ในตอนที่เซียวหยางกลับมาถึงบ้าน เขาพบว่าเย่หยุนซูกลับมาเรียบร้อยแล้ว
เห็นเซียวหยางเข้าประตูมากแล้ว เย่หยุนซูกระโดดโหยงเหยงขึ้นมาทันที เธอนึกว่าเซียวหยางจะไม่กลับมาแล้วเสียอีก
ทว่าไม่นานนักก็สัมผัสได้ว่าตนเองเสียอาการเล็กน้อย ก่อนกุลีกุจอทำทีเป็นสงบนิ่งทันที หลังจากนั้นก็ไปหยุดอยู่ตรงหน้าเซียวหยาง
“เซียวหยาง ถ้าคุณรู้สึกไม่ถึงความไม่เป็นธรรมละก็ สามารถพูดกับฉันได้นะคะ”
เซียวหยางไม่เข้าใจ “ความไม่เป็นธรรมอะไรครับ?”
เย่หยุนซูขมวดคิ้วแน่นในทันที ยังจะแสร้งเป็นแบบนี้อีก ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าคุณปู่ไปหาคุณเพื่อนนำเรื่องราวทุกอย่างบอกกับคุณไปทั้งหมดแล้ว ยังจะมาแสร้งมีท่าทางเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ทำไม
“เรื่องของน้องสาวฉัน...ที่ทุกคนใส่ความคุณไป หรือว่าคุณไม่รู้สึกไม่เป็นธรรมสักนิดเลยหรือคะ”
เซียวหยางหัวร่ออย่างไม่สนใจ “เดิมทีผมก็ไม่แคร์เรื่องเล็กน้อยแค่นี้อยู่แล้วครับ”
เดิมภายในหัวใจของเย่หยุนซูยังคงรู้สึกผิดต่อเขาอยู่ ทว่ามองเห็นท่าทางไม่แยแสเสียเต็มประดาของเขาเช่นนี้แล้ว ทันใดนั้นความรู้สึกผิดภายในหัวใจเล็กน้อยนั่นก็มลายหายไปในทันที
“คุณไม่แคร์ แต่ฉันแคร์ค่ะ!”
“ฉันติดค้างคุณอยู่หนึ่งฝ่ามือ ถ้าคุณต้องการก็สามารถมาเอาคืนได้เสมอนะคะ” เย่หยุนซูยกใบหน้างดงามหมดจรดขึ้น มันแฝงความหมายไม่ยอมแพ้เอาไว้อยู่เล็ก ๆ
เซียวหยางชะงักไปเล็กน้อย “คุณจะคืนหนึ่งฝ่ามือให้ผมอย่างนั้นหรือ?”
“ฉันไม่ต้องการที่จะติดค้างอะไรกับคุณทั้งนั้น ตอนนี้คุณสามารถตบฉันได้แล้วค่ะ ตบฉันเสร็จแล้วก็ไสหัวเข้าไปทำอาหารในห้องครัว”
เซียวหยางหมดคำจะกล่าวไปครู่หนึ่ง “ผมจะไม่ตบคุณหรอกนะครับ ถ้าคุณหิวแล้ว ผมจะไปต้มน้ำแกงไก่มาให้คุณเดี๋ยวนี้”
“ยังจะดื่มน้ำแกงไก่อยู่อีกหรือคะ?”
“เซียวหยาง หรือว่าคุณไม่อยากทำอย่างอื่นสักหน่อยเลยหรือคะ?”
ตอนนี้เย่หยุนซูเพียงแค่ได้ยินว่าน้ำแกงไก่ก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาแล้ว
“ทำอย่างอื่นได้ครับ แต่น้ำแกงไก่อย่างไรก็ต้องดื่ม”
สีหน้าของเย่หยุนซูง้ำงอขึ้นมาในทันที เป็นสีหน้ารังเกียจเดียดฉันท์อย่างหนึ่ง
มองเห็นใบหน้างดงามของเย่หยุนซูที่ง้ำงอแล้วนั้น เซียวหยางพลันรู้สึกขบขันขึ้นมาในทันที
เย่หยุนซูยังไม่ทราบว่าตนเองถูกหมายตาจากนักฆ่าเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เซียวหยางเองก็จะไม่บอกเธอเหมือนกัน
เขายอมที่จะให้เย่หยุนซูเป็นผู้หญิงที่อยู่อย่างสบายใจคนหนึ่ง ส่วนภัยอันตรายนั้น ให้เขาเป็นคนขวางมันเอาไว้เองเถอะ
...
เช้าวันที่สอง เย่หยุนซูอาบน้ำอาบล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะลงมาแล้วพบว่าบนโต๊ะถูกเสิร์ฟไปด้วยมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว
ไข่ไก่ที่ต้มจนกลายเป็นสีเหลืองทองทั้งสองด้าน เปาะเปี๊ยะหลานชิ้น ทั้งยังมีโจ๊กไข่เยี่ยวม้าอีกหนึ่งถ้วย
“เจ้าหมอนี่ ทำไมถึงตื่นเช้ามากขนาดนี้กันนะ จะตื่นเช้าไปทำไมก็ไม่รู้”
เย่หยุนซูทราบว่าเซียวหยางติดนิสัยตื่นเช้า ในตอนที่เธอยังคงนอนหลับอุตุอยู่นั้น เซียวหยางได้ออกไปทำมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว
มีอยู่หนหนึ่งที่เธอเห็นเซียวหยางนั่งสมาธิอยู่ที่สวนหลังบ้าน จึงเกิดอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นั่นทำให้เธอสงสัยว่าเซียวหยางจะเป็นคนประสาทคนหนึ่งหรือเปล่า
หลังจากรับประทานข้าวเช่าแล้ว ในตอนที่เธอมาถึงโรงรถนั้นเอง เธอพบว่าเซียวหยางกำลังนั่งไขว่ห้างรอมาหลายชั่วโมงแล้ว
เห็นเย่หยุนซูเดินมาแล้ว เซียวหยางจึงเข้าไปเปิดประตูรถ ก่อนจะทำมือเป็นสัญลักษณ์เชื้อเชิญหนึ่งหน
“ประธานเย่ นับตั้งแต่วันนี้ไป ผมจะเป็นสารถีให้คุณโดยเฉพาะเองครับ”
เย่หยุนซูเลิกคิ้ว “ใครใช้ให้คุณเป็นคนขับรถของฉันกันคะ ขี่มอเตอร์ไซต์ของคุณไปเลย”
เซียวหยางหยักไหล่ขึ้นลงอยู่ครู่หนึ่ง “นี่เป็นความคิดของคุณปู่ของคุณเชียวนะครับ ถ้าไม่เชื่อคุณสามารถไปถามตาแก่เย่ได้”
เย่หยุนซูต่อสายโทรศัพท์หาเย่ว่านเหนียนทันที การควบคุมดูแลของคุณปู่กว้างเกินไปแล้ว ทั้งยังให้หมอนี่มาเป็นคนขับรถของตนเองอีก
ไม่นานนัก เธอก็ตัดสายโทรศัพท์ไปอย่างหมดอารมณ์
มันเป็นความคิดของคุณปู่จริง ๆ
“เซียวหยาง ฉันรู้ค่ะว่าคุณปู่ดีต่อคุณเป็นอย่างมากมาโดยตลอด แต่ถ้าอยากให้คนอื่น ๆ ให้เกียรติคุณ คุณก็ต้องแสดงความสามารถจริง ๆ ออกมาเสียหน่อย เป็นคนขับรถคนหนึ่งมันจะมีอนาคตอะไรกัน”
พูดไป เย่หยุนซูก็นั่งลงที่เบาะนั่งทางด้านหลังแล้ว เธอเป็นคนที่เป็นโรครักความสะอาดคนหนึ่ง ที่นั่งในตัวรถยังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนนั่งมาก่อนเลยนะ
“เร็วสิคะ จะสายแล้วนะคะ ถ้าก่อนเก้าโมงยังขับไม่ถึงบริษัทละก็ ฉันก็จะหักเงินเดินของคุณ”
พูดมาจนถึงตรงนี้แล้ว เซียวหยางยกยิ้ม ก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไปจากโรงรถ
“เปิดเพลงให้ฟังหน่อยค่ะ”
เป็นครั้งแรกที่เย่หยุนซูกับเซียวหยางอยู่ด้วยกันตามลำพังในสถานที่แคบเล็กเช่นนี้ ดังนั้นจึงรู้สึกไม่เป็นตัวเองนิดหน่อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เดชราชาพิโรธ