เดิมพันรักยัยตัวแสบ นิยาย บท 175

ตอนที่ 175 ความรู้สึกของมนุษย์2

แก้วเหล้ากระแทกลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง! จนเซไปด้านข้างทั้งสองด้าน เหล้าหกกระเด็นออกมา

จากนั้น เขาก็แค่นเสียงเยียบเย็นราวห้องใต้ดินออกมา--

“เป่หมิงซีเฉิง ไม่มีใครสอนว่าเวลากินข้าวไม่ให้พูดมากหรือไง!”

ด้วยประโยคอันเยือกเย็นนี้ ทำให้บรรยากาศหนักอึ้งขึ้นโดยฉับพลัน!

ปลายนิ้วของกู้ฮอนสั่นเทา

ความโกรธเคืองที่เธอกักเก็บไว้ตลอดทั้งเย็น ได้พุล่งพล่านขึ้นมาเพราะเป่หมิงโม่ดุด่าลูกชายคนนี้!

ฟันกรามของเธอกระทบกันกรอด ทว่าต่อหน้าผู้คนมากมายในตระกูลเป่หมิง จึงเพียงได้แต่เสแสร้งยิ้มน้อย ๆ พูดขึ้น--

“ฉันว่าไม่ใช่ไม่มีใครสอนเฉิงเฉิงหรอกค่ะ แต่ว่าเขามีพ่อที่เย็นชาไร้อารมณ์ เจ้าเล่ห์เพทุบาย ใจจืดใจดำ กระทำการได้ทุกรูปแบบ ก็เลยไม่มีใครกล้าสอนเขาหรือเปล่าคะ?”

ชิ้ง

เมื่อเสียงเงียบลงก็ปรากฏเสียงลมหายใจดังขึ้น

แทบทุกคนที่อยู่ตรงโต๊ะอาหารไม่มีใครคาดคิด ว่ากู้ฮอนจะกล้ายั่วยุอารมณ์เป่หมิงโม่อย่างซึ่ง ๆ หน้า!

หน้าผากเป่หมิงยันมีเหงื่อเย็นซึมออกมา พยายามส่งสายตาไปทางกู้ฮอนอย่างถวายชีวิต ตักเตือนเธออย่างลับ ๆ ไม่ให้ไปแหย่หางเสือ

ตามคาด สีหน้าเข้มขรึมของเป่หมิงโม่ ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งพันปีขึ้นมาอีกชั้น! สายตาที่แหลมคมนั่น ราวกับมีดน้ำแข็งทิ่มแทงถึงกระดูก!

“อ้อ? ฉันเย็นชาไร้อารมณ์ เจ้าเล่ห์เพทุบาย ใจจืดใจดำ กระทำการได้ทุกรูปแบบสินะ?” น้ำเสียงของเป่หมิงโม่เยียบเย็น บางเบาราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิอันอ่อนโยน ทว่าคนที่คุ้นเคยกับเขาล้วนรู้ดี ว่าความอ่อนโยนนั้นหมายถึงอันตรายยิ่งขึ้น! “ความหมายของคุณกู้คือคนอย่างผม ไม่คู่ควรจะเป็นพ่อของลูกผมหรือไง?”

กู้ฮอนถลึงตามองเขา โกรธจนใบหน้าซีดขาว ก่อนหน้านี้เธอสามารถเก็บกดอารมณ์ไว้ได้ แต่ว่าให้เห็นลูกชายถูกเขากลั่นแกล้งตำตานั้น ให้เธอสงบปากสงบคำไม่ได้หรอก!

เมื่อความแค้นเก่าใหม่มารวมกัน ก็มากพอจนยากจะทานทน!

“คู่ควรหรือไม่ คิดว่าทุกคนต่างรู้เห็นเป็นพยานได้ค่ะ!” เธอกล้าจ้องมองตอบเขาโดยตรง แม้กระทั่งฝ่ามือจะเต็มไปด้วยเหงื่อ

เขาหรี่ตาเยือกเย็น “อย่างน้อย ผมก็ไม่สอนให้ลูกผมเป็นขโมย และจะไม่สอนให้ลูกผมทอดทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อเป้าหมายใด ๆ ที่วางไว้!”

 ดวงตาของเธอวาววาบ จะฟังไม่ออกว่านั่นคือคำประชดประชันของเขาได้อย่างไร?

เขาจงใจแดกดันเธอชัด ๆ หากเทียบกับกู้เซิงเทียนแล้วเขายังนับว่ามีคุณสมบัติจะเป็นพ่อมากกว่า!

เธอโกรธจนกำหมัดแน่น ยี่เฟิงตบบ่ากู้ฮอนเป็นการปลอบใจ เอ่ยคำพูดแทรกขึ้นมาอย่างอ่อนโยน

“อาสอง ด้วยสถานะทางบ้านตั้งแต่วัยเยาว์ของแฟนสาว เธอจึงไม่เคยชินเวลาที่เห็นเด็กถูกรังแกเป็นพิเศษ ขอให้อาสองช่วยใจเย็นลงหน่อยครับ!”

ยี่เฟิงเคยคุ้นกับความยากลำบากที่กู้ฮอนเคยได้รับมาก่อนในตระกูลกู้ ดังนั้นเขาจึงเห็นว่าการเข้าปกป้องเฉิงเฉิงของกู้ฮอนนั้นมาจากผลกระทบที่เคยได้รับจากครอบครัวในวัยเด็ก

คำพูดนี้ของยี่เฟิงราวกับจุดชนวนความขุ่นเคืองในใจของเป่หมิงโม่ขึ้นมา เขายกมือขึ้น--

ปัง~!

เสียงตบโต๊ะดังสนั่น ทำให้ทุกคนสะดุ้ง!

“แกหุบปากซะ! ลูกของฉันใช่ธุระของสุนัขตัวผู้ตัวเมียอย่างพวกแกสองคนมาสั่งสอนตั้งแต่เมื่อไหร่?!”

เหวอ~ คำที่ว่า ‘สุนัขตัวผู้ตัวเมีย’ อันเยียบเย็นของเป่หมิงโม่นั้น ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างตกตะลึง!

สีหน้าของยี่เฟิงเรียบเฉย แววตาปกคลุมด้วยความเยือกเย็น “อาสอง กรุณาใช้คำพูดให้เกียรติกันหน่อยครับ!”

กู้ฮอนกัดฟัน ขณะที่กำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน ท่านปู่เป่หมิงก็โวยวายขึ้นมา--

“เหลวไหล! พวกแกทำอะไรกัน? ฉันยังไม่ตายนะ! จะเริ่มก่อศึกในตระกูลกันแล้วหรอ?!”

หลันเนี่ยนรีบคว้าตัวยี่เฟิง ส่งสัญญาณไม่ให้เขาแตะต้องอาสองอีก

ขณะนั้น อุณหภูมิรอบข้างลดลงอย่างรวดเร็ว ตึงเครียดจนทำให้ทุกคนต่างนิ่งเงียบ!

ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมา

ดวงตาสว่างสดใสของกู้ฮอน หันมาสบตากับดวงตาเรียวเยียบเย็นของเป่หมิงโม่โดยบังเอิญ ราวกับจะทำให้เกิดไฟลุกโชน!

เป่หมิงยันหัวเราะแห้งขึ้นมาสองเสียง เวลานี้เขา รู้ดีว่าป้องกันตัวเองไว้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

เฉิงเฉิงขมวดคิ้วน้อย มองยังกู้ฮอนที่อยู่เยื้องไปทางด้านหน้า จากนั้น ร่างน้อยที่นั่งอยู่บนม้านั่งเด็กก็ปืนออกมา เจียงฮุ่ยซินสะดุ้ง “เฉิงเฉิงหลานทำอะไร?”

เฉิงเฉิงไม่ตอบเสียง สองขายืนอยู่บนม้านั่ง สองมือน้อยใช้ตะเกียบคีบหอยเป๋าฮื้ออย่างไม่มั่นคงนัก แล้วร่างน้อยก็คลานขึ้นบนโต๊ะอาหาร หนีบหอยเป๋าฮื้ออย่างสั่น ๆ ส่งให้กู้ฮอน “พี่ฮะ กินนะ--”

กู้ฮอนตกตะลึง รีบรับหอยเป๋าฮื้อที่ลูกชายคีบให้อย่างรวดเร็ว ทำไมเธอถึงไม่เห็นแววตาปลอบโยนจากสายตาของเจ้าหนูน้อยคนนี้นะ?

โพรงจมูกตีบตันขึ้นมาทันใด เธอเพิ่งรู้ตัวว่าท่าทีที่เสียอาการของตัวเองทำให้เฉิงเฉิงตกใจกลัว จึงพยักหน้าอย่างอ่อนโยนไปทางลูกชาย “ขอบคุณจ้ะ เฉิงเฉิง……”

ผู้คนมากมายต่างถอนหายใจโล่งอกด้วยการกระทำของเฉิงเฉิง

ท่านปู่เป่หมิงขมวดคิ้วเข้ม ส่งเสียงออกมา “พอแล้ว! ทุกคนกินข้าวกันดี ๆ ซะ!”

*

จากนั้น บรรยากาศที่ตึงเครียดก็ค่อยคลายอ่อนโยนลง

ท่านปู่เป่หมิงยังคงไม่ลืมตัวละครหลักของมื้ออาหารคืนนี้ เอ่ยขึ้น “เจ้าใหญ่ แกไม่ได้กินอาหารของพ่อครัวที่บ้านนานแล้วนี่ คืนนี้กินให้เต็มที่ล่ะ”

“ขอบคุณครับพ่อ” เป่หมิงเฟยหย่วนพยักหน้ายิ้มแย้ม “หลายปีมานี้ผมอยู่ต่างประเทศ ยังรู้สึกคิดถึงรสชาติอาหารของพ่อครัวที่บ้านจริง ๆ ฮะ ๆ”

“นั่นสิคะ” หลันเนี่ยนรีบร้อนเสริมคำ “ยี่เฟิงของเราพูดบ่อย ๆ ว่ากับข้าวของพ่อครัวบ้านตระกูลเป่หมิง กินแล้วให้ความรู้สึกผูกพัน”

คำว่า ‘รู้สึกผูกพัน’ นี้ ในใจเป่หมิงคนโต คนรองและลูกสามรวมทั้งเจียงฮุ่ยซิน ต่างรู้ดีว่าท่านปู่ต้องการจะพูดอะไร!

และมันช่างตรงใจท่านปู่อย่างพอดิบพอดี!

“ฮะ ๆ ๆ เจ้ายี่เฟิงคนนี้ยังอายุน้อย รู้จักว่าอะไรคือรสชาติที่ทำให้รู้สึกผูกพันด้วยหรือ?” ท่านปู่เป่หมิงหัวเราะออกมา เมื่อพูดถึงอาหารของที่บ้าน ท่านปู่จะรู้สึกภาคภูมิใจ “พ่อครัวคนนี้คือพลยิงที่ออกมาจากสนามเพลาะพร้อมกับฉันเมื่อตอนนั้นเชียวนะ……”

พอท่านปู่พูดถึงชัยชนะจากสนามรบเมื่อวัยเยาว์ ก็ยิ้มแย้มเบิกบานขึ้นมา……

เป่หมิงยันกลอกตาทันควัน “พ่อครับ เรื่องมิตรภาพในสงครามของพ่อเล่ามายี่สิบกว่าปีแล้ว ผมฟังมาตั้งแต่เด็ก พ่อไม่เบื่อแต่ผมเบื่อจะแย่แล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เดิมพันรักยัยตัวแสบ