เซียวหยางหยิบหินอีกสองก้อนขึ้นมาจากพื้นแล้วโยนลงไปทางน้ำ
"อ๊ะ อ๊ะ!"
เสียงกรีดร้องดังขึ้นทันที และไอ้หนุ่มอีกสองคนก็โดนเช่นกัน
เจียงเซิ่งหนานแอบรู้สึกประหลาดใจ ระยะห่างจากพวกเขาน่าจะประมาณยี่สิบเมตรมั้ง เจ้าหมอนี่ถึงกลับโยนได้แม่นยำขนาดนี้ และดูแล้วราวกับจับขึ้นมาแล้วโยนไปแบบสบายๆ
ไอ้หนุ่มพวกนี้เจ็บปวดรวดร้าว ถูกตีจนจมลงไปในน้ำ สำลักน้ำไปหลายอึก
ทุกคนด่าแม่ของเขาด้วยความโกรธ เห็นได้ชัดว่าทุบตีพวกเขาราวกับตัวตุ่น ใครโผล่หัวขึ้นมาก็จะถูกทุบด้วยก้อนหิน
“ถ้าพวกนายยังกล้าว่ายเข้าฝั่งอีก ฉันจะทุบสมองพวกนายให้กระจาย”
ทุกคนต่างไม่พอใจมาก ได้แต่ว่ายไปในทิศทางอื่น
สิ่งต่างๆกลับตาลปัตร ตราบใดที่พวกเขาต้องการจะเทียบท่า เซียวหยางก็ให้ก้อนหินเป็นรางวัล และก้อนหินนั้นก็เหมือนกับว่ามีการติดตั้งจีพีเอสเอาไว้ ตีไปแต่ละครั้งก็แม่นยำมาก
ทุกคนแช่อยู่ในน้ำหลายสิบนาที และว่ายเป็นเวลาหลายสิบนาที เหนื่อยล้าจนหมดเรี่ยวแรง
การว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายที่เสียพลังงานอย่างมาก จากนั้นไม่นาน ทุกคนก็หมดพลัง
“หัวหน้า ผม……ผมไม่ไหวแล้ว ผมจะจมแล้ว ดึงมือผมหน่อย”
“แม่ง อย่าจับฉันมาก ฉันก็ไม่มีแรงแล้ว”
ทุกคนมองไปที่ฝั่งพร้อมเพรียงกันและแสดงสีหน้าอ้อนวอน
เซียวหยางยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ถ้าพวกนายคนใดยินดีที่จะวิ่งไปที่สถานีตำรวจ ตอนนี้ก็สามารถขึ้นฝั่งได้เลย”
“จริงเหรอ?”
ดวงตาของทุกคนเป็นประกาย และตอบตกลงโดยไม่ลังเล พวกเขาไม่มีแรงจริงๆ หากยังไม่รีบขึ้นฝั่ง พวกเขาคงต้องจมน้ำตายแน่
อับอายขายหน้าดีกว่าจมน้ำตาย
ดังคำกล่าวที่ว่า ถ้ายังมีชีวิต ย่อมต้องมีความหวัง
ทุกคนขึ้นฝั่งเหมือนสุนัขที่ใกล้ตาย พอขึ้นฝั่งก็ล้มลงกับพื้นทันที เสียงหายใจหอบอย่างแรง
“เร็วเข้า วิ่งไปที่สถานีตำรวจ ไม่เช่นนั้นกูจะเตะพวกนายลงแม่น้ำและตีตัวตุ่นต่ออีก”
ทุกคนไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากกัดฟันลุกขึ้นยืน เป็นเช่นนี้ พวกเขาวิ่งไปที่สถานีตำรวจในสภาพเปลือยเปล่า ระหว่างทางมีทิวทัศน์ที่สวยงาม……
เจียงเซิ่งหนานส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณนี่ช่างมีวิธีจริงๆ”
“เรื่องบางเรื่อง ใช้วิธีทั่วไปก็ไม่สามารถแก้ไขได้ ต้องใช้วิธีพิเศษเท่านั้น นี่คือคำตักเตือนของผมที่มอบให้คุณ หัวหน้าเจียง”
ประโยคนี้ดูเหมือนจะมีความหมายบางอย่าง เจียงเซิ่งหนานผงะเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้กำลังพูดถึงเรื่องฆาตกรนั่นหรือเปล่า?
“แม่ง นี่กี่โมงแล้ว แย่แล้วๆ ไม่ทันแล้ว”
พอเซียวหยางดูเวลา ใกล้จะถึงเวลาไปทำงานแล้ว อาหารเช้าของตัวเองก็ยังไม่ได้ซื้อกลับไปเลย ภรรยาที่รักต้องโกรธอีกแล้ว
“ผมมีเรื่องด่วน ต้องไปก่อนนะ ค่อยพบกันใหม่” เซียวหยางโบกมือเดินตรงไปที่รถเหยียบคันเร่ง แล้วรีบกลับบ้าน
ทันทีที่เขากลับถึงบ้าน เย่หยุนซูก็นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว เหมือนลูกแมวที่กำลังรออาหารอย่างเร่งรีบ มองไปรอบๆ
“เซียวหยาง ไปทำอะไรที่ไหนแต่เช้า ยังรู้จักกลับมาอีกเหรอ?”
เมื่อเย่หยุนซูเห็นเซียวหยางดินเข้ามา ก็อดไม่ได้ที่จะโมโห ไม่เห็นหน้าตั้งแต่เช้า บริษัทยังมีเรื่องหลายอย่างรอเธอไปทำ ถ้าหากเซียวหยางยังไม่กลับมาอีก เธอก็จะไปที่ทำงานเองแล้ว
“ขอโทษ ขอโทษ ระหว่างทางเจอหัวขโมยสองสามคน ก็เลยจัดการพวกมันหน่อย นี่คืออาหารเช้าที่ผมซื้อให้”
“เมืองหยินโจวมีกฎหมายที่ดีและสงบเรียบร้อย ยังเจอหัวขโมยแต่เช้า อีกอย่างบนตัวคุณก็ไม่มีเงินติดตัวเลย เขาขโมยอะไรของคุณ?”
“ช่างเถอะไม่กินละ รีบส่งฉันไปทำงานเถอะ จะสายแล้ว”
เย่หยุนซูมองดูเวลาลัวลุกขึ้น เดินไปที่โรงรถ
เซียวหยางเกาศีรษะแล้วรีบตามไป
……
ตลอดทางทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรเลย เมื่อถึงบริษัท เย่หยุนซูก็รีบตรงไปที่ห้องทำงานของประธาน แต่เซียวหยางกลับไปที่แผนกขายเพื่อตอกบัตรทำงาน
“หยุดพูดไร้สาระ ให้นายไปก็ไปซะ หากทวงหนี้กลับมาไม่ได้นายก็ไม่ต้องกลับมาแล้ว!”
มุมปากของจูเจียนเฉียงกระตุก แทบอยากจะฉีกเอกสารในมือออกเป็นชิ้นๆ
“ให้ตายเถอะ นี่มันเรื่องงี่เง่าอะไรเนี่ย? ไหนข้างบนบอกว่าไม่ต้องการเงินก้อนนี้แล้วไง ทำไมยังสั่งลงมาอีกล่ะ!”
จูเจียนเฉียงบ่นด่าพึมพำ
จางเฉียงหยุดเดิน แล้วหันหัวกลับมา “ผมเป็นคนเสนอเอง ทำไม นายมีปัญหาหรือไง?”
“ไม่...ไม่มีปัญหา” จูเจียนเฉียงฉีกยิ้ม ซึ่งยิ้มได้น่าเกลียดกว่าร้องไห้ซะอีก
เซียวหยางหยิบข้อมูลเอกสารและมองไปที่จางเฉียง ไม่ต้องใช้สมองคิดก็รู้ จางเฉียงเห็นว่าจูเจียนเฉียงสนิทใกล้ชิดตนเอง ระบุให้เขาไป ก็เพื่อที่จะกลั่นแกล้งเขา
“ไปกันเถอะ อาจารย์จะไปทวงหนี้พร้อมกับนาย”
เซียวหยางยิ้ม แล้วลุกขึ้นยืน
ทันใดนั้นดวงตาของจูเจียนเฉียงเป็นประกายและเขามองไปที่เซียวหยางด้วยความศรัทธาเลื่อมใส ณ เวลานั้น เขาซาบซึ้งจนน้ำตาเกือบจะไหลออกมา
“อาจารย์ ท่านคือผู้มีพระคุณของผมจริงๆ ความรักที่ท่านมีต่อผม เหมือนสายน้ำที่เชี่ยวกรากไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนกับ.....”
“พอเถอะ ไม่ต้องมาประจบแล้ว ดูไม่ออกเหรอ นายประจบผิดคนแล้ว ถ้าไปประจบกับผู้จัดการจาง งานนี้ก็คงไม่ตกมาถึงมือนาย ”
เซียวหยางเดินไปอยู่ตรงหน้าจางเฉียง และเจตนาหยุดชั่วครู่ “คุณว่าผมพูดถูกมั้ย ผู้จัดการจาง”
จางเฉียงหยุดชะงักไปชั่วครู่ สีหน้าดูไม่ได้เลย “เซียวหยาง นายอย่าทำเกินไป!”
เซียวหยางยักไหล่แล้วเดินออกไปพร้อมกับจูเจียนเฉียง
ทันทีที่ออกไป ในห้องประชุมก็มีการวิพากษ์วิจารณ์แสดงความคิดเห็นต่างๆนาๆ
“จุ้จุ้ เดี๋ยวคงจะมีละครสนุกๆให้ดูแล้ว”
“บริษัทจื้อเต๋อนั้นเหมือนเป็นกระดูกที่แทะยากนะ เจ้าหนุ่มสองคนนี้ไปไม่เท่ากับไปหาที่ตายเหรอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เดชราชาพิโรธ