เซียวหยางเห็นว่าใบหน้างดงามของเย่หยุนซูขึ้นสีแดงเรื่อ ดังนั้นจึงอดที่จะหัวร่อออกมาไม่ได้ “ปกติเห็นคุณมีความกดดันมากเกินไปแล้วน่ะครับ นี่ก็เลยคิดอยากที่จะให้คุณได้ตื่นเต้นนิด ๆ หน่อย ๆ เอง”
เย่หยุนซูหมดคำจะกล่าวแล้ว “ฉันไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเลยสักนิด”
“ดูท่าแล้วยังไม่พอสินะครับ”
เซียวหยางหัวเราะร่าอย่างเบิกบานใจครู่หนึ่ง เท้าเหยียบคันเร่ง ก่อนจะขับพุ่งออกมาจากอุโมงค์ลอดแม่น้ำ หลังจากนั้นก็เริ่มขับขึ้นไปบนถนนสายหลัก
การแซงรถ การขับเคลื่อน การเปลี่ยนเส้นทาง เทคนิคการซิ่งรถทุกอย่างล้วนนำออกมาใช้ทั้งหมดแล้ว
บนถนนสายหลักที่มีการจราจรที่ติดขัดเป็นอย่างมากในช่วงเช้า ได้มีการแสดงซิ่งรถที่น่าหวาดเสียวอย่างหนึ่งให้ได้ชมแล้ว
“ขับรถอะไรวะ บ้าหรือเปล่าเนี่ย”
“หลังรถติดไฟแล้ว รีบไปตายหรือไงวะ”
รถยนต์ทางด้านข้างต่างกันพากันผ่อนความเร็วให้ช้าลงด้วยความตกใจ ก่อนจะลดกระจกรถลง ตบประตูรถพร้อมก่นด่าชุดใหญ่
แต่ไม่พูดไม่ได้ คนเหล่านี้ล้วนถูกเทคนิคการขับรถของเซียวหยางทำให้ตกตะลึงกันเป็นอย่างมากแล้วจริง ๆ นั่นแหละ
เซียวหยางนั้นไม่ได้กำลังโชว์ออฟ ที่เขาไปเช่นนี้เป็นเพราะว่ากำลังป้องกันอันตรายที่ใกล้จะคืบคลานเข้ามาอีกครั้งต่างหาก
เขาอยู่ในที่แจ้ง ศัตรูอยู่ในที่ลับ
เซียวหยางเองก็ไม่รู้ว่าที่ถนนสองข้างทางนั้น จะมีนักฆ่าคนอื่น ๆ ที่แฝงตัวอยู่ด้วยหรือเปล่า หรือกระทั่งบนรถคันอื่น ๆ จะมีการดำรงอยู่ของศัตรูอยู่ด้วยหรือเปล่าก็ไม่อาจทราบได้
ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมดล้วนไม่สามารถรับรู้ได้ทั้งสิ้น
ดังนั้นแล้วเขาจึงเปลี่ยนเส้นทางไม่หยุด ทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้โอกาสศัตรูได้ลงมือ
แปดโมงสี่สิบห้านาที ขับมาถึงโรงจอดรถชั้นใต้ดินของหยุนซู กรุ๊ปแล้ว เซียวหยางจึงเปิดประตูรถออก ก่อนจะเดินลงไป
เย่หยุนซูมึนหัวตาลายไปหมด อีกนิดเดียวก็เกือบจะสติแตกแล้ว
“เซียวหยาง คุณมันคนบ้า เป็นคนขับรถให้ฉันวันแรก คุณก็ทำกับฉันแบบนี้!”
“อุก...”
เย่หยุนซูเปิดประตูรถออก กำลังขดตัวฟุบอยู่ทางหลังรถ อีกนิดเดียวก็เกือบอ้วกมื้อเช้าออกมาหมดแล้ว
นี่มันคือการไปทำงานที่ไหน เห็น ๆ อยู่ว่าคือการไปเกิดใหม่ชัด ๆ ถ้าต้องทำการแสดงแบบนี้ทุกวัน เธอจะไม่ถูกทำให้ตกใจตายเลยหรือไง
เซียวหยางไม่ได้กล่าวคำ ยื่นมือไปคว้าเอวเล็กคอดกิ่วของเย่หยุนซูเอาไว้ ก่อนจะลากเธอออกมาจากในตัวรถ
“นี่ คุณจะทำอะไรคะ ปล่อยฉัน!”
“เซียวหยาง คุณมีความกล้ามากเกินไปแล้วหรือ ใครใช้ให้คุณกล้ามาแตะต้องฉัน”
เย่หยุนซูรู้สึกได้ถึงมือใหญ่ที่หลังเอว เรี่ยวแรงและความอบอุ่นสายนั้นทำให้สั่นสะท้านอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะดิ้นพล่านฟาดงวงฟาดงาไม่หยุด ทุกส่วนของร่างกายล้วนกำลังปฏิเสธ
“เชื่อฟังนะครับ อย่าร้องส่งเดช อยู่เฉย ๆ เรียบร้อยเข้าไว้ ผมจะไปส่งคุณขึ้นชั้นบน”
สุรเสียงของเซียวหยางดังขึ้นที่ข้างใบหูของเธอ หลังจากนั้นก็ทำให้เธอเกิดความรู้สึกตื่นตะลึงทันที
เธอกลับถูกเซียวหยางพาดเอาไว้บนบ่า ก่อนที่จะมุ่งหน้าเดินไปยังทิศทางของลิฟต์
ผ่านไปครู่หนึ่ง ใบหน้ารูปไข่ของเย่หยุนซูก็แดงก่ำในทันที
หยาบคาย ป่าเถื่อน
แถมวันนี้เธอยังสวมใส่กระโปรงตัวสั่นกับถุงน่องอีกด้วย ท่วงท่าแบบนี้จะต้องโป๊แน่ ๆ เจ้าบ้าสมควรตาย!
“เซียวหยาง คุณจะทำอะไรกันแน่คะ รีบวางฉันลงเร็วเข้า”
เดิมทีเธอรู้สึกว่าเซียวหยางเป็นคนซื่อ ๆ คนหนึ่ง เพราะในเมื่ออยู่ในบ้านด้วยกันมาสามปีแล้ว เขาเองก็ไม่ได้ทำเรื่องนอกกรอบอะไรกับตนเองเลยเหมือนกัน
แต่ใครจะคิดได้ล่ะ การเข้าใจผิดเรื่องของน้องสาวที่แดงขึ้นมาพึ่งจะแก้ไขไปได้ แต่เจ้าหมอนี่ราวกับแปรเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่งเลยก็ไม่ปาน กลับกล้าที่จะลงไม้ลงมือกับตนเอง
หรือว่าเรื่องนั้นมันไปกระตุ้นเขาเข้าให้เสียแล้ว ทำให้เจ้าหมอนี่คิดได้แล้ว ว่าเรื่องที่ทำไปแล้วมันไม่สามารถกลับมาแก้ไขได้ในภายหลังแล้ว?
คิดมาจนถึงตรงนี้แล้ว เย่หยุนซูแทบจะร่ำไห้อยู่รอมร่อ
เจ้าคนสมควรตาย เธอจะไม่เป็นรองเซียวหยางอย่างเด็ดขาด
เมื่อเทียบกับเย่หยุนซูที่กำลังเตะต่อยอย่างบ้าคลั่งอยู่บนบ่าของเซียวหยางแล้ว เซียวหยางกลับมีสีหน้าไร้อารมณ์ ในดวงตาปรากฏสายตาระแวดระวังภัยราวกับหมาป่าเลยก็ไม่ปาน
สาวเท้าก้าวเดินเรื่อยมา กระทั่งมาถึงปากลิฟต์แล้ว หลังจากนั้นก็ขึ้นลิฟต์ กระนั้นจึงวางเย่หยุนซูลง
“ตรงไปห้องทำงานเลยนะครับ อย่าเดินมั่วซั่วเป็นการชั่วคราวก่อน”
เซียวหยางยังคงมีท่าทางเป็นทองไม่รู้ร้อง มองไม่ออกถึงความรู้สึกเลยแม้แต่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เดชราชาพิโรธ