แต่หลังจากผ่านไปไม่นาน เซียวหยางเดินกลับเข้ามาในห้องทำงาน เห็นในมือทั้งสองข้างของเซียวหยางว่างเปล่า เย่หยุนซูถามออกไปว่า
“บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ที่ไหน คุณคงไม่ได้กินมันเข้าไปเร็วขนาดนั้นหรอกใช่ไหม คุณเป็นผีหิวโหยที่กลับชาติมาเกิดหรือไง”
ใบหน้าและท่าทางของเย่หยุนซูเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
“อาหารขยะแบบนั้นผมไม่กิน ผมเอามันไปทิ้งแล้ว” เซียวหยางตอบกลับไปอย่างเฉยเมย
“คุณเอามันไปทิ้งแล้ว ? นี่คุณ......”
หัวใจของเย่หยุนซูรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก กำหมัดแน่น พูดออกมาด้วยความไม่พอใจ
“นั่นมันอาหารมื้อเย็นของฉัน ฉันยังไม่ทันได้กินมันเข้าไปเลย ทำไมคุณถึงได้เอามันไปทิ้ง ?”
เซียวหยางตอบกลับไปอย่างจริงจัง “ก็แค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถ้วยเดียว แม้แต่ของที่มีราคาเพียงไม่กี่บาทพวกนี้ผมยังไม่มีสิทธิ์ที่จะทิ้งมัน สถานะของผมมันต่ำเกินไปหรือเปล่า”
เมื่อเห็นท่าทีเฉยเมยของเซียวหยาง เย่หยุนซูโกรธจนตัวสั่น
หากปล่อยให้เซียวหยางอยู่แบบนี้ต่อไป ต่อให้ตนเองทำงานเพิ่มอีกทั้งคืนก็คงไม่มีทางทำเสร็จ
“คุณไปทำงานของเธอก่อนเถอะ ผมมีเรื่องต้องออกไปทำสักหน่อย ไม่นานจะกลับมา”
ก่อนที่เย่หยุนซูจะไล่ออกไป ดูเหมือนเซียวหยางจะอ่านใจของเธอออก พูดออกมาว่าจะจากไปด้วยตัวเอง
เย่หยุนซูถูขมับของเธออย่างช่วยไม่ได้ นั่งลงและทำงานต่อไป ทะเลาะกับคนกวนประสาทเช่นนี้มันไม่คุ้มเอาเสียเลย
เซียวหยางเดินออกไปจากสำนักงาน ข้าไปยังซอยด้านหลังของอาคารสำนักงาน เดินทางมายังร้านชิสุบาร์บีคิวที่เขามาเมื่อเที่ยง
ทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตอนกลางคืนนั้นไม่ดีต่อร่างกาย อีกอย่างร่างกายของเย่หยุนซูเองก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว เขาจึงต้องการซื้ออาหารเบา ๆ กลับไปฝากเธอ
แม้ว่ามันจะสามทุ่มแล้ว แต่ธุรกิจแผงขายบาร์บีคิวเพิ่งเริ่มต้นขึ้น ฉากนี้ร้อนแรงอย่างน่าประหลาดใจ ถอดเสื้อดื่มเหล้า ชมแก้วและกินปิ้งย่างเสียบไม้กันอย่างมีความสุข
ร้านของเสิ่นอ้าวจวินนั้นขายอาหารขบเคี้ยวในตอนกลางวัน ในตอนกลางคืนจะขายปิ้งย่าง ในหนึ่งวันจึงสร้างรายได้จำนวนไม่น้อย
“นี่เถ้าแก่ บะหมี่เกี๊ยวชามหนึ่ง อ่า ขอเป็นห่อกลับบ้าน”
เซียวหยางเดินเข้าไปกล่าวทักทายเสิ่นอ้าวจวิน
เสิ่นอ้าวจวินซึ่งกำลังตรวจบัญชีที่หน้าเคาน์เตอร์ เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยก็เงยหน้าขึ้นมามองเซียวหยางทันที
เธอพูดออกมาด้วยใบหน้าประหลาดใจ “ดึกขนาดนี้แล้วเพิ่งจะเลิกงาน แล้วทำไมถึงไม่มากับแฟนสาวของคุณ ?”
เซียวหยางผงะเล็กน้อย แฟนสาวที่เสิ่นอ้าวจวินพูดถึงนั้นน่าจะเป็นเย่หยุนซูที่เห็นในสถานีตำรวจตอนกลางวัน
เซียวหยางไม่ได้อธิบายอะไรออกไป เย่หยุนซูไม่อยากให้ใครรู้ความสัมพันธ์แบบสามีภรรยาของทั้งสองคน มันทำให้เธอรู้สึกอับอาย
“ตัวคนเดียวยังเอาไม่รอด จะให้จ่ายเพิ่มเป็นสองเท่าอีกหรือไง ?”
เสิ่นอ้าวจวินกลอกตาขาว ยิ้มและพูดออกมาว่า “ก็ไม่ได้เอากำไรอะไรมากมายขนาดนั้น อีกอย่างร้านของฉันก็เป็นแค่ร้ายเล็ก ๆ แค่ไม่ขาดทุนก็พอแล้ว ”
เซียวหยางยิ้มออกมาโดยไม่พูดอะไร เสิ่นอ้าวจวินเปิดเบียร์หนึ่งขวดมาวางไว้หน้าเซียวหยาง สั่งลูกน้องในครัวให้ทำบะหมี่เกี๊ยว จากนั้นเธอก็ทำงานของเธอต่อไป
ท้องฟ้าสว่างไสวไปด้วยดวงจันทร์และหมู่ดาว ตึกสูงในเมืองบดบังการมองเห็นของผู้คน เซียวหยางไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่สว่างไสว
ดื่มเบียร์พร้อมกับสายลมยามเย็นที่พัดผ่านหู ทำให้เซียวหยางอดนึกถึงวันวานในวิหารมังกรไม่ได้
รอยยิ้มของเขาชวนให้นึกถึง หยิบภาพหมู่หนึ่งใบที่พกติดตัวตลกเวลาออกมา
เซียวหยางนั่งอยู่บนที่นั่งของผู้นำแห่งวิหารมังกร บนหัวของเขามีหัวมังกรยักษ์ที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์ และดวงตาของมังกรก็ทำขึ้นจากอัญมณีอันล้ำค่า
ผู้ซึ่งนั่งอยู่จากเขาถัดไปทางซ้ายมือและขวามือก็คือทูตฟ้าเพิงผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่
ด้านล่างมีสิบสองทูตฟ้าหกปีกนั่งอยู่
คนเหล่านี้แต่ละคนมีชื่อเสียงอย่างมากในโลก แต่พวกเขาเต็มใจที่จะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของราชามังกรเซียวหยาง ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่พวกเขาภูมิใจ
เซียวหยางขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวแต่อย่างใด แม้จะจ้องมองเธอ แต่สายตาที่จ้องมองนั้นมันเหมือนกับทะเลสาบอันนิ่งสงบ ไร้ซึ่งคลื่นลม
เสิ่นอ้าวจวินผงะเล็กน้อย ดวงตาคู่นี้เหมือนกับตอนเที่ยงทุกประการ ซึ่งแตกต่างจากผู้ชายคนอื่น ๆ ที่มองตนเองราวกับหมาป่าผู้หิวโหย
ความเฉยเมยของเซียวหยางทำให้นางหลงทางไปเล็กน้อย หรือว่าตนเองไม่สามารถดึงดูดผู้ชายคนนี้ได้จริง ?
เธอค่อนข้างมั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเองเสมอ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ถูกเรียกว่าเป็นชิสุบาร์บีคิว
“เถ้าแก่ นี่ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในการตอบแทนฉันหรือเปล่า หากเป็นเช่นนั้นจริง แค่นี้มันยังไม่พอ”
เซียวหยางแสดงให้เห็นรอยยิ้มอันชั่วร้าย
เสิ่นอ้าวจวินถอนหายใจเบา ๆ ใบหน้าอันสวยงามของเธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกร้อนขึ้นเล็กน้อย
“เถ้าแก่ บะหมี่เกี๊ยวเรียบร้อยแล้ว” ในตอนนั้นเอง พ่อครัวนำบะหมี่เกี๊ยวมาวางไว้บนเคาน์เตอร์
“บะหมี่เกี๊ยวเสร็จแล้ว ฉัน......ฉันจะไปเอามามันให้คุณ”
คิดไม่ถึงว่าเซียวหยางจะอ่านความคิดของตนเองออก เพื่อปกปิดความเขินอายนั้น เสิ่นอ้าวจวินจึงรีบเดินไปที่เคาน์เตอร์
เซียวหยางเดินตามไป ในตอนที่เสิ่นอ้าวจวินหันกลับมา เธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจของผู้ชายที่ล้อมรอบตัวเธอ
ในตอนนั้นเซียวหยางยื่นมือออกมาแล้วหยิบบะหมี่เกี๊ยวไป
“เถ้าแก่ ฉันยังมีเรื่องที่ต้องทำ อยู่นานกว่านี้ไม่ได้แล้ว ไว้วันหลังพวกเราค่อยเจอกันใหม่”
เซียวหยางยิ้มจาง ๆ ข้างหูของเธอ หลังจากพูดจบเขาก็เดินออกไปจากร้านบาร์บีคิว
ในตอนที่เสิ่นอ้าวจวินได้สติกลับคืนมา ร่างของเซียวหยางก็หายไปแล้ว
เสิ่นอ้าวจวินกระทืบเท้าด้วยความโกรธ เดิมที่อยากจะแกล้งเด็กคนนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าตนเองจะเป็นฝ่ายถูกเขาแกล้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เดชราชาพิโรธ