บทที่ 13 การเชิญดารามันยากมากเลยหรือ – ตอนที่ต้องอ่านของ เดชราชาพิโรธ
ตอนนี้ของ เดชราชาพิโรธ โดย Anonymous ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 13 การเชิญดารามันยากมากเลยหรือ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
“ฮัลโหล หาดาราสาวคนหนึ่งให้ข้าภายในหนึ่งชั่วโมง ใช้ อีกประเดี๋ยวข้าจะส่งที่อยู่ไปให้เจ้า”
หลังจากที่วางสายไปแล้ว เซียวหยางก็ส่งที่อยู่ของบริษัทไป
ไม่นานนักเลขาธิการของเย่หยุนซูก็ทราบเรื่องนี้แล้ว ดังนั้นจึงนำเรื่องราวไปบอกกับเย่หยุนซูแล้ว
ไม่นานนัก เซียวหยางก็ถูก “เชิญ” ให้เข้าไปในห้องทำงานของท่านประธาน
“เซียวหยาง คุณนี่มันอย่างไรกันแน่คะ เข้าทำงานวันแรกก็จะไม่หยุดสักหน่อยได้เลยหรือ ทำไมต้องสร้างความวุ่นวายให้กับฉันด้วย?” เย่หยุนซูเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกทรงอำนาจ
เซียวหยางกล่าวว่า “นี่ผมกำลังช่วยคุณอีกครั้งอยู่นะครับ ผมได้ยินว่าบริษัทต้องการพรีเซนเตอร์หนึ่งคน ดังนั้นก็เลยช่วยคุณหามาหนึ่งคนก็เท่านั้นเอง มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?”
“คุณ...”
เย่หยุนซูนั่งลงบนโซฟาของห้องทำงานด้วยสีหน้ากล้ำกลืนระคนโกรธเคือง
เซียวหยางทำให้เธอผิดหวังอีกครั้งหนึ่งเสียแล้ว น่าผิดหวังอย่างถึงที่สุดเลยจริง ๆ
การช่วยคนครั้งนี้เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเป็นการสร้างความยากลำบากให้กับเซียวหยาง หรือว่าเขามองไม่ออกอย่างนั้นหรือ แต่แล้วทำไมต้องแสร้งทำท่าทีไม่แยแส หลังจากนั้นก็เป็นฝ่ายกระโดดเข้าไปในหลุมที่คนอื่นขุดเอาไว้เองก่อนด้วย
“เซียวหยาง สรุปแล้วคุณคิดอย่างไรกันแน่คะ?” เย่หยุนซูร้องถามอย่างกล้ำกลืน
“อะไรคือคิดอย่างไรหรือครับ?”
“คุณยังไม่พอใจที่ฉันยังขายหน้าคนไม่พอใช่ไหม เมื่อคืนวานแม่ฉันก็มาพูดเรื่องหย่ากับฉันอีกแล้ว คุณเองก็ควรที่จะทราบดีว่าตอนนี้ฉันกำลังขัดแย้งในตัวเองมาก ๆ อยู่นะคะ คุณช่วยเอาหน้าหน่อยไม่ได้หรือคะ?”
“เซียวหยาง ฉันรู้ว่าคุณไม่มีเงินไม่มีอำนาจ คนรอบข้างล้วนดูถูกคุณกันทั้งหมด แต่ฉันไม่สนใจเลยจริง ๆ นะคะ ขอเพียงแค่คุณสามารถก้าวข้ามผ่านมันไปได้เท่านั้นก็พอแล้ว แต่คุณน่ะ เห็น ๆ กันอยู่ว่าไม่มีคุณสมบัตินั่น แต่กลับจะตายเพื่อรักษาหน้าตา มีชีวิตอยู่เพื่อรับโทษทุกข์ คุณยิ่งเป็นแบบนี้ก็จะยิ่งทำให้ทุกคนดูถูกคุณมากขึ้นไปอีกนะคะ”
“มันไม่ใช่แค่ตัวคุณที่ขายหน้านะคะ ฉันเองก็ขายหน้าเหมือนกันค่ะ คุณเข้าใจหรือเปล่าคะ?”
เซียวหยางเอ่ยถามอย่างหมดคำจะกล่าวว่า “ผมทำให้คุณขายหน้าอย่างไรหรือครับ?”
“ตะกี้นี้ตัวคุณพูดอะไรคะ? คุณนึกว่าคุณเป็นใครเนี่ย คุณสามารถเรียกดารามาได้หรือ? เซียวหยาง คุณควรที่จะรู้นะคะว่าฉันไม่ชอบพูดโม้คำโตเพื่อรักษาหน้าตา เมื่อวันที่ร้านอาหารตะวันตกก็ทำให้ฉันตาสว่างไปแล้วหนหนึ่งจริง ๆ แต่แล้ววันนี้ คุณทำให้ฉันผิดหวังมาก ๆ แล้วจริง ๆ ค่ะ”
เซียวหยางยังคงเงียบสงบเป็นอย่างมากอยู่เช่นเดิม ก่อนจะล้วงบุหรี่มวนหนึ่งออกมาจุด “คุณเข้าใจผู้ชายของตัวเองแบบนี้หรือครับ?”
ประโยคนี้ทำให้เย่หยุนซูลมหายใจขาดห้วงในทันที ก่อนจะชี้ไปทางประตู “คุณออกไปเลยนะ!”
เซียวหยางหยักไหล่ขึ้นลงอย่างไม่สนใจ ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานไปแล้ว
...
จางเฉียงที่ติดบุหรี่เองก็ทำผิดไปแล้วเช่นเดียวกัน ก่อนจะมาสูบบุหรี่ที่ปากประตู ในตอนนั้นเผอิญพบกับพนักงานรักษาความปลอดภัยเข้าพอดี
“เป็นอะไรไปครับพี่จาง เรื่องอะไรที่ทำให้ดีใจมากขนาดนี้กัน” พนักงานรักษาความปลอดภัยกล่าวทักทาย
“ฮะ ๆ บริษัทมีไอ้โง่เข้ามาใหม่คนหนึ่ง แต่กลับกล้าบอกฉันว่าสามารถต่อสายโทรศัพท์เรียกดาราให้มาหาได้”
“ฮ่า ๆ พี่จาง ไอ้หนุ่มคนนั้นไม่ได้เป็นบ้าไปใช่ไหมครับ ดาราใหญ่จะมาเพราะไอ้กระจอกคนหนึ่งได้ด้วยหรือ?” พนักงานรักษาความปลอดภัยเอ่ยเยาะหยัน
“ฉันเองก็พูดแบบนี้เหมือนกัน”
คุยกันไปสองประโยค จางเฉียงก็เข้าไปแล้ว
ตะกี้นี้ที่พึ่งเข้าไปได้ไม่นานนัก ที่ประตูก็มี มาเซราติสีชมพูคันหนึ่งมาจอดเสียที่ปากประตูแล้ว ก่อนจะมีคนคนหนึ่งเดินลงมาจากรถ
เจิ้งอีเหริน
ดาราชั้นหนึ่งในประเทศ มักจะเฉิดฉายทำกิจกรรมอยู่บนหน้าจอเป็นประจำ เป็นพรีเซนเตอร์รับของจนมือไม้อ่อน ว่ากันว่าค่าจ้างพรีเซนเตอร์ของเธอตอนนี้สูงขึ้นถึงแปดสิบล้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และถ้าไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องด้วยกระทั่งตัวเธอเป็น ๆ ก็ไม่อาจพบเห็นได้
เจิ้งอีเหรินยังมีอีกฉายาหนึ่ง ชื่อว่านางฟ้าของประเทศ หน้าตาสะสวยสะกดใจคน ทรวงอกสูงใหญ่ ใบหน้านั้นงดงามอย่างหาที่สุดไม่ได้
เธอสวมใส่กางเกงยีนสีอ่อน เดิมก็เป็นขาที่เรียวยาวราวจมูกอยู่แล้ว บวกเข้ากับรองเท้าส้นสูงเข้าคู่กันอีก มันยิ่งเพิ่มความมีเสน่ห์มากเข้าไปกันใหญ่ รวมถึงแว่นกันแดดที่ทำให้ดูลึกลับเป็นอย่างมากนั่นอีกด้วย
“สวัสดีครับ ขอเรียนถามว่าคุณมาหาใครหรือครับ?” พนักงานรักษาความปลอดภัยกุลีกุจอเข้าไปเอ่ยสอบถามทันที เป็นเพราะว่ากำลังสวมแว่นกันแดดอยู่ ดังนั้นจึงยังมองไม่ออกในตอนแรก
เจิ้งอีเหรินถอดแว่นกันแดดออก หลังจากนั้นก็เอ่ยว่า “สวัสดีค่ะ ฉันมาหาเซียวหยางค่ะ”
จางเฉียงและหูเจียวเจียวไม่กล้าที่จะเชื่อ กระทั่งเย่หยุนซูเองก็ไม่กล้าที่จะเชื่อด้วยเช่นเดียวกัน
เย่หยุนซูยืนมองสถานการณ์อยู่ที่ชั้นบนลงมาทางด้านล่างอยู่ตลอด เธอเองก็ไม่อยากเห็นเซียวหยางถูกรักแกจนดูไม่ได้มากไปเช่นเดียวกัน ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนั้น เธอจึงจำต้องลงไป
ทว่าในตอนนั้นเอง ดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็นขนาดนั้นแล้ว
“เซียวหยาง...หาดาราใหญ่มาได้แล้วจริง ๆ หรือ?”
ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ราวกับว่าฝันไปเลยก็ไม่ปาน มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?
“ขอเรียนถามค่ะ เซียวหยางอยู่ไหมคะ?” จนกระทั่งเจิ้งอีเหรินเดินมาตรงหน้า จางเฉียงถึงมีปฏิกิริยาตอบกลับมาแล้ว
“อยู่ครับ อยู่ด้านในครับ”
เซียวหยางกำลังยืนอยู่ที่ปากประตูแผนกการขาย ก่อนจะเอ่ยอย่างราบเรียบว่า “เข้ามาคุยกันข้างในเถอะครับ”
เจิ้งอีเหรินรีบเดินเข้าไปหาสองก้าวในทันที เดิมทีจางเฉียงเองก็คิดอยากที่จะเข้าไปด้วยเช่นเดียวกัน ทว่าเสียงดังปังกลับขังเขาเอาไว้อยู่ทางด้านนอกเสียแล้ว
ในตอนนั้นทุกคนล้วนไม่มีกะจิตกะใจในการทำงานกันหมดแล้ว ทั้งหมดต่างก็ยืนรอกันอยู่ที่ปากประตู
เป็นครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้เอง ที่ทุกคนนึกว่าเซียวหยางจะไม่สามารถเชิญดารามาได้
ทว่าในตอนนี้นั้น เซียวหยางไม่เพียงแค่ต่อสายโทรศัพท์สายหนึ่งแล้วเชิญดารามาได้เท่านั้น อีกทั้งยังเป็นดาราระดับใหญ่มาก ๆ คนหนึ่งอีกด้วย
วันนี้แม่งเห็นผีแล้วจริง ๆ
เย่หยุนซูยิ่งไม่กล้าเชื่อเข้าไปกันใหญ่ พ่อบ้านคนหนึ่ง ประตูใหญ่ไม่ออก ประตูสองไม่ก้าว (หมายถึง พ่อบ้านที่ติดบ้านไม่ค่อยยอมออกจากบ้านไปไหน) ทำไมถึงไปสนิทกับเจิ้งอีเหรินได้นะ
ถ้ารู้แบบนี้แล้ว ถึงแม้ว่าเป็นจ้าวฟางสงคนมีเงินประเภทนั้นก็ไม่อาจรู้จักมักจี่กับเจิ้งอีเหรินดาราใหญ่แบบนี้ได้เช่นเดียวกัน
เซียวหยางกลับมีเส้นสายพรรค์นี้ด้วยอย่างนั้นหรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เดชราชาพิโรธ