ในห้องทำงาน
“ใต้เท้า ท่านให้ข้าเป็นพรีเซนเตอร์ ช่างเป็นเกียรติกับข้ามากเลยจริง ๆ เพคะ”
ในตอนที่เจิ้งอีเหรินทราบว่าเซียวหยางคิดอยากที่จะให้เธอเป็นพรีเซนเตอร์ของบริษัทแห่งนี้นั้น เธอไม่พูดอะไรให้มากความนักก่อนจะตกปากรับคำในทันที
อีกอย่างหนึ่ง ตอนนี้เธอกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเซียวหยาง ท่าทีของดาราแม้สักนิดก็ล้วนไม่มี ราวกับว่าเป็นนักเรียนตัวน้อยคนหนึ่งเลยก็ไม่ปาน เชื่อฟังเกินบรรยาย
“ค่าใช้จ่าย?”
“ใต้เท้าเอ่ยเรื่องน่าขันแล้ว ข้าจะกล้าเอาค่าใช้จ่ายได้อย่างไรกัน ขอเพียงแค่ท่านตกปากรับคำข้าเรื่องหนึ่งก็พอแล้วเพคะ” เจิ้งอีเหรินเอ่ยพูดไปพร้อมกับกรอกนัยน์ตาหนึ่งหน
“เรื่องอะไร?”
“ข้าอยากที่จะเลี้ยงข้าวท่านค่ะ ไม่ทราบว่าท่านจะสามารถให้เกียรติได้หรือเปล่า...”
เซียวหยางไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ หากสามารถเกี่ยวดองความสัมพันธ์กับเซียวหยางได้แล้วละก็ สำหรับเธอแล้วถือเป็นการค้าขายที่คุ้มค่าเงินอย่างไม่ต้องสงสัย อีกอย่างคือเธอหน้าตาสะสวยโดดเด่นในหมู่คน บุคลิกไม่ธรรมดา หากเปลี่ยนเป็นคนธรรมดาแล้วละก็ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องปฏิเสธ น่ากลัวว่าคงจะคิดหาหนทางอย่างถึงที่สุดเพื่อเชื้อเชิญเธอไปทานข้าว
“เจ้ากำลังคุยเรื่องเงื่อนไขกับข้าอยู่หรือ?” สีหน้าของเซียวหยางเย็นยะเยือก
ร่างกายสะโอดสะองของเจิ้งอีเหรินสั่นสะท้านในทันที ในช่วงเวลานั้นเอง ราวกับว่าทั่วทุกส่วนของร่างกายเธอล้วนถูกคนจับจ้องไปเสียหมด เหงื่อเย็น ๆ ที่หน้าผากกำลังไหลรินลงมา
“ไม่ ไม่กล้าเพคะ เป็นข้าที่ล่วงเกินแล้ว ท่านโปรดระงับโทสะ” เจิ้งอีเหรินกุลีกุจอค้อมตัวขอโทษเก้าสิบองศาทันที หัวใจล้วนแทบจะกระโดดออกมาอยู่แล้ว
ทว่าเซียวหยางกลับไม่ได้ชายตามองมากไปกว่าหนึ่งหน เอ่ยเพียงประโยคราบเรียบว่า “ออกไปเถิด”
เปิดประตูออก จางเฉียงยังคงรู้สึกยากที่จะเชื่อได้อยู่เล็กน้อย ว่าลูกเขยแต่เข้ามาคนนี้จะสามารถเชิญดารามาคนหนึ่งได้จริง ๆ?
เจิ้งอีเหรินงดงามเป็นอย่างมาก เป็นความงดงามที่มาจากภายในสู่ภายนอกชนิดหนึ่ง สะโอดสะองทรงเสน่ห์
เย่หยุนซูไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่กลับมีความรู้สึกหึงหวงกลุ่มหนึ่งพรั่งพรูออกมาโดยไม่รู้ตัว
“หึ ไม่รู้ว่าโชคดีอะไรนะคะ ถึงหลอกล่อดาราใหญ่เจิ้งให้มาได้” หูเจียวเจียวเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างคนไร้เหตุผล
จางเฉียงสบตามองเซียวหยางกับเจิ้งอีเหรินที่กำลังเดินด้วยกันอยู่ด้วยโทสะที่พุ่งสูง ในเมื่อก่อนหน้านี้แน่ใจแล้วว่าเซียวหยางทำไม่ได้ แต่ตอนนี้ถึงแม้ว่าจะไม่เชื่ออีกก็ตาม ทว่าความจริงก็ล้วนปรากฏอยู่ตรงหน้าทั้งหมดแล้ว
“หึ กูทำให้มึงไสหัวออกไปในไม่ช้า!”
...
ในตอนเลิกงานตอนกลางคืน เดิมทีเซียวหยางคิดจะไปรับเย่หยุนซูกลับบ้านด้วยกัน
ทว่าเย่หยุนซูไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องยากอย่างการเชิญดาราเมื่อตอนบ่ายหรือเปล่า หรือว่าเป็นเพราะอะไร ดังนั้นจึงจากไปก่อนแล้ว ไม่ได้รอเซียวหยางเลิกงานด้วยกัน
เซียวหยางทำได้เพียงแค่กลับไปด้วยตนเองเท่านั้นแล้ว
ในตอนที่พึ่งเดินถึงถนนสายหนึ่งเมื่อครู่นี้แล้วนั้นเองรถเบนท์ลีย์คนหนึ่งได้ขับผ่านทางด้านข้างของเขาไป
รถเบนท์ลีย์สำหรับเขาแล้วกลับไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร แต่สัมผัสของเซียวหยางนั้นมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก มองครู่เดียวก็มองออกแล้วว่าเงาร่างคุ้นเคยคนหนึ่งกำลังนั่งพิงอยู่ทางด้านรถคือใคร
เป็นเย่เสี่ยวหว่าน!
เย่เสี่ยวหว่านเป็นน้องสาว (ลูกพี่ลูกน้องหญิง) ของเย่หยุนซู ในตอนนี้กำลังนอนตะแคงอยู่ทางด้านหลังรถราวกับเป็นโคลนนุ่มนิ่มบนหาดเลยก็ไม่ปาน และทางด้านข้างกลับมีผู้ชายอีกคนหนึ่งด้วย!
สีหน้าของผู้ชายคนนี้แฝงไปด้วยความชั่วร้ายระคนเย้าหยอก มองครู่เดียวก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนดีอะไร คิ้วของเซียวหยางจึงเลิกขึ้นมาในทันที
จริง ๆ แล้วเขาไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นจริง ๆ นั่นแหละ ทว่าเย่เสี่ยวหว่านกลับไม่ใช่คนธรรมดา
อย่างน้องเธอก็เป็นน้องสาวของเย่หยุนซูด้วยเหมือนกัน
ยังไงก็ต้องไปดูเสียหน่อยแล้ว!
คิดมาจนถึงตรงนี้แล้ว เซียวหยางจึงบิดมอเตอร์ไซต์ขึ้น ความเร็วจึงแซงเพิ่มมากขึ้น
เซียวหยางสามารถควบคุมความเร็วได้มาโดยตลอด เพื่อป้องกันไม่ใช่เร็วแซงหน้ารถเบนท์ลีย์ได้
โชคดีที่การเดินทางนั้นไม่ไกลมากนัก หลังสิบกว่านาทีผ่านไป รถเบนท์ลีย์ก็ค่อย ๆ ขับเข้าไปในคฤหาสน์เงียบสงบแห่งหนึ่ง
เซียวหยางสัมผัสได้ว่ามีกล้องวงจรปิดอยู่รอบคฤหาสน์ ดังนั้นจึงอ้อมไปทางด้านข้างทันไปทันที
ประตูของรถเบนท์ลีย์เปิดออกแล้ว คนขับรถกับชายคนนั้นกำลังพยุงเย่เสี่ยวหว่านแล้วเปิดประตูเดินเข้าไป เดินไปทั้งสองคนก็กำลังหัวร่อคิกคักกันไป
“คุณชายจวิน อีหนูคนนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ ในครั้งนี้พวกเรามีวาสนาแล้วครับ!”
คนขับรถเป็นคนหนุ่มอายุนี่สิบกว่าปีคนหนึ่ง ในดวงตาเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ส่วนเฉิงจวินที่ถูกเรียกว่าคุณชายจวินนั้นกลับกระหยิ่มยิ้มย่องพลางกล่าวว่า “จะไม่ใช่ได้อย่างไร ยามปกติอีร่านคนนี้หยิ่งผยองพองขนจะตายไป ครั้งนี้กูจะทำให้เธอปล่อยไก่แน่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เดชราชาพิโรธ