที่ภรรยาข้ากำลังจะคลอดลูกพอดี ผ่านไปหลายปี ไม่รู้พวกเขาเป็นเช่นไรบ้าง? ข้าอยากให้เจ้าช่วยข้าตามหาพวกเขา ลองไปดูว่าพวกเขายังใช้ชีวิตกันสุขสบายดีหรือไม่”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า