เดชราชาพิโรธ นิยาย บท 39

เมื่อเซียวหยางกลับไปที่อาคาร เขาพบว่าอาคารมืดสนิทและประตูก็ถูกล็อค

ในเวลานี้เซียวหยางได้ยินเสียงเบา ๆ จากชั้นบน ซึ่งเสียงนี้เบามาก หากเป็นคนอื่นคงไม่ได้ยิน

“มีคนอยู่ข้างบนไหม ?”

เซียวหยางขมวดคิ้ว คิดว่าน่าจะเป็นมือสังหารอีกแล้ว เขาพุ่งไปอย่างสุดตัว ใช้แรงขาถีบพื้น ร่างทั้งร่างลอยขึ้นสู่อากาศ แขนของเขาจับอยู่ตรงขอบหน้าต่างชั้นสอง

ออกแรงอีกครั้ง ร่างทั้งร่างเข้าไปในช่องหน้าต่างชั้นสอง การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นไปอย่างราบรื่น หากมีคนด้านนอกเห็นคงคิดว่าเขาใช้ลวดสลิงเป็นตัวช่วย

กระโดดเข้ามาในอาคาร เซียวหยางได้ยินเสียงมาจากช่องทางเดิน แต่เสียงค่อนข้างเบา น่าจะอยู่บนตึกชั้นที่สูงมาก

เนื่องจากไฟดับ ลิฟต์จึงไม่สามารถใช้งานได้ เซียวหยางจึงทำได้เพียงขึ้นบันไดไปเท่านั้น

......

ในตอนนี้ เย่หยุนซูกำลังนั่งอยู่ในห้องทำงาน ด้านหน้าของเธอเต็มไปด้วยความมืด มีเพียงแสงไฟจาง ๆ นอกหน้าต่างเท่านั้นที่สามารถทำให้เธอพอสงบลงได้บ้าง

ตอนนี้ก็สามทุ่มกว่าแล้ว แม้เธอจะทำงานนอกเวลาเป็นประจำ แต่การที่เผชิญหน้ากับไฟดับเช่นนี้ ถือว่าเป็นครั้งแรกของเธอ

ที่จริงเธอมีข้อบกพร่องอยู่เรื่องหนึ่ง เธอกลัวความมืดมาตั้งแต่เด็ก สภาพแวดล้อมในความมืดทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว แม้ว่าในตอนนอนก็ตาม เธอมันจะเปิดไฟหัวเตียงไว้เสมอ

นี่คือความลับ แม้จะเป็นเซียวหยางซึ่งใช้ชีวิตอยู่กับนางมาสามปีกว่าก็ยังไม่รู้

ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่า ในตอนกลางวันเลขาบอกเธอไว้ว่า เวลาประมาณสามทุ่มกว่าจะมีการซ่อมไฟ เธอยุ่งจนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท

อาคารที่กว้างใหญ่และว่างเปล่า เย่หยุนซูเปิดไฟจากโทรศัพท์มือถือแล้วเดินออกไปด้านนอกทีละก้าว

เสียงดังจากรองเท้าส้นสูงกระจายออกไปสุดทางและสะท้อนกลับมา มันดังก้องอยู่ในหูของเย่หยุนซู ทำให้หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้น

ปลายทางอันมืดสนิทที่อยู่ด้านหน้าราวกับมวลน้ำหมึกที่แข็งตัว หากเดินผ่านไปอาจถูกกลืนเข้าไปในเหวลึก

อึก......

เย่หยุนซูกลืนน้ำลาย หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น และในตอนนั้นเองแบตเตอรี่โทรศัพท์ของเธอก็หมดลง แสงสุดท้ายที่มีอยู่ก็หายไป

เข่าทั้งสองข้างของเธออ่อนแรงลงจนเกือบจะล้มลงกับพื้น

เย่หยุนซูจับผนังด้วยมืออันงดงาม คลำไปข้างหน้า เมื่อเห็นแสงสีเขียวจาง ๆ จากป้ายบอกทางหนีไฟด้านบนศีรษะ เธอจึงเดินไปที่บันได

เอี๊ยด !

ทันทีที่ประตูตรงบันไดเปิดออก สายลมเย็นพัดเข้ามา เสียงซึ่งก้องกังวานทำให้เย่หยุนซูตัวสั่นอย่างรุนแรง

อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลย ต่อให้เป็นผู้ชาย หากตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ หัวใจก็ต้องรู้สึกวิตกกังวลอยู่บ้าง

จึงไม่ต้องพูดถึงเย่หยุนซูที่เป็นโรคกลัวความมืด

เย่หยุนซูมองไปที่บันไดสีดำสนิทตรงหน้าเธอ ขาทั้งสองข้างเหมือนกับมีตะกั่วมาถ่วงไว้ ทำให้ไม่กล้าก้าวลงไป

ราวกับสีดำด้านหน้าคือสัตว์ร้ายแห่งภัยพิบัติอันยิ่งใหญ่ที่กำลังอ้าปากรอกลืนกินร่างของเธอ

เย่หยุนซูสงบสติอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง ให้กำลังใจตัวเอง และเดินไปที่บันได

ในขณะเดียวกัน เธอแอบบ่นอยู่ในใจ ทำไมช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้เซียวหยางถึงไม่อยู่ด้วย ไหนเขาบอกว่าจะมารับมาส่งเธอจากที่ทำงานทุกวัน

และตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหน ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เหมือนกันหมด !

แม้เซียวหยางจะไร้ประโยชน์ ไม่เอาไหน คิดแต่จะพึ่งพาผู้หญิง แต่ยังดีที่มีน้องชายอันยิ่งใหญ่ และร่างกายกำยำ

เย่หยุนซูใช้มืออันบอบบางของเธอจับไปตรงราวบันได เดินลงไปตามขั้นบันไดทีละขั้น ลมเย็นพัดมาจากทุกทิศทุกทางทำให้เย่หยุนซูตัวสั่นโดยสัญชาตญาณ

ตอนนี้ใบหน้าของเย่หยุนซูซีดขาว ไม่กล้ามองไปด้านหน้า และไม่กล้ามองไปด้านหลัง ทำได้เพียงเคลื่อนที่ไปด้านหน้าโดยการคลำเท่านั้น มันได้ที่ไม่สิ้นสุด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถเดินไปจนสุดทางได้

ไม้กวาดที่วางอยู่ตรงมุมนั้นดูเหมือนซากศพที่หันหัวลงมาจากระยะไกล เหมือนผีที่ยืนขนหัวลุกอยู่ตรงนั้น

เธอกลัวจนน้ำตาซึม เธอไม่เคยทำอะไรที่เหมือนกับวันนี้มาก่อนในชีวิต

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เดชราชาพิโรธ